Smart Lock คือระบบปลดล็อกสมาร์ทโฟนรูปแบบใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ PIN, รูปแบบ, รหัสผ่าน รวมทั้งการสแกนนิ้วมือ / ใบหน้าในการ Unlock เครื่องของคุณ โดยการเชื่อมต่อกับ Smart Watch หรืออุปกรณ์ Bluetooth ที่รองรับได้ง่ายๆ วันนี้ทาง Whatphone ก็ได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียดของการปลดล็อกรูปแบบใหม่นี้มาฝากผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Android ทุกคนครับ
ฟีเจอร์ Smart Lock สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน Android
สำหรับฟีเจอร์ การปลดล็อกอัตโนมัติ นี้มีมาในสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ตั้งแต่เวอร์ชั่น 5.0 Lollipop ขึ้นไป โดยจะอยู่ในเมนูตั้งค่า ในหมวดของ ความปลอดภัยและตำแหน่ง > Smart Lock แล้วป้อน PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่าน จึงเลือกตัวเลือกแล้วทำตามขั้นตอนในหน้าจอ ทั้ง 5 แบบ ดังนี้
ปลดล็อกด้วยการตรวจจับร่างกาย
- แตะการตรวจจับร่างกายในเมนู Smart Lock
- เปิดหรือปิดการตรวจจับร่างกายของ Smart Lock
- หลังจากที่ปลดล็อกแล้ว อุปกรณ์จะยังคงปลดล็อกอยู่เช่นนั้นตราบใดที่ยังรู้สึกว่าอยู่บนตัวคุณ หลังจากที่วางอุปกรณ์ลง เช่น วางไว้บนโต๊ะ อุปกรณ์ก็จะล็อกโดยอัตโนมัติภายใน 1 นาที
- การตรวจจับร่างกายของอุปกรณ์บางรุ่นจะเรียนรู้รูปแบบการเดินของคุณ หากตรวจพบการเดินที่มีลักษณะแตกต่างออกไปมาก โทรศัพท์ก็อาจล็อกได้ หากโทรศัพท์ล็อกหลังจากที่คุณเดิน ให้ปลดล็อกและโทรศัพท์จะเรียนรู้ลักษณะการเดินที่เปลี่ยนไป
- หลังจากขึ้นรถยนต์ รถประจำทาง รถไฟ หรือยานพาหนะอื่น อุปกรณ์อาจใช้เวลา 5-10 นาทีในการล็อก (อุปกรณ์อาจไม่ล็อกอัตโนมัติเมื่อคุณอยู่บนเครื่องบินหรือเรือ)
เคล็ดลับ : อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลรูปแบบการเดินจากตัวตรวจวัดความเร่งเพื่อช่วยระบุว่าคุณเป็นผู้ถืออุปกรณ์อยู่ เมื่อคุณปิดการตรวจจับร่างกาย อุปกรณ์จะลบข้อมูลนี้
ปลดล็อกด้วยสถานที่ที่เชื่อถือได้
- สถานที่ที่เชื่อถือได้ทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมี Wi-Fi
- ให้โทรศัพท์ใช้ตำแหน่งปัจจุบันของคุณ (เปิด GPS)
- เปิดโหมดตำแหน่งแบบความแม่นยำสูงหรือแบบประหยัดแบตเตอรี่
สถานที่ที่เชื่อถือได้เป็นการประมาณการเท่านั้นอาจมีขอบเขตเกินกำแพงของบ้านหรือสถานที่ที่คุณกำหนดเอง การตั้งค่านี้ช่วยให้อุปกรณ์ของคุณปลดล็อกอยู่เสมอในระยะรัศมีไม่เกิน 80 เมตร อาจมีการถ่ายทอดสัญญาณหรือปรับเปลี่ยนสัญญาณแจ้งตำแหน่งได้ ซึ่งทำให้ผู้ที่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์พิเศษปลดล็อกอุปกรณ์ของคุณได้
ปลดล็อกด้วยอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้
ปลดล็อกโทรศัพท์ค้างไว้เมื่อมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายที่เชื่อถือได้ เช่น นาฬิกาข้อมือ, หูฟังไร้สาย รวมถึงระบบลำโพงรถยนต์แบบบลูทูธ โดยเราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงอุปกรณ์ที่อยู่กับโทรศัพท์ตลอดเวลา เช่น แป้นพิมพ์บลูทูธหรือเคส
อย่าลืมตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อปลอดภัยเมื่อใช้อุปกรณ์บลูทูธที่เชื่อถือได้ มีโอกาสที่คนอื่นจะปลดล็อกโทรศัพท์ของคุณค้างไว้ด้วยการเลียนแบบการเชื่อมต่อบลูทูธ หากได้รับการแจ้งเตือนในโทรศัพท์ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่ออุปกรณ์ระบุไม่ได้ว่าคุณใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยอยู่ ซึ่งในกรณีนี้คุณอาจต้องปลดล็อกโทรศัพท์เอง
ระยะการเชื่อมต่อบลูทูธอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น รุ่นของอุปกรณ์ อุปกรณ์บลูทูธ และสภาพแวดล้อมในขณะนั้น บลูทูธอาจเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 100 เมตร หากมีคนนำโทรศัพท์ของคุณไปขณะที่อยู่ใกล้กับอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ บุคคลดังกล่าวอาจเข้าถึงโทรศัพท์ของคุณได้หากอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้นั้นปลดล็อกโทรศัพท์แล้ว
หมายเหตุ : สำหรับอุปกรณ์บางรุ่น คุณต้องปลดล็อกโทรศัพท์ก่อนที่โทรศัพท์จะปลดล็อกค้างไว้
ปลดล็อกด้วย Voice Match
เมื่อคุณพูดว่า “Ok Google” จากหน้าจอล็อกที่ปลอดภัยและเราจำเสียงพูดของคุณได้ คุณก็จะขอให้ Google ทำสิ่งต่างๆ ให้หรือเข้าชมเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องปลดล็อกอุปกรณ์ด้วยตนเอง
หมายเหตุ: การจับคู่เสียงใช้ในอุปกรณ์ Nexus 6 ไม่ได้ และการใช้ฟีเจอร์นี้ต้องใช้เมนูภาษาอังกฤษเท่านั้น ถึงจะเปิดใช้งานได้
ปลดล็อกด้วยใบหน้าที่เชื่อถือได้
คุณสั่งให้อุปกรณ์ปลดล็อกเมื่ออุปกรณ์จำใบหน้าคุณได้ โดยหลังจากตั้งค่าใบหน้าที่เชื่อถือได้แล้ว ทุกครั้งที่คุณเปิดอุปกรณ์ อุปกรณ์จะค้นหาใบหน้าและปลดล็อกหากจำใบหน้าของคุณได้
หมายเหตุ : การจำใบหน้าปลอดภัยน้อยกว่า PIN, รูปแบบ หรือรหัสผ่าน เพราะผู้ที่มีใบหน้าคล้ายกับคุณอาจปลดล็อกโทรศัพท์ของคุณได้ และ Smart Lock จะไม่เก็บรูปภาพของคุณไว้ โดยระบบจะเก็บข้อมูลที่ใช้จำใบหน้าไว้ในอุปกรณ์เท่านั้น แอปต่างๆ จะดูหรือใช้ข้อมูลนี้ไม่ได้ และจะไม่มีการสำรองข้อมูลนี้ในเซิร์ฟเวอร์ของ Google
เมื่อตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถปลดล็อกสมาร์ทโฟนของคุณได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ต้องสแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้า , ใส่ Pin หรือ รูปแบบ ให้ยุ่งยากอีกต่อไป
สำหรับ 5 รูปแบบดังกล่าวนั้น เพื่อนๆสามารถอ่านและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก : สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่ และสุดท้ายนี้ก็อย่าลืมติดตาม Whatphone สำหรับบทความต่อๆ ไปด้วยนะครับ