มาแล้ว! OnePlus 6T McLaren Edition สมาร์ทโฟนนักฆ่าเรือธงสุดแรงแห่งปี 2018 ที่มาพร้อม RAM 10 GB รุ่นแรกที่จำหน่ายในประเทศไทย จนของขาดตลาดไปช่วงนึงเลยทีเดียว วันนี้ทาง WhatPhone ก็มีรีวิวของรุ่นนี้มาฝากกันครับ ไปดูกันเลย!!
แกะกล่องส่องดีไซน์ ที่ได้จาก McLaren
- Photobook 1 เล่ม (สามารถดูประวัติของสมาร์ทโฟน OnePlus และ McLaren ได้ผ่าน AR บนตัวเครื่องรุ่นนี้เท่านั้น)
- ตัวเครื่อง OnePlus 6T McLaren Edition (อยู่หน้าสุดท้ายของ Photobook)
- เคสลาย Carbon Fibre แบบ TPU บิดงอได้
- สายชาร์จแบบ USB-C สีส้ม
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ Warp Charge 30
- ตัวแปลง Type C to 3.5 mm
- คู่มือพร้อมเข็มจิ้มซิม
- ชิ้นส่วนรถ McLaren
รุ่นนี้มาด้วยขนาดหน้าจอ 6.41 นิ้ว ที่ดีไซน์เป็นแบบติ่งหยดน้ำจับถนัดมือ รวมถึงยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอให้ได้ใช้งานอีกด้วยครับ
ด้านขวามือของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่ม Silence ที่สามารถเลื่อนขึ้นลงเลือกปรับโหมดตัวเครื่องได้ 3 แบบ คือ เงียบ สั่น และมีเสียง ถัดมาก็จะปุ่มพาวเวอร์เปิด-ปิดเครื่อง
ด้านซ้ายมือของตัวเครื่องนั้นมาพร้อมช่องใส่ซิมการ์ดแบบ 2 นาโนซิม ไม่สามารถเพิ่ม microSD card ได้ และถัดมาก็จะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ดีไซน์ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นเป็นกระจกที่มีการเคลือบลายคาร์บอนไฟเบอร์ไว้อย่างสวยหรู แถมยังแฝงไปด้วยขอบไล่เฉดสีส้มดำ Papaya Orange พร้อมโลโก้วันพลัสและ McLaren แบบไม่เหมือนใคร
ปิดท้ายกันด้วยด้านล่างของตัวเครื่องที่มาพร้อมกับลำโพง ช่องเสียบชาร์จแบบ USB-C และไมโครโฟนสนทนา (รูเยอะๆ)
OnePlus 6T McLaren Edirion Full Specification
- หน้าจอ: 6.41 นิ้ว (Full HD+) แบบติ่งหยดน้ำ ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6
- หน่วยประมวลผล: Snapdragon 845
- RAM: 10GB LPDDR4X
- พื้นที่เก็บข้อมูล: 256GB UFS 2.1
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 20 MP (F/1.7) + 16 MP [Sony IMX519/376K] เซ็นเซอร์ใหม่ถ่ายในที่มืดได้ดีขึ้น และมีระบบกันสั่นแบบออปติคัล OIS+EIS
- กล้องหน้า: 16 MP (F/1.7)
- แบตเตอรี: 3,700 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Warp Charge 30 (อัดไฟแรง 30W)
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0, Dual SIM, USB-C, NFC
- ระบบความปลอดภัย: Face Unlock และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแสดงผล
- ระบบปฏิบัติการ: OxygenOS 9.0.1 (Android 9 Pie)
- ราคา 25,999 บาท
ประสิทธิภาพเครื่องสุดแรง
Antutu : ด้วยขุมพลังแห่ง Qualcomm Snapdragon 845 ชิปเซ็ตสุดแรงแห่ง 2018 บวกกับ RAM 10 GB LPDDR4X พร้อมความจุสูง 256 GB (ใช้พื้นที่ระบบไปราว ๆ 17 GB) ถ่ายโอนข้อมูลรวดเร็วแบบ UFS 2.1 แล้วทำให้รีดคะแนนจากแอป Antutu มาได้ 295,643 คะแนนเลยทีเดียวครับ
การเล่นเกมส์ : ด้วยสเปกระดับท็อปแล้วนั้น ทำให้เล่นเกมส์ได้ลื่นไหล ไม่มีสะดุด ปรับสุดได้อย่างไม่ต้องกังวล แถมตัวเครื่องยังไม่ร้อนเร็วอีกด้วย และยังมีโหมดการเล่นเกมส์ที่สามารถปรับแต่งการแจ้งเตือนหรือหยุดการทำงานของแอปพลิเคชั่นเบื้องหลังให้ไม่รบกวนขณะเล่นเกมส์อยู่อีกด้วย
ในเกมส์ PUBG Mobile ที่ทางทีมงานทดสอบไปก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล เครื่องไม่ร้อน แถมยังปรับสุดได้ถึง Ultra HD เลยทีเดียวครับ
Oxygen OS : UI ของวันพลัสนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยมีลูกเล่นแบบ Pure Android นัก แต่ก็สามารถใช้งานฟีเจอร์อย่างเล่น 2 แอปบนหนึ่งหน้าจอได้ โคลนแอปพลิเคชั่นเล่นไลน์ เฟสบุ้ค 2 บัญชีได้ง่าย ๆ สามารถใช้งาน Guesture วาดรูปตัว O, S, V เพื่อเข้าแอปพลิเคชั่นหรือเรียกใช้งานตัวเครื่องได้ง่าย ๆครับ โดยรวมก็ถือว่าปรับแต่งมาได้ดี ไม่มีอาการค้าง เอ๋อ หรือมีบัคเล็ก ๆ น้อยๆ แต่อย่างใดครับ
หน้าตา UI ของรุ่นนี้
ฟีเจอร์โคลนแอป
เล่น 2 แอปบนหนึ่งหน้าจอได้
สามารถเลือกปรับปุ่มนำทางได้หลายรูปแบบ
มีธีมให้เลือกรวมถึงยังสามารถปิดติ่งหน้าจอ หรือเลือกแอปพลิเคชั่นเพื่อให้แสดงผลเต็มหน้าจอได้ครับ
ระบบ Gesture ขณะพักหน้าก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ จะวาดรูปไหนก็เข้าถึงแอปพลิเคชั่นได้ง่าย ๆ
ระบบความปลอดภัย : รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแสดงผล สามารถเลือกใช้ได้หลากหลายนิ้ว แถมยังสามารถเลือกอนิเมชั่นตอนปลดล็อคได้ด้วย และยังมีฟีเจอร์ปลดล็อคด้วยใบหน้า ทำได้รวดเร็วทันใจซะเหลือเกินครับ
แบตเตอรี่ 1 วันก็ใช้ได้สบายๆ ไม่ต้องชาร์จบ่อย
ส่วนของแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องราว ๆ 6 – 8 ชั่วโมงสำหรับการเปิดหน้าจอตลอด ซึ่งก็ถือว่าอยู่ได้หนึ่งวันเต็ม ๆ เผลอถ้าเล่นแต่ Social Network ไม่ถ่ายภาพ ไม่เล่นเกมส์เลยก็อาจจะอยู่ได้สองวันก็เป็นได้ครับ และอีกหนึ่งอย่างที่อัพเกรดมาในรุ่นนี้ก็คงไม่พ้นระบบ Warp Charge 30 ที่เป็นระบบชาร์จเร็วอัดไฟแรง 30W ทำให้สามารถชาร์จไฟได้เต็มภายใน 1 ชั่วโมง 30 นาทีเลยครับ (30 นาทีแรกได้ราว ๆ 50% เลยทีเดียว)
กล้องถ่ายภาพคมชัด เก็บทุกรายละเอียด
กล้องหลังของรุ่นนี้มีมาให้ถึง 2 ตัวเลยสามารถถ่ายภาพซูมสองเท่าไม่เสียความละเอียดได้ นอกนั้นหลัก ๆ ก็จะมีโหมดภาพถ่ายบุคคล โหมดโปร (สามารถถ่ายไฟล์ RAW) เลือกปรับแต่งแสงเองได้ และเด็ดสุดคือโหมดกลางคืนที่ต้องจับมือถือไว้ให้นิ่งแล้วถ่ายภาพออกมานั่นเอง พอถ่ายภาพเสร็จแล้วเราก็ยังสามารถปรับแต่งได้เพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นการใส่ลายน้ำหรือแสงสีต่าง ๆ ครับ
โหมดกล้องถ่ายภาพ
โหมดของกล้องหน้าแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ๆ คือ Auto ปรับแต่งอัตโนมัติ และภาพถ่ายบุคคล (ไม่สามารถปรับความเบลอของภาพได้) โดยสามารถเพิ่มเอฟเฟคหน้าเนียน รีทัชใบหน้าได้ครับ
และในส่วนของการถ่ายวีดีโอสามารถถ่ายที่ความละเอียด 4K 60 fps ได้แบบเนียนๆ เลยทีเดียว จัดว่างานวีดีโอคือดีมากในเรทราคานี้ ไมค์อัดเสียงดีภาพก็ดี ระบบกันสั่นก็เยี่ยม (OIS+EIS) ครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย
ภาพถ่ายอาหาร และท้องฟ้า ในที่มีแสงพอเหมาะ หรือตอนกลางแจ้งทำได้ดีมาก หรือแม้แต่ตอนถ่ายภาพบุคคลก็เบลอออกมาใช้ได้ แม้จะไม่ได้เนียนมากมายก็ตาม ซูมภาพสองเท่ารายละเอียดก็ยังคงชัดเหมือนเดิม
ภาพถ่ายตอนกลางคืนก็ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมพอสมควร แต่ถ้าอยากได้ภาพที่สว่างกว่านั้นต้องใช้โหมดกลางคืนช่วยเพราะมันจะเร่งแสงให้สว่างมาก แต่รายละเอียดของภาพก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
ในส่วนของภาพถ่ายเซลฟี่ของกล้องหน้านั้น ต้องมีนิ่งพอสมควร เพราะภาพที่ได้จากกล้องค่อนข้างเบลอง่าย ด้วยตัวเครื่องที่ใหญ่อาจต้องตั้งเวลาถ่ายหรือจะตั้งค่าตรวจจับรอยยิ้มให้ถ่ายเองอัตโนมัติจะสะดวกกว่าครับ
สรุปการใช้งาน
เนื่องการที่ใช้งานเจ้า OnePlus 6T McLaren Edition เครื่องนี้มาราว ๆ 4 วันเต็ม ก็พบว่าแบตเตอรี่อึดมาก ปรับปรุงจากรุ่นก่อนได้ดี ระบบชาร์จเร็วก็ทำให้ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะไม่ต้องรอนาน จะถ่ายรูปหรือลงแอปพลิเคชั่นมากมาย เม็มก็ไม่เต็มเพราะมีความจุสูงถึง 256 GB แถมยังอัดวีดีโอได้ดีงามทั้งภาพและเสียง เรียกได้ว่าใครอยากได้สมาร์ทโฟนดีไซน์หรู สเปกแรง เล่นเกมส์ลื่น กล้องสวย คุ้มค่าต่อราคาที่สุดต้องรุ่นนี้เลยครับ
จุดเด่น
- หน้าจอ Optic AMOLED สวยสวยงาม แถมยังทนทานเพราะใช้กระจก Gorilla Glass 6
- ดู NEXFLIX HD ได้เพราะรองรับมาตรฐาน Widevine L1
- มีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอและระบบสแกนใบหน้าเร็วพอสมควร
- เครื่องเร็วแรงด้วยสเปกระดับท็อปสุดของปี 2018 (Snapdragon 845 + RAM 10 GB)
- ความจุเยอะ 256 GB แบบ UFS 2.1 ในราคาสุดคุ้ม
- แอปพลิเคชั่นกล้องมี Night Mode มาให้ถ่ายภาพตอนกลางคืน สว่างมาก
- Oxygen OS ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล มีอัพเดตให้ทุกเดือน (การันตีอัพเดตเวอร์ชั่น 2 เวอร์ชั่นใหญ่ และอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยนาน 3 ปีเต็ม) ลูกเล่นฟีเจอร์มีเยอะ
- มีปุ่มปรับโหมดการใช้งานที่ด้านข้างตัวเครื่อง เลือกได้ว่าจะสั่นหรือมีเสียงหรือเงียบไปเลย
- แบตเตอรี่อึดใช้งานทั่วไปได้สองวันเต็ม ๆ
- ชาร์จเร็วมากด้วยระบบ Warp Charge 30
จุดสังเกตุ
- ไม่สามารถเพิ่มเม็มโมรี่การ์ดได้
- ไม่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น
- ไม่มีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm
- โหมดภาพถ่ายบุคคล ถ่ายภาพสิ่งของออกมาได้ไม่เนียน (เบลอไม่เนียน)
- โหมดภาพถ่ายบุคคล ไม่สามารถปรับความเบลอของภาพได้ คือมันจะถ่ายออโต้ไปเลย (บางแบรนด์เลือกปรับตั้งค่าได้ตอนถ่ายหรือหลังถ่าย)
- หาซื้อยากมากกกกกกกกก ของขาดตลาดพอสมควร (แต่คาดว่าในงาน Thailand Mobile Expo 2019 นี้คาดว่าจะมีโปรโมชั่นเด็ด ๆ รออยู่แน่นอนครับ)
ก็จบไปแล้วสำหรับรีวิวของเจ้า OnePlus 6T McLaren Edition ที่ทางเว็บไซต์เรานำมาฝากกัน และสำหรับใครที่อยากติดตามบทความดี ๆ แบบนี้ หรือข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลยครับ