ชื่อของ GoPro นั้น เชื่อว่าทุกคนจะรู้จักกันเป็นอย่างดี กับความเป็นผู้นำด้านกล้องแบบ Action Camera หรือเรียกสั้นๆ ว่า “แอคชั่นแคม” จุดเด่นที่เป็นกล้องขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถเอาไปติดตั้งในตำแหน่งที่กล้องทั่วไปไม่สามารถเอาไปถ่ายได้ รวมถึงประสิทธิภาพในการถ่ายวิดีโอที่เก็บภาพได้มุมกว้าง ทำให้ GoPro ได้รับความนิยมมาก ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่ชอบกิจกรรมโลดโผน ผจญภัย หรือว่าเล่นกีฬา แต่ยังใช้สำหรับการท่องเที่ยว และเก็บภาพในมุมมองพิเศษได้ด้วย
มาในรุ่น GoPro HERO6 Black เป็นเจนเนอเรชั่นล่าสุดที่เปิดตัวพร้อมขายเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ถ้าใครที่เป็นแฟนของ GoPro เมื่อเห็นเจ้า HERO6 Black จะพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “เฮ้ย! หน้าตามันเหมือน GoPro HERO5 เป๊ะๆ เลยนี่” ใช่แล้วครับ หน้าตามันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ไม่ใช่สิ มันเหมือนเดิมหมดทุกประการ ทั้งขนาด รูปร่างหน้าตา สีสัน วัสดุ เหมือนชนิดที่ว่าถ้าเอาวางคู่กันมองแทบไม่ออก ต้องสังเกตตรงโลโก้ด้านข้างกล้อง ที่จะระบุว่าเป็นรุ่น HERO6
จริงๆ แล้วเรื่องดีไซน์ตัวเครื่องที่ไม่เปลี่ยนไป นั้นไม่ใช่ข้อเสีย แต่เป็นข้อดีเพราะทำให้เราสามารถเอาบรรดาอุปกรณ์เสริมต่างๆ ของรุ่น HERO5 ได้ทั้งหมด ทั้งพวก Housing Case สำหรับดำน้ำ, ตัวไม้เซลฟี่หรือขาตั้งแบบต่างๆ, รีโมทคอนโทรล รวมไปอุปกรณ์กันสั่น GoPro Karma Grip และโดรน Karma Drone
มีอะไรบ้างที่ HERO6 Black เหมือนกับ HERO5
เอ่ยไปแล้วว่ารุ่น 6 กับ 5 นี่มันเหมือนกันอย่างกับแกะ คราวนี้มาดูว่านอกจากหน้าตาภายนอกที่เหมือนกันแล้ว สเปคภายในและประสิทธิภาพในการใช้งานนั้น มีอะไรที่เหมือนกันบ้าง
เริ่มด้วยความละเอียดของกล้องนั้น อยู่ที่ 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน ถ่ายภาพนิ่งเก็บไฟล์แบบ RAW ได้, แบตเตอรี่ความจุ 1,220 mAh ขนาดเท่ากันและใช้ด้วยกันได้ ตัวเครื่องที่มีความสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 10 เมตร, หน้าจอ LCD สีที่ด้านหลังกล้องขนาด 2 นิ้วสั่งการแบบสัมผัส
มีระบบสั่งการด้วยเสียง ที่รองรับคำสั่งเสียงได้ถึง 10 ภาษา (แน่นอนว่า ไม่รองรับภาษาไทย) มีติดตั้งระบบพิกัด GPS ในตัว, ระบบการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth, รองรับการเชื่อมต่อกับ Cloud เพื่อแบ็คอัพไฟล์ภาพและวิดีโอขึ้นไปเก็บให้โดยอัตโนมัติ
จุดเด่นที่น่าสนใจใน GoPro HERO6 Black ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
หลังจากเทียบสิ่งที่เหมือนกันไปแล้ว คราวนี้มาดูสิ่งที่ HERO6 Black พัฒนาขึ้นมาให้ดีกว่ารุ่น 5 กันบ้าง ที่ต้องบอกว่าประสิทธิภาพของ HERO6 Black นั้นพัฒนาข้ามขีดจำกัดของรุ่นก่อนหน้านี้ รวมถึงบรรดากล้องแอคชั่นแคมยี่ห้ออื่นในตลาดแบบต้องหันควับกลับมามองเลยทีเดียว
ใช้ชิปประมวลผลใหม่ ทำให้ถ่ายวิดีโอได้ดีกว่าเดิม
นี่เป็นครั้งแรกที่ GoPro พัฒนาชิปประมวลผลในกล้องด้วยตัวเอง จากที่ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ใช้ของที่อื่นมาตลอด โดยชิปโปรเซสเซอร์ตัวนี้มีชื่อว่า GP1 มีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งอย่างแรกก็คือ ทำให้ HERO6 Black สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงที่ 4K ในระดับ 60 เฟรมต่อวินาที (FPS) ได้แล้ว จากแต่ก่อนถ้าจะถ่าย 4K ทำได้ที่ 30FPS เท่านั้น ทำให้สามารถเก็บวิดีโอเคลื่อนไหวความละเอียดสูงและมีการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลดีเยี่ยมได้อย่างสวยงาม ส่วนการถ่ายวิดีโอสโลโมชั่นก็เก็บได้ที่ระดับ Full HD 240 fps
ยังไม่หมดแค่นั้น ชิป GP1 นี้ทำให้ HERO6 Black สามารถถ่ายวิดีโอแบบซูมได้ โดยเลือกซูมก่อนจะเริ่มถ่าย (ถ่ายไปซูมไปไม่ได้) การซูมก็แตะที่หน้าจอทัชสกรีนด้านหลังแล้วปรับเอาได้เลย
จัดการเรื่องสภาพแสงในภาพได้ดีขึ้น
ความดีงามของชิป GP1 ยังไม่หมดแค่นั้น มันช่วยเรื่องการประมวลผลด้าน Dynamic Range ได้ดีขึ้นกว่าเดิม การเฉลี่ยค่าแสงสว่างภายในภาพถูกปรับให้มีความสมดุลสวยงาม มีโหมด Night Photo ที่ช่วยให้ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดี
มีระบบกันสั่นที่ดีจนต้องร้องว้าว!
