วางจำหน่ายกันแล้วกับ Nokia 9 Pureview สมาร์ทโฟนระดับเรือธงจากโนเกีย ที่มาพร้อมกับกล้องหลัง 5 ตัว พร้อมกับดีไซน์สุดหรูกระจกหน้าและหลัง เข้าโครงการ Android One การรันตีการอัพเกรดซอฟท์แวร์ ก่อนหน้านี้เราได้ทำการแกะกล่อง ส่องตัวเครื่องไปกันแล้ว คราวนี้ก็มาดูกันว่ากล้องหลัง 5 ตัว และการใช้งานของรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร ไปติดตามรีวิวจาก Whatphone.net กันได้เลย
Nokie 9 PureView กับดีไซน์ระดับเรือธง
อย่างที่เราได้บอกไปตั้งแต่ตอนแกะกล่องแล้วว่ารุ่นนี้ตัวเครื่องจริงนั้นสวยกว่าที่เห็นในรูปตามสื่อทั่วไปเป็นอย่างมาก และยิ่งได้สัมผัสก็จะรู้ว่าวัสดุและงานประกอบนั้นดีมาก ขอบตัวเครื่องขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมซีรีส์ 6000 ชิ้นเดียว ตัดขอบแบบ Diamond Cut ครอบทับกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านหลังเป็นขอบโค้งดีไซน์โค้งรับเข้าอุ้งมือเวลาหยิบจับใช้งาน และยังรองรับกันน้ำ กันฝุ่น มาตรฐาน IP67 อีกด้วย โดยมี สีฟ้า Midnight Blue ให้เลือกเพียงสีเดียว
ตัวหน้าจอนั้นบอกเลยว่าดีมาก ขนาด 5.99 นิ้ว แบบ p-OLED ที่แสดงผลสีดำได้ดียิ่งขึ้น มีความละเอียด 2K HD ( 1440 x 2880 ) รองรับ HDR10 ทำให้การใช้งานหน้าจอนั้นคมชัดมากขึ้น หน้าจอแสดงผลในกลางแจ้งชัดเจนตามสไตล์ของโนเกีย มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่สามารถสแกนได้หลากหลายสภาพแสง มีฟีเจอร์ Glance screen แสดงข้อมูลวันที่เวลาและการแจ้งเตือนต่างๆ ที่หน้าจอในขณะล็อคตัวเครื่อง
ขอบของหน้าจอถึงแม้จะไม่บางเฉียบเหมือนรุ่นอื่นๆ แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ไม่น่าเกลียด ไม่มีติ่งหรือรอยบากบนหน้าจอ การแสดงผลหน้าจอจะมีขอบโค้งเล็กน้อยสวยงาม และขอบด้านบนและด้านล่างที่ค่อนข้างหนานั้น น่าจะเป็นเพราะการออกแบบมาเพื่อการใช้งานแนวนอน นิ้วมือจะได้ไม่เผลอไปทัชหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ ขอบด้านบนจะมีการฝังเซ็นเซอร์ต่างๆ ลำโพงสนทนา และกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ไว้
ถึงแม้จะมีการตัดช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรออก แต่หูฟังที่แถมมาในกล่องก็ยังเป็นแบบแจ็ค 3.5 มิลลิเมตร พร้อมกับมอะแดปเตอร์แปลง USB-C เป็นช่องเสียบ AV เพื่อใช้งานกับหูฟังที่แถมมา หรือหูฟังอื่นๆ
ถือเป็นดีไซน์ที่ค่อนข้างคุ้นเคยสำหรับสาวกโนเกีย และมีการเสริมความหรูหราด้วยการตัดขอบแบบ Diamind Cut และสีฟ้าที่ทำให้ดูดีมากขึ้น น่าเสียดายที่มีเพียงสีฟ้าแค่สีเดียวให้เลือกใช้งาน
กล้องหลัง 5 ตัว เลนส์ ZEISS รุ่นแรกของโลก
เป็นที่ฮือฮาเมื่อมีภาพหลุดออกมาเป็นครั้งแรกสำหรับเจ้า Nokia 9 PureView รุ่นนี้ ซึ่งมาพร้อมกับกล้องหลังมากถึง 5 ตัว ประกอบไปด้วยกล้องสี 3 ตัว (RBG) และ กล้องขาวดำ 3 ตัว (Mono) ใช้เลนส์ ZEISS ทั้งหมดโดยแต่ละตัวมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 หลักการทำงานของกล้อง 5 ตัวนี้จะทำการประสานรูปภาพกัน ทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีความคมชัด, รายละเอียด, พื้นผิว, แสงไฮไลต์และเงาต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนสีสันสมจริง โดยทุกกล้องจะทำงานผ่านฟังก์ชั่น HDR ทั้งหมด จึงทำให้ได้รูปภาพมาในรูปแบบ HDR ทุกรูป ไม่สามารถเลือกปิดและเลือกใช้กล้องใดกล้องนึงได้
รองรับการถ่ายรูปภาพไฟล์ RAW (DNG) ไว้สำหรับการนำไปปรับแต่งจากสมาร์ทโฟนหรือใน Adobe Lightroom ได้อีก และด้วยความที่มีเลนส์ขาวดำ ทำให้การถ่ายภาพขาวดำดูเป็นธรรมชาติกว่าการถ่ายรูปสีแล้วนำมาปรับเป็นขาวดำ และเมื่อมีการเปิดใช้งานบันทึกไฟล์ RAW ยังมีการบันทึกรูปภาพแยกออกมาให้ต่างหากสำหรับนำไปใช้งานแบบด่วนๆ เช่น การอัพโหลดขึ้นทางโซเชียล
นอกจากนี้หากมีการเปิดฟีเจอร์ Depth ไว้ เมื่อเปิดดูรูปภาพบน Google Photos จะพบกับสัญลักษณ์ Depth นั่นหมายความว่าเราสามารถปรับจุดโฟกัสและดับความละลายใหม่ได้อีกเรื่อยๆ โดยที่สามารถอัพโหลดไฟล์ลักษณะนี้ไปยัง Google Photos ได้เช่นกัน เพราะทาง Google นั้นร่วมกับทาง HMD Global พัฒนาฟีเจอร์เหล่านี้อยู่
รูปภาพที่ได้จากกล้องหลัง 5 ตัวนี้ ถือว่าไฟล์ภาพมีคุณภาพที่ดีมีความคมชัดสูง เก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดี แต่รูปภาพจะเป็น HDR หมดทุกรูป ทำให้ไม่เหมาะกับการถ่ายรูปภาพบางอย่าง อาทิ อาหาร เพราะ จะมีการเร่งสีและความคมชัดมากเกินไปจะทำให้อาหารที่ถ่ายมาไม่น่ารับประทาน แต่การถ่ายวิว, ถ่ายย้อนแสง, ถ่ายภาพบุคคลต่างๆ นั้นทำออกมาได้ดี
แต่การถ่ายภาพแต่ละครั้งนั้นไม่สามารถดูรูปภาพหลังจากกดชัตเตอร์ได้ทันที ต้องรอการประมวลผลรวมรูปภาพออกมาก่อนซึ่งมีการใช้เวลานานถึง 5-10 วินาที ใครที่ชอบเช็คภาพถ่ายก่อนจะถ่ายใหม่อาจจะขัดใจไม่น้อย และเมื่อใช้ถ่ายภาพติดต่อกันสักพักตัวเครื่องจะมีอาการร้อนออกมา อาจจะเป็นเพราะต้องทำการประมวลผลรูปภาพต่อเนื่องหลายๆ รูปก็เป็นได้
ภาพตัวอย่างจากกล้องหลัง
สำหรับการบันทึกวิดีโอ ก็สามารถเลือกบันทึกได้ระดับ 4K UHD พร้อมกับระบบบันทึกเสียงรอบทิศทาง Nokia OZO ทำให้เก็บเสียงได้อย่างมีมิติและคมชัด
ประสิทธิภาพระดับเรือธง
Qualcomm Snapdragon 845 ถึงแม้จะไม่ได้ใช้งานชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Snapdragon 855 แต่ก็ยังถือว่าเป็นชิประดับท็อปที่ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ทำงานประมวลผลร่วมกับ RAM 6GB แบบ LPDDR4X มีพื้นที่จัดเก็บ 128GB น่าเสียดายที่ไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก ซึ่งการถ่ายรูปภาพที่ผ่านการบันทึกกล้องหลัง 5 ตัวนี้จะมีขนาดไฟล์ที่ค่อนข้างใหญ่ แต่แก้ปัญหาด้วยการอัพโหลดไปจัดเก็บไว้ที่ Google Photos ได้
ระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie เป็นแบบ Pure Android ไม่มีอะไรมาเสริมเติมแต่งมาดึงเครื่องให้ช้าลงเลย สาย Pure Android น่าจะตอบตรงนี้ และยังเข้าร่วมโครงการ Android One การรันตีการอัพเกรดซอฟท์แวร์ 2 ปี ซึ่งจะได้รับการอัพเกรดไปถึง Android R กันเลย และยังการันตีการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยทุกเดือนนาน 3 ปี อีกด้วย ทำให้มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานสามาร์ทโฟน Android ได้เลย อีกทั้งยังมีผู้ช่วยอย่าง Google Assistant ที่ยิ่งใช้งานมาก ก็จะยิ่งทำให้เข้าใจและดีมากขึ้น
ด้านความบันเทิงด้วยหน้าจอที่รองรับ HDR10 และระบบเสียง Qualcomm aptX ทำให้การดูภาพยนตร์, ซีรีส์ ได้อย่างคมชัดเต็มตา และการเล่นเกมก็ยังรองรับเกมที่มีกราฟิกระดับสูง จากที่ได้ทดลองเล่นเกม PUBG Mobile ไป ก็สามารถเล่นได้ในระดับ HD และตัวเกมไหลลื่นไม่มีกระตุก แต่เมื่อเล่นต่อเนื่องพบว่ามีความร้อนที่ตัวเครื่องแบบรู้สึกได้ขึ้นมาเหมือนกัน
แบตเตอรี่ 3320 mAh ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามการจัดสรรการใช้งานแบตเตอรี่บน Nokia 9 PureView ถือว่าทำได้ดี อาจเป็นเพราะ Pure Android ที่ไม่มีการตกแต่งมากนัก เลยไม่ทำให้ใช้พลังงานเปลือง และตัวเครื่องยังรองรับการชาร์จเร็ว รองรับ Quick Charge 3.0 (18W) สำหรับการชาร์จเพื่อกลับมาใช้งานได้เร็วขึ้น รวมถึงการรองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi อีกด้วย
ในเรื่องของการเชื่อมต่อ รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Nano SIM card แบบ 4G การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, NFC, ANT+ และระบบนำทาง GPS/AGPS+GLONASS+BDS ถือว่ามีประสิทธิภาพในระดับสูงเลย
ความคิดเห็นจาก Whatphone.net
จากที่ได้ทดลองใช้งานมาสักระยะนึง จึงสรุปได้ว่า Nokia 9 PureView ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทุกคน ไม่เหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ซึ่งใครที่สนใจการถ่ายภาพ อยากได้คุณภาพไฟล์ดีๆ เก็บรายละเอียดได้ครบ และต้องการนำไฟล์ RAW ไปปรับแต่งต่อ รุ่นนี้เหมาะกับคุณแน่นอน แต่ก็ต้องมีความใจเย็นพอสมควรด้วย เพราะการประมวลผลรูปภาพหลังจากกดชัตเตอร์ไปแล้วจะค่อนข้างช้า แต่ถ้าใครที่ชอบแบบจบหลังกล้อง คิดว่าข้ามรุ่นนี้ไปได้เลย ส่วนใครที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องกล้องแต่อยากได้สมาร์ทโฟนโนเกียระดับท็อปไว้ใช้งาน ดีไซน์สวย งบประมาณถึง รุ่นนี้ก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไรมากมายนัก ใช้งานทั่วไปก็ได้เช่นเดียวกัน
จุดเด่น
- กล้องหลัง 5 ตัว เลนส์ ZEISS ให้ภาพคมชัด รายละเอียดดี
- ดีไซน์สวยงาม วัสดุดี พรีเมี่ยม
- หน้าจอแสดงผลแบบ p-OLED รองรับ HDR10 ชมภาพยนตร์ที่รองรับได้คมชัด
- ระบบบันทึกเสียงรอบทิศทาง Nokia OZO
- เข้าโครงการ Android One การรันตีการอัพเกรดซอฟท์แวร์ 2 ปี และอัพเดตแพทช์ความปลอดภัยทุกเดือนนาน 3 ปี
จุดสังเกต
- ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้
- ประมวลผลรูปภาพค่อนข้างช้า
จบไปแล้วสำหรับรีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ สำหรับใครที่อยากติดตามรีวิว, บทความ, ทิป เทคนิค การใช้งานต่างๆ และข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์ เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลย