กลับมาพบกับรีวิวสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android One บอดี้หรู อย่าง Nokia 6.1 Plus ที่มาพร้อมกับกล้องคู่ AI แถมยังลื่นไหลทุกการใช้งาน ส่วนรายละเอียดจะเป็นยังไงนั้น ทาง WhatPhone ก็มีมาฝากกันครับ ไปดูกันเลย!!
แกะกล่องส่องดีไซน์
ในส่วนของโนเกีย 6.1 พลัสนั้น มาในกล่องเล็กกระทัดรัดเรียบหรู อัดแน่นด้วยอุปกรณ์เสริมมากมาย รวมถึงคู่มือการใช้งานเริ่มต้น ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับ
เข็มจิ้มซิม
อแดปเตอร์ชาร์จไฟปกติ 5V/2A
สายชาร์จ/เชื่อมต่อข้อมูลแบบ USB-C
หูฟังแบบ Earbud แบบ 3.5 mm
ตัวเครื่องของรุ่นนี้นั้นมาในขนาดเพียง 5.8 นิ้ว ถือว่าจับถนัดมือพอสมควร ดูเป็นไซส์ที่เล็กกว่ามาตรฐานของสมาร์ทโฟนปี 2018 อยู่นั่นเองครับ
ติ่งที่ด้านบนหน้าจอถือว่าเล็กกว่าปกติพอสมควร โดยมีกล้องหน้าและลำโพงสนทนาติดตั้งอยู่
ด้านหลังของตัวเครื่องดีไซน์กระจกเงางามสะท้อนแสงได้ พร้อมมีกล้องคู่ LED Flash เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือและโลโก้ Nokia + Android One แบบชัดเจน
ซ้ายมือของตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับช่องใส่ซิมการ์ดและเม็มโมรี่การ์ดแบบ Hybrid Slot (เลือกใส่ 2 นาโนซิมหรือ หนึ่งซิม+หนึ่งเม็มโมรี่การ์ด)
ด้านขวามือของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์
ด้านล่างตัวเครื่องมาพร้อมกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน พอร์ตชาร์จแบบ USB-C และลำโพงหนึ่งตัว
ด้านบนตัวเครื่องมาพร้อมช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนอีกหนึ่งตัว
สเปก Nokia 6.1 Plus
- หน้าจอ 5.8 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 ความละเอียด FHD+
- กล้องหน้า 16 MP
- กล้องหลังคู่ 16+5 MP พร้อมระบบประมวลผลภาพอัจฉริยะด้วย AI
- CPU : Qualcomm Snapdragon 636 processor
- RAM 4 GB, ROM 64 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 400 GB
- แบตเตอรี่ขนาด 3,060 mAh
- รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android Pie 9.0 ใหม่ล่าสุด
- ราคา 8,990 บาท
เจาะลึกฟีเจอร์กล้อง
กล้องหน้าเซลฟี่ : สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายโหมด ทั้งปรับเอง (Pro Mode), 3D Sticker, ปรับแสงบนใบหน้าได้หลากหลายแบบ หรือจะเป็นการถ่ายวีดีโอ Slow-motion รวมถึงวีดีโอแบบเร่งความเร็วก็ถ่ายได้สูงสุด 1080p
กล้องหลัง : มีโหมดให้เลือกเล่นหลายโหมดทั้ง ไลฟ์โบเก้หน้าชัดหลังเบลอ (ปรับก่อนหรือหลังถ่ายได้), สี่เหลี่ยมจัตุรัส (อัตราส่วนภาพแบบ 1:1), HDR, โหมดหน้าเนียน, โหมดปรับเอง (Pro), วีดีโอสโลวโมชั่นหรือเร่งความเร็ว และสามารถถ่ายวีดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 4K