จริงๆ แล้วในรุ่น 5 ก็มีระบบลดการสั่นไหวระหว่างถ่ายวิดีโอมาให้แล้ว แต่ใน HERO6 Black นั้นทำได้ดีกว่าเดิม ดีขึ้นมากชนิดที่ว่าเมื่อเปิดใช้งาน ภาพวิดีโอที่ได้ในระหว่างที่เคลื่อนไหวนั้น เนียนนิ่งและสั่นไหวน้อยมาก ชนิดที่ว่าบางคนเห็นนึกว่าใช้พวกอุปกรณ์ Stabilizer มาติดตั้งตอนถ่ายเลยทีเดียว
เชื่อมต่อและโอนข้อมูลได้เร็วขึ้น
ระบบ WI-FI ใน HERO6 Black เปลี่ยนจากเดิมที่เป็น 2.4 GHz มาเป็น 5 GHz ที่เทียบกันแล้วมีความเร็วในการโอนข้อมูลไร้สายได้เร็วกว่าเดิมถึง 3 เท่า ช่วยให้เวลาที่ถ่ายเสร็จจะโยนเข้าสมาร์ทโฟนเพื่อตัดต่อแล้วแชร์ลงโซเชียลทำได้เร็วทันใจ
อีกสิ่งที่ HERO6 Black ทำได้ดีมากคือ ระบบการบันทึกเสียง ที่แทบทุกรุ่นมีปัญหาเรื่องของเสียงลมระหว่างที่ปั่น แต่ใน HERO6 Black มีให้เลือกโหมดเสียงที่ตัดเสียงของลม ที่ตัดได้ดีมาก รวมถึงพวกเสียงกระแทกจากพื้นถนนก็มีน้อย
ทำงานร่วมกับแอพฯ ในสมาร์ทโฟน ทั้งควบคุมและตัดต่อคลิปได้อย่างง่ายดาย
HERO6 Black เชื่อมต่อและทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ผ่านแอพฯ GoPro โดยแอพฯ นี้ใช้งานคู่กับกล้องได้ครบถ้วน ทั้งใช้เป็นหน้าจอควบคุมสั่งงานถ่ายภาพและวิดีโอผ่านสมาร์ทโฟนได้เหมือนกับสั่งผ่านทางจอทัชสกรีนหลังกล้อง เอาไว้ใช้เปิดดูไฟล์ภาพวิดีโอที่อยู่ในกล้อง และสั่งโอนข้อมูลมาเก็บที่สมาร์ทโฟนได้ทันที คราวนี้เมื่อเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ที่เร็วกว่าเดิมก็ทำให้ทำงานร่วมกันได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมจนเห็นได้ชัด
นอกจากตัวแอพฯ สำหรับควบคุมและโอนไฟล์แล้ว GoPro ยังมีแอพฯ ที่ชื่อว่า QUIK ที่พัฒนามาเพื่อใช้ตัดต่อคลิปวิดีโอ ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่เลือกคลิปหรือภาพที่ต้องการเข้ามาในแอพฯ เลือก Theme ของวิดีโอที่มีให้เลือกได้หลายแบบ จากนั้นเลือกปรับลำดับหรือเปลี่ยนเพลง, เลือกความยาวของคลิป แล้วก็กดประมวลผล ตัวแอพฯ จะทำการตัดต่อคลิปออกมาเป็นคลิปวิดีโอสั้น ที่มีการตัดสลับภาพไปมาได้สวยงามเหมือนกับใช้มืออาชีพมาตัดให้เลย
หรือถ้าจะใช้งานในคอมพิวเตอร์ เราสามารถเสียบ HERO6 Black เข้ากับพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์และทำงานผ่านโปรแกรม QUIK เวอร์ชั่นเดสก์ทอปได้เช่นกัน โดยจะมีความสามารถเพิ่มเติมในการเลือกแสดงผลค่า GPS ระหว่างที่ถ่ายวิดีโอ ให้แสดงผลเป็นตัวเลขหรือเส้นทางบนวิดีโอได้ ก็จะได้คลิปวิดีโอเก๋ๆ ที่แสดงให้เห็นการเดินทางได้อย่างละเอียด
GoPro HERO6 Black เหมาะสำหรับใคร
การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ GoPro กับกล้องแอคชั่นแคม เรียกได้ว่า HERO6 Black ออกมาแก้ไขเรื่องขีดจำกัดที่เคยติดขัดและทำไม่ได้ออกไปได้เกือบหมด เหนือกว่ารุ่นเก่าและยีห้ออื่นอย่างชัดเจน ทั้งคุณภาพไฟล์ที่บันทึกได้ ดีในระดับนำไปใช้ตัดต่องานโปรดักชั่นมืออาชีพได้สบายๆ ความสว่างและสีของภาพสวยงาม และมุมมองในการเก็บภาพก็เลือกได้ทั้งแบบปกติหรือกว้างสุดๆ ก็ได้
โหมดการถ่ายภาพมีมาให้ครบ นอกจากภาพนิ่งและวิดีโอแล้ว ยังเลือกถ่ายแบบ Time-lapse เคลื่อนไหวรวดเร็ว เลือกได้ทั้งแบบถ่ายเป็นวิดีโอเลยหรือจะถ่ายเป็นภาพถ่ายทีละช็อตมาเรนเดอร์เองทีหลัง และมี Burst Mode ถ่ายภาพรัวๆ หลายภาพในช็อตเดียวเพื่อเก็บภาพหยุดนิ่ง เลือกได้สูงสุดที่ 10 ภาพต่อวินาที
ระบบบันทึกเสียงที่เป็นสเตอริโอเลือกเปลี่ยนเป็นโหมด Wind Only เพื่อลดเสียงลมพัดเวลาที่เคลื่อนไหวได้ การใช้งานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและทำงานควบคู่กับแอพฯ ได้อย่างสะดวกง่ายดาย
จะมีบางอย่างที่ใช้แล้วก็ยังคงขัดใจนั้นก็มีอยู่บ้าง อย่างแรกคือแบตเตอรี่ที่หมดค่อนข้างเร็ว ชาร์จเต็ม 1 ก้อนสามารถใช้งานถ่ายวิดีโอต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมง แนะนำว่าถ้าซื้อมาใช้ให้ซื้อแบตเตอรี่เสริมเพิ่มอีก 1-2 ก้อนไว้ได้เลย รวมถึงระบบไฟล์แบบใหม่ HEVC ในการบันทึกวิดีโอระดับ 4K ยังหาคอมพิวเตอร์ในการใช้งานได้ยาก มีรองรับเฉพาะใน iPhone รุ่นใหม่ๆ เครื่อง Mac และคอมพิวเตอร์รุ่นที่ใช้ชิปของ Intel ตั้งแต่ Gen6 ขึ้นมาเท่านั้น
กรณีถ้าคุณมี GoPro Hero4 ที่เป็นรุ่นเก่า แล้วมีโครงการอยากจะซื้อรุ่นใหม่ อาจจะมีลังเลอยู่ว่าจะซื้อแค่ HERO5 Black ที่ถูกกว่าดีมั้ย ส่วนตัวแนะนำว่าข้ามไปเล่นรุ่นใหม่ HERO6 Black ไปเลยคุ้มกว่าในระยะยาว แต่ถ้าใครใช้เป็นรุ่น 5 อยู่ อาจจะไม่รู้สึกว่าต้องอัพเกรดมาเป็น 6 เท่าไรนัก
สำหรับ GoPro HERO6 Black เป็นแอคชั่นแคมที่ลงตัวในการใช้งานได้ทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง จนขนาดที่ GoPro บอกว่าตอนนี้มันไม่ได้เป็นแค่ Action Camera อีกต่อไป แต่ก้าวข้ามมาเป็น Activity Camera ทำหน้าที่เป็นกล้องที่พร้อมถ่ายเก็บบันทึกในทุกช่วงเวลาของคุณได้อย่างที่ต้องการ
GoPro HERO6 Black วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ในราคา 18,500 บาท อาจจะดูว่าราคาสูงแต่ว่าประสิทธิภาพนั้นคุ้มราคา ขอขอบคุณ www.LNWgadget.com ตัวแทนจำหน่ายกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่างเป็นทางการ สำหรับกล้อง GoPro HERO6 Black สำหรับใช้ในการทดสอบครั้งนี้ครับ