ปีที่แล้ว ZTE (แซตทีอี) ถูกฟ้องข้อหาละเมิดความร่วมมือการคว่ำบาตรประเทศเกาหลีเหนือ และอิหร่านด้วยการส่งผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีของที่ผลิตในสหรัฐเข้าไปวางจำหน่าย ผลคือมีคนถูกไล่ออก และตัดโบนัสจากการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ZTE
อย่างไรก็ตามกระทรวงการค้าสหรัฐพบว่า ZTE ได้ทำเพียงไล่ออกเท่านั้น ส่วนโบนัสยังคงจ่ายให้พนักงานตามเดิมแม้ว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมละเมิดการคว่ำบาตรกับทั้งสองประเทศนั้นก็ตาม ทำให้เรื่องราวกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง
ทางเลขาธิการกระทรวงการคลังบอกว่าแซตทีอีนั้นจงใจโกหกต่อรัฐบาลสหรัฐหลังจากถูกจับได้ว่าไม่ยอมเข้าร่วมการคว่ำบาตรอย่างถูกต้อง แถมยังโกหกอีกครั้งหลังจากถูกทัณฑ์บน และยังชี้นำกระทรวงการคลังให้เข้าใจผิด อีกทั้งมอบรางวัลเป็นเงินโบนัสให้กับพนักงานที่ร่วมกระทำการผิดกฏ พฤติกรรมเช่นนี้คงจะมองข้ามไม่ได้อีกต่อไป
ผลจากการจ่ายโบนัสทั้งที่ไม่ควรจะจ่าย ทำให้แซตทีอีถูกตัดสิทธิ์ห้ามค้าขายกับบริษัทสหรัฐอเมริกา 7 ปีด้วยกัน (สิ้นสุด 13 มีนาคม 2025) ทำให้แซตทีอีไม่สามารถซื้อชิป Qualcomm Snapdragon ไปใช้งานได้อีกต่อไป ตัวเลือกอาจจะเหลือเพียงไปซื้อ Exynos จาก Samsung หรือ Kirin จาก Huawei เท่านั้น
ที่สำคัญคือนอกจากชิปประมวลผลจะซื้อจาก Qualcomm ไม่ได้อีกต่อไป ปัญหาอีกอย่างก็คืออาจจะใช้งาน Android ของ Google ไม่ได้ด้วย เพราะอยู่ในข้อตกลงห้ามซื้อหรือใช้บริการบริษัทสหรัฐนั่นเอง
ณ ตอนนี้แซตทีอีส่งทนายเข้าไปคุยกับ Google แบบลับๆ เพื่อหาข้อสรุปและแนวทางที่จะทำได้ในอนาคต หลายๆ คนคงเกาได้ว่าตอนนี้โลกมือถือถูกปกครองโดยสองเจ้าใหญ่ (iOS และ Android) การที่แซตทีอีจะออกไปพัฒนาเองนั้นไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก ส่วนมวยเบอร์รองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Firefox OS, webOS, Windows 10 Mobile, Tizen, BlackBerry 10 นั้นล้วนพ่ายแพ้หายไปจากตลาดแล้วทั้งสิ้น จะให้ไปพัฒนาเองก็คงจะไม่ดีและมีจุดจบเหมือนรายอื่นๆ แต่จะไม่ใช้ก็ไม่ได้
งานนี้อาจจะจบลงด้วยการที่แซตทีอีจะต้องไปใช้โค้ดจาก AOSP (Android Open Source Project) แทน ซึ่งจะไม่สามารถให้บริการ Google Apps อย่าง Gmail, Calendar, Google Maps, Google Play ได้ แล้วใครจะอยากซื้อมือถือที่ใช้บริการเหล่านี้ไม่ได้ล่ะจริงไหม?
เรื่องที่น่าสนใจก็คือแซตทีอีเป็นมวยเบอร์รองที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ โทรศัพท์ไม่ขายพ่วงสัญญาเหมือนกับรายใหญ่รายอื่นๆ (เช่น Apple, Samsung) การถูกแบนจาก Google (Android) และ Qualcomm (Snapdragon) อาจจะหมายถึงไม่สามารถพัฒนาสมาร์ทโฟนใหม่ขายให้กับตลาดอเมริกันซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรองจากจีนได้อีกต่อไป รายได้ตรงนี้ที่หายไปน่าจะส่งผลกระทบกับแซตทีอีไม่น้อยทีเดียว