Bothie (Dual Sight) : ฟีเจอร์กล้องคู่บุญสำหรับสมาร์ทโฟนโนเกียที่สามารถถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อม ๆ กัน และยังเพิ่ม 3D Sticker เข้าไปให้ถ่ายภาพได้สนุกยิ่งขึ้นอีกด้วย
Live Mode : นอกจากโหมดถ่ายภาพแบบต่าง ๆ แล้ว เราสามารถไลฟ์สดลงแอปพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง Youtube และ Facebook ได้ง่าย ๆ จะเพิ่มโหมดบิ้วตี้ ปรับแสงใบหน้า หรือจะใส่ 3D Sticker ก็ได้ และปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ 720 p ชัด ๆ กันไปเลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nokia 6.1 Plus
ภาพถ่ายจากกล้องหน้าในที่แสงพอเหมาะก็จะออกมาคมชัดใช้ได้ ส่วนที่มืดก็จะมี Noise พอสมควรครับ
ส่วนภาพถ่ายจากกล้องหลังก็ทำออกมาได้ดีในสภาพแสงที่พอเหมาะ ซึ่งบางทีตัวกล้องอาจจะวัดแสงเพี้ยนไปบ้างตามสถานะการณ์ ภาพถ่ายย้อนแสงก็มีโหมด HDR ช่วยในเรื่องของท้องฟ้าให้สมจริง
ภาพถ่ายในที่มืดเป็นอีกจุดที่น่าสังเกต เพราะชัดเตอร์จะถ่ายช้ากว่าปกติ คือเวลาถ่ายมือต้องนิ่งมาก ภาพถึงจะออกมาคมชัดไม่เบลอครับ แต่ภาพถ่ายก็จะมี Noise พอสมควรครับ
ส่องฟีเจอร์เด่นใน Android Pie 9.0
หน้าตาคร่าว ๆ ของ Android Pie 9.0 ในรุ่นนี้ ปัดขึ้นก็จะเป็นหน้ารวมแอปพลิเคชั่น
สามารถเล่น 2 แอปพลิเคชั่นไปพร้อม ๆ กันได้ง่าย ๆ
มีฟีเจอร์บอกว่าวันนึงเราใช้แอปพลิเคชั่นไหนไปแล้วบ้าง แถมยังสามารถจัดการลดสิ่งรบกวนได้อีก
มีฟีเจอร์หน้าจอแอมเบียนท์ช่วยแสดงเวลา/การแจ้งเตือน ตลอดเวลาได้ รวมถึงฟีเจอร์เคาะจอสองทีเพื่อให้หน้าจอติดอันนี้ดีงามมากครับ
ในส่วนของระบบความปลอดภัยก็มีระบบสแกนลายนิ้วมือและระบบสแกนหน้าในเมนู Smartlock ให้เลือกใช้กันครับ (แต่ต้องตั้ง PIN ก่อนใช้งานทั้งสองฟีเจอร์นี้ด้วย)
ประสิทธิภาพของตัวเครื่อง
ด้วยพลังแห่งชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 636 บวกกับ RAM 4 GB LPDD4X พร้อมหน่วยความจำภายใน 64 GB ทำให้รีดประสิทธิภาพจากแอปพลิเคชั่น Antutu ไปได้ถึง 117,492 คะแนนเลยทีเดียวครับ
ตัวเกมส์ PUBG Mobile ที่ทางทีมงานได้ทดสอบไปนั้นก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล เพราะการตั้งค่าเริ่มต้นมาแบบฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำ แต่ถ้าจะปรับความละเอียดสูงก็สามารถเล่นได้เช่นกัน ซึ่งประสิทธิภาพนั้นก็จะมีกระตุกบ้างเล็กน้อย รวมถึงเครื่องยังร้อนเร็วอีกด้วยครับ
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานได้เกือบเต็มวัน คือไม่ได้อึดมากแต่ก็ไม่ได้แย่ แน่นอนว่าจะหมดเร็วก็ต่อเมื่อใช้เล่นเกมส์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ และถ้าไม่ได้อยากใช้งานอะไรมาก ก็มีโหมดประหยัดพลังงานหรือปรับแบตเตอรี่อัตโนมัติที่จะช่วยให้ยืดเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ไปได้อีกครับ
สรุปการใช้งานของ Nokia 6.1 Plus
จากการใช้งานเจ้าโนเกียรุ่นนี้มาประมาณ 2 สัปดาห์ก็พบว่า สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่แพ้รุ่นท็อปๆ เลย คงเป็นเพราะความเป็น Pure Android ที่มีอัพเดตให้ทุกเดือน ในส่วนของการเล่นเกมส์ก็สามารถทำได้ลื่นไหลในการปรับกราฟฟิคระดับกลาง แต่ถ้าเล่นไปนานๆ ตัวเครื่องจะร้อนง่ายมาก แม้รุ่นนี้จะไม่ได้ใช้กล้องที่มีเลนส์ Ziess ติดมา แต่ก็ทำได้ไม่เลวเพราะระบบ AI ช่วยปรับแต่งภาพให้ได้อย่างอัตโนมัติ บอกเลยว่าถ้าใครอยากได้สมาร์ทโฟนดีไซน์หรู วัสดุดูดี มีกล้องคู่ เน้นการใช้งานที่ลื่นไหล มีอัพเดตทุกเดือน เล่นเกมส์ลื่น ต้องรุ่นนี้เลยครับ
จุดเด่น
- หน้าจอ LCD ความละเอียด FHD+ นั้นให้สีสันที่สวยสดงดงาม สามารถดู Netflix HD ได้ด้วย
- ออกแบบมาในขนาดเหมาะมือ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป
- วัสดุดีงาม ดูแพง ดูหรูหรา งานประกอบแน่นทุกครั้งที่สัมผัส
- ลื่นไหลใช้งานง่าย คลีน ๆ ด้วยความที่ใช้ Pure Android
- GPS ดี นำทางแม่นยำ
- โหมดกล้องมีให้เลือกเล่นเยอะ แถมยังมีฟีเจอร์ Bothie ถ่ายกล้องหน้ากล้องหลังพร้อม ๆ กันหรือจะไลฟ์สดขึ้น Social ก็ทำได้ง่าย ๆ
- กล้องถ่ายภาพทำได้ดีในที่มีแสง สวยงามเก็บรายละเอียดดีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
- ใช้ระบบปฏิบัติการ Android Pie 9.0 ใหม่ล่าสุด มีอัพเดตทุกเดือนเนื่องจากอยู่ในโครงการ Android One ของ Google
- โอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็วด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C
จุดสังเกต
- ราคาค่าตัวอาจจะดูสูงไปเมื่อเทียบกับสเปกที่ให้มา พูดง่าย ๆ ว่าคู่แข่งเยอะมาก
- กล้องจะโฟกัสช้าเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อย แถมยังเบลอง่าย คือต้องมือนิ่ง ๆ
- ฟีเจอร์ 3D Sticker ในโหมดกล้องมีให้เลือกน้อยมากแล้วไม่สามารถโหลดเพิ่มได้
- ตัวอย่างภาพที่โชว์ในแอปกล้องกับภาพถ่ายจริงจะมีความแตกต่างกันอยู่นิดหน่อย (ระบบ AI จะประมวลผลภาพหลังถ่ายไปแล้ว)
- เมื่อใช้งานหนัก ๆ ไปนาน ๆ ตัวเครื่องจะร้อนง่ายพอสมควร ด้วยความที่ใช้กระจกอาจจะระบายความร้อนได้ไม่ทัน
- ด้วยความที่เป็น Pure Android ทำให้ขาดฟีเจอร์หรือเอกลักษณ์ของแบรนด์ไปพอสมควร
- ไม่รองรับระบบชาร์จเร็ว
ก็จบไปแล้วสำหรับรีวิวของเจ้า Nokia 6.1 Plus ที่ทางเว็บไซต์เรานำมาฝากกัน และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ แบบนี้ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลยครับ