ใกล้ถึงเวลาที่ Samsung Galaxy Note 9 จะเปิดตัวเต็มทีแล้ว หลายคนคงอยากรู้กันใช่มั้ยครับว่า เจ้าตัว S Pen ที่ติดมากับซัมซุงกาแลคซี่โน้ตนั้นมีความสามารถที่สุดยอดแค่ไหน หน้าตา ดีไซน์ คุณสมบัติจะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ทาง Whatphone ก็พามาดูวิวัฒนาการของสุดยอดปากกาอัจฉริยะตัวนี้กันครับ
วิวัฒนาการของ S Pen สุดยอดปากกาอัจฉริยะ
เปิดกันมาด้วยรุ่นแรกจาก Samsung Galaxy Note ซีรี่ย์เปิดศักราชใหม่ของซัมซุงที่เน้นสเปคแรง หน้าจอใหญ่ พร้อมด้วยปากกา S Pen อัจฉริยะจาก Wacom ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตปากกาดิจิตัลที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่า โดยรุ่นแรกนั้นสามารถขีดเขียน จดบันทึกเรื่องราวสำคัญได้ ให้คุณไม่พลาดทุกสถานการณ์
ต่อมาเป็นปากกา S Pen จาก Samsung Galaxy Note II ที่มีดีไซน์คล้ายเดิมแต่ออกแบบมาให้จับกระชับมือมากขึ้น แถมรอบนี้ยังปรับปรุงให้รองรับแรงกดถึง 1,024 ระดับ เรียกได้ว่าเขียนลงบนหน้าจอนั้น สมจริงและดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนพอสมควร
S Pen ของ Samsung Galaxy Note 3 นั้นถือได้ว่ามีการเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่นก่อนเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือสามารถเปลี่ยนหัวปากกาได้แล้ว (คล้ายปากกาของ wacom ที่สามารถเปลี่ยนได้เช่นกัน) ซึ่งเจ้าตัวหัวปากกานี้จะแถมมาให้ในกล่องของสมาร์ทโฟนเลย
ต่อมากับ S Pen ใน Samsung Galaxy Note 4 | Note Edge ที่ออกแบบใหม่มาในสไตล์หรูหรา มีลวดลาย Texture ดูแพงเป็นที่สุด แถมยังจับใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วยครับ
ปากกาของ Samsung Galaxy Note 5 นั้นมาในสไตล์สีโทนเดียวกับตัวเครื่อง เน้นการจับใช้งานที่ถนัดมือเช่นเคย และยังสามารถกดตูดปากกา ขึ้นลงได้อย่างสนุกสนาน ไม่แพ้ปากกาของจริงในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว
สำหรับ S Pen บน Samsung Galaxy Note 7 | Note FE ดีไซน์ปรับมาให้หรูขึ้น รองรับแรงกดถึง 4,096 ระดับ เขียนได้แม่นยำขึ้น แถมยังกันฝนได้อีก ไม่หวั่นแม้โดนละอองน้ำ และมีฟีเจอร์ส่องไปที่ตัวอักษรให้แปลภาษาต่างประเทศได้อีกด้วย
ปากกาของ Samsung Galaxy Note 8 ในเรื่องของดีไซน์อาจไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามาก แต่… ขนาดหัวปากกามาในขนาดเล็กลงกว่ารุ่นก่อนที่ 0.7 mm รองรับแรงกดถึง 4,096 ระดับ เขียนแม่นยำกว่าเดิม และสามารถใช้งานในน้ำได้เลย
สำหรับเจ้าตัวล่าสุดอย่าง S Pen บน Samsung Galaxy Note 9 ที่ใกล้จะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ ก็มีข่าวลือว่าจะรองรับระบบ Bluetooth เพื่อใช้งานสั่งงานฟีเจอร์ต่าง ๆ ในตัวเครื่อง อาทิ เป็นปุ่มชัตเตอร์กล้อง, ปุ่มเล่นเพลง/วีดีโอระยะไกล เป็นต้น ซึ่งเจ้าตัวนี้อาจจะมีแบตเตอรี่ในตัวซึ่งก็อาจจะชาร์จเข้ากับช่องเสียบปากกาของ Note 9 ก็เป็นได้ครับ
และ S PEN รุ่นพิเศษที่หลาย ๆ คนอาจจะลืมไปแล้ว
เริ่มรุ่นพิเศษรุ่นแรกกับ Galaxy Note 10.1 แท็ปเล็ตจอใหญ่ที่มีปากกา S Pen มาให้ในตัว เพื่อให้เข้ากับการใช้งานจดบันทึกหน้าจอขนาดใหญ่ ตอบโจทย์นักศึกษา อาจารย์ และกลุ่มผู้ใช้งานในการจดบันทึกมานับไม่ถ้วนครับ ตัวปากกาจะถูกออกแบบมาให้ใหญ่กว่าปากกาที่อยู่บนสมาร์ทโฟนตระกูลโน้ต เพื่อให้จับได้ถนัดมือนั่นเองครับ
เจ้า S Pen เนี้ยยังมีเวอร์ชั่น Bluetooth ที่สามารถทำงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ใช้เป็นไมโครโฟนสนทนาที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้, รับสายโทรศัพท์ (มีลำโพงติดตั้งอยู่ที่ปากกาด้วย), หรือจะเอามาขีดเขียนได้อย่างลื่น ๆ ก็ทำได้เช่นกันครับ แต่ต้องใช้กับสมาร์ทโฟนตระกูลกาแลคซี่โน้ตเท่านั้น และยังต้องเสียบไฟชาร์จตัวปากกาด้วยเช่นกันครับ
คงคุ้นหน้าคุ้นตากับปากกา S Pen สีขาวกันอยู่ใช่มั้ยครับ แน่นอนว่าเจ้าตัวนี้มาพร้อมกับ Samsung Galaxy Note 8.0 แท็ปเล็ตจอใหญ่ที่มีปากกานั่นเอง ซึ่งจะใช้ตัวเดียวกับ Samsung Galaxy Note II เลยครับ
เนื่องจากทางซัมซุงวางปากกาอัจฉริยะนี้ไว้กับ Galaxy Note หลายรุ่นที่ราคาสูง จนผู้ใช้งานบางกลุ่มอาจไม่มีกำลังในการซื้อ ทางบริษัทเลยใส่มาในแท็ปเล็ตราคาประหยัดอย่าง Samsung Galaxy Tab A (มีทั้งรุ่นหน้าจอ 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว) ซะเลย โดยเน้นการใช้งานแบบกาแลคซี่โน้ตรุ่นท้อป ในราคาเข้าถึงได้ ซึ่งรุ่นนี้นั้นมีความคล้ายกับเจ้า S Pen บน Samsung Galaxy Note 4 เหลือเกินครับ
เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของ Samsung Galaxy Tab S3 ที่ทางซัมซุงก็แถมปากกา S Pen มาให้ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช้ตระกูลโน้ตแต่อย่างใด ซึ่งเน้นการจดบันทึก ในดีไซน์ที่ใหญ่ขึ้นเหมาะมือ จะใหญ่กว่าของเวอร์ชั่นที่อยู่กับสมาร์ทโฟนกาแลคซี่โน้ตพอสมควร
ปิดท้ายกันด้วย S Pen รุ่นสุดท้าย ที่กำลังจะมาพร้อมกับ Samsung Galaxy Tab S4 ซึ่งก็มีภาพหลุดให้ได้เห็นกันแล้ว ซึ่งก็ยังไม่มีข้อมูลของเจ้าตัวนี้มากนัก แต่ดีไซน์ จะมีความโค้งมนเป็นอย่างมาก แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าพอสมควร โดยเจ้าตัวนี้อาจจะมีแบตเตอรี่เพื่อให้รองรับ Bluetooth แบบเดียวกันบน Samsung Galaxy Note 9 ก็เป็นได้ แต่ยังไงก็ต้องรอเจ้าตัวนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกทีครับ
ก็จบกันไปแล้วกับบทความวิวัฒนาการของสุดยอดปากกาอัจฉริยะ และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลยครับ