หลังจาก DJI เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Mavic Air ไปแล้วในต่างประเทศ แฟนๆ ชาวไทยก็ไม่ต้องรอนาน โดย DJI ร่วมมือกับ Synnex เปิดตัวพร้อมจำหน่าย DJI Mavic Air ในไทยอย่างเป็นทางการ จัดเต็มด้วยฟีเจอร์เด็ดที่พัฒนามาเพื่อการท่องเที่ยวและกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะ
DJI Mavic Air Adventure Unfolds
Mavic Air โดรนพับได้รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ไม่ได้เพียงเหมาะสำหรับการพกพาเท่านั้น แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพการทำงานของฟีเจอร์สุดฉลาด ที่พร้อมเปิดรับทุกการสร้างสรรค์แบบไร้ขอบเขตอย่างที่ไม่เคยมีคอนซูเมอร์โดรน หรือโดรนสำหรับการใช้งานทั่วไปรุ่นใดทำได้มาก่อน จัดเต็มด้วยฟีเจอร์เด็ดที่พัฒนามาเพื่อการท่องเที่ยวและกิจกรรมกลางแจ้งโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น กล้อง 4K เพื่อภาพถ่ายคุณภาพล้ำ โหมด QuickShot และ SmartCapture ที่ช่วยให้เก็บภาพนิ่งและเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น พร้อมระบบช่วยบิน FlightAutonomy 2.0 ที่ใช้เซ็นเซอร์รอบตัวในการหลบสิ่งกีดขวางและเพิ่มความละเอียดในการควบคุมการบิน ด้วยอัศจรรย์แห่งวิศวกรรมและการออกแบบ ทำให้ Mavic Air ไร้ซึ่งขีดจำกัดกับทุกการโลดแล่นในโลกของการผจญภัยไปกับคุณ
ด้วยน้ำหนักเพียง 430 กรัม ทำให้ Mavic Air เป็นโดรนที่เหมาะกับการพกพามากที่สุด โดยสามารถพับขาเก็บแนบกับโครงให้เหลือขนาดเล็กเกือบเท่าสมาร์ทโฟน
ทุกมุมมองจากกล้องของ Mavic Air ถูกออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหว 3 แกน เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่นิ่งคมขึ้น ทรงพลังด้วยเซ็นเซอร์แบบ CMOS 1/2.3” พร้อมกับเลนส์มุมกว้าง 24มม. f/2.8 เทียบเท่ากล้องฟูลเฟรม 35 มม. ที่ทำให้ภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมีความคมชัดสูง
Mavic Air สามารถถ่ายภาพนิ่งมุมกว้างได้สุดตระการตา ด้วยความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซล และมีโหมด HDR เพื่อเก็บรายละเอียดแสงที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของวันได้ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนลับขอบฟ้า นอกจากนี้ยังถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบ 4K ได้โดยไม่สั่นถึง 30 เฟรมต่อวินาที (fps) ทำให้ได้วิดีโอที่มีความชัดสูงสุดกว่าโดรนดีเจไอรุ่นอื่นๆ ด้วยบิทเรท 100 Mbps สำหรับการตัดต่อที่ต้องการรายละเอียดของวิดีโอ และยังมีประสิทธิภาพในการบันทึกการเคลื่อนไหวความเร็วสูงให้เป็นวิดีโอ Slow motion ได้ 120 fps ที่ความละเอียด 1080p
Mavic Air ถือเป็นโดรนดีเจไอตัวแรกที่มีความจุในตัวถึง 8 GB ให้คุณเลือกเก็บภาพนิ่งและเคลื่อนไหวไว้ได้ทั้งในตัวเครื่องหรือบันทึกลงใน Micro SD Card ได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีช่อง USB-C เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่สะดวกรวดเร็วขึ้น
เติมความคิดสร้างสรรค์ได้ไม่สิ้นสุด
Mavic Air มาพร้อมกับระบบกล้องอันชาญฉลาดที่ไม่ว่าใครก็ตาม แม้จะไม่เคยถ่ายภาพหรือเคยใช้โดรนมาก่อนก็สามารถถ่ายภาพสวยๆ ได้ สำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพอยู่แล้วก็สามารถเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ ตัวแบบพาโนราม่าด้วยฟีเจอร์ Sphere panorama ที่สั่งการให้โดรนหมุนรอบตัวเพื่อถ่ายภาพ 25 ภาพติดต่อกัน ให้เกิดเป็นภาพมุมกว้างที่มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซลได้ภายใน 1 นาที นอกจากนั้น Mavic Air ยังรองรับการถ่ายภาพแบบ Multiple panorama ที่สามารถเก็บภาพมุมกว้างได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน และแบบ 180 องศา
ยังมีโหมดวิดีโอสุดล้ำ Quick Shot ที่ช่วยบันทึกภาพเคลื่อนไหวอย่างมืออาชีพ แต่ยังคงความสนุกและง่ายกว่าด้วยการล็อควัตถุที่ต้องการให้ยังอยู่ในเฟรมตลอดเวลา หรือเลือกโหมดต่างๆ เช่น Rocket Dronie Circle หรือ Helix และอีก 2 โหมดล่าสุดคือ Asteriod และ Boomerang เพื่อสร้างสรรค์วิดีโอที่ต้องใช้ความสามารถสูงในการบินและการตัดต่อ โดยโหมด Asteriod จะถ่ายภาพกว้างแบบวนรอบด้านบนแล้วค่อยๆ ซูมเข้าไปใกล้วัตถุบนพื้น ส่วนโหมด Boomerang จะถ่ายวัตถุในลักษณะบินวนเป็นรูปไข่แล้วกลับมาจบที่จุดเริ่มต้น
ในส่วนของฟังก์ชั่นช่วยบิน ActiveTrack ของ Mavic Air ยังฉลาดขึ้นอีกขั้นด้วยการโฟกัสได้หลายเป้าหมาย และยังสามารถบินตามวัตถุหรือคนได้แม่นยำมากขึ้นโดยเฉพาะเมื่อวัตถุหรือคนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง เช่น การวิ่งหรือการปั่นจักรยาน
เสริมทัพด้วยเทคโนโลยีอย่าง SmartCapture ระบบควบคุมการสั่งการที่ตอบสนองได้รวดเร็วมากขึ้น ยิ่งทำให้ Mavic Air ถ่ายภาพนิ่งและเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น รองรับระยะได้ไกลถึง 20 ฟุต (6 เมตร) และสามารถสั่งงานให้บินขึ้นตามวัตถุ ถ่ายภาพ บันทึกภาพเคลื่อนไหว บินไปข้างหน้า และลงจอดได้ด้วยคำสั่งมือ ให้คุณเก็บทุกความประทับใจได้โดยไม่ต้องใช้รีโมทคอนโทรล
บินอย่างฉลาดและปลอดภัย
ด้วยระบบประมวลผลอันทรงพลัง Mavic Air จึงบินได้อย่างปลอดภัยและชาญฉลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเจอกับสิ่งกีดขวางหรือภูมิประเทศใด ระบบ FlightAutonomy 2.0 จะประมวลผลข้อมูลด้วยกล้อง 7 ตัวรอบเครื่อง โดยทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์อินฟราเรดในการสร้างแผนที่ของสภาพแวดล้อมรอบเครื่องในรูปแบบ 3 มิติขึ้นมาเพื่อเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในการบิน พร้อมด้วยระบบกล้องสองตัวหน้าหลังที่พัฒนาให้ดีขึ้น
เพื่อช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้ในระยะไกลถึง 66 ฟุต (20 เมตร) นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยบินหลบหลีกสิ่งกีดขวางอัตโนมัติ (Advanced Pilot Assistance Systems) ที่ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำในสภาวะแวดล้อมกลางแจ้งที่ซับซ้อน
Mavic Air สามารถบินได้นานถึง 21 นาที โดยสามารถบินนิ่งๆ ในกระแสลมแรงได้ถึง 22 ไมล์ต่อชั่วโมง (36 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และบินขึ้นในแนวดิ่งได้สูงถึง 16,404 ฟุต (5,000 เมตร) เหนือระดับน้ำทะเล ทั้งนี้ รีโมทคอนโทรลของ Mavic Air ยังเป็นเครื่องแรกที่มาพร้อมขาช่วยถือในตัว และยังมีเสารับสัญญาณ บนอุปกรณ์ช่วยลงจอดที่เพิ่มการครอบคลุมระยะสัญญาณได้ไกลถึง 2.5 ไมล์ (4 กิโลเมตร) พร้อมส่งภาพวิดีโอแบบเรียลไทม์ขณะบินได้เร็วถึง 720p เมื่อใช้รีโมทคอนโทรล หรือเมื่ออยู่ในโหมด Sport Mavic Air จะสามารถทำความเร็วได้ถึง 42 ไมล์ต่อชั่วโมง (68 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และยังสามารถใช้ร่วมกับแว่น DJI Goggles สำหรับการบินเสมือนจริงแบบ FPV ได้อีกด้วย
ราคาและการจัดจำหน่าย
สำหรับ DJI Mavic Air มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Onyx Black, Arctic White และ Flame Red โดยในชุดมาตรฐาน ประกอบไปด้วย ตัวโดรน แบตเตอรี่ รีโมทคอนโทรล กล่องสำหรับใส่อุปกรณ์ทั้งหมด อุปกรณ์ป้องกันใบพัด 2 คู่ ใบพัด 4 คู่ ราคาอยู่ที่ 30,000 บาท และชุดคอมโบ Mavic Air Fly More Combo ที่ประกอบด้วย ตัวโดรน แบตเตอรี่ 3 ก้อน รีโมทคอนโทรล กระเป๋าสำหรับเดินทาง อุปกรณ์ป้องกันใบพัด 2 คู่ ใบพัด 6 คู่ อุปกรณ์สำรองไฟ และอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ วางจำหน่ายในราคา 37,500 บาท