หลังจากที่ได้ทำการแกะกล่อง OPPO Reno2 F สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก OPPO Reno2 Series ซึ่งเป็นการรวม F Series เข้ากับ Reno Series ที่ยังคงชูจุดเด่นด้านกล้องเช่นเคย มาพร้อมคำนิยาม “4 กล้องหลัง ชัดทุกระยะ สวยทุกมุมทอง” ซึ่งทางทีมงาน Whatphone.net ได้ทำทดลองใช้งานมาสักพักแล้ว วันนี้ก็ควรแก่เวลาที่จะมารีวิวให้ทุกท่านได้ติดตามกัน
สเปก OPPO Reno2 F
- ขนาดตัวเครื่อง 161.8 x 75.8 x 8.67 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 195 กรัม
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ Panoramic Screen อัตราส่วน 19:5:9 กระจก Corning Gorilla Glass 5
- กล้องหลัง 4 ตัว
- เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79
- เลนส์มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล แบบ Rising Camera มาพร้อม AI Beauty Mode
- ชิพประมวลผล MediaTek Heilo P70 จีพียู Mali-G72 MP3 900MHz
- RAM 8GB แบบ LPDDR4
- ROM 128GB แบบ UFS 2.1 รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card สูงสุด 256GB
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.1 บนพื้นฐาน Android 9.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแสดงผล
- แบตเตอรี่ 4,000mAh รองรับชาร์จไว VOOC 3.0
OPPO Reno2 F ดูดี พรีเมี่ยม สวยทุกมุมมอง
มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ แบบ Panoramic Screen ที่มีพื้นที่แสดงผลมากถึง 91.1% สามารถใช้งานได้แบบเต็มหน้าจอโดยที่ไม่มีติ่งหรือรอยบากมากวนสายตาด้านบนของหน้าจอด้วยการใช้งานกล้องหน้าแบบ Rising Camera ที่ซ่อนกล้องในตัวเครื่อง และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่มีความทนทานสูง การทัชหน้าจอต่างๆ ก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแสดงผลที่ใช้ฟิลเตอร์แสงในการแยกแยะความแตกต่างระหว่างผิวหนังของคนได้มากขึ้น ทำให้การสแกนและปลดล็อคนั้นทำได้อย่างรวดเร็ว
ตัวเครื่องของ OPPO Reno2 F นี้มีความโค้งแบบไร้รอยต่อ มีการวางปุ่มต่างๆ ได้อย่างลงตัว สามารถจับได้ถนัดมือเพราะมีการออกแบบให้ขอบฝาหลังโค้งรับเข้ากับอุ้งมือ และยังมีการออกแบบให้ตัวกล้องหลังซ่อนอยู่ในตัวเครื่องไม่นูนออกมา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่ไม่ให้กล้องนูนออกมาและตัวเครื่องยังมีความบางอีก เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับทางออปโป้จริงๆ
ฝาหลังผลิตจากกระจก 3D Corning Gorilla Glass 5 นำมาเคลือบเงาในระดับนาโน 95 มม. ถึง 3 ครั้ง ทำให้เกิดลวดลายและสีสันที่สวยงามในรุ่นนี้ ยิ่งประกอบกับการวางตำแหน่งกล้องหลัง 4 ตัว ที่วางเรียงให้อยู่ตามแนวแกนกลางของตัวเครื่อง ยิ่งดูสวยงามมากขึ้น และเนื่องจากกล้องหลังที่เรียบสนิทกับตัวเครื่อง ออปโป้จึงได้นำ O-Dot ที่เป็นจุดเซรามิกขนาดเล็กวางไว้บนสุดของแกนกลาง เจ้าจุด O-Dot นี้จะช่วยยกตัวเครื่องขึ้นเมื่อมีการวางโทรศัพท์ไว้บนพื้นผิวเรียบเพื่อป้องกันตัวเลนส์กล้องอาจเป็นรอยได้
กล้องหลัง 4 ตัว สวยทุกระยะ
กล้องหลังประกอบไปด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79, เลนส์มุมกว้าง 119 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2, เลนส์ Portrait ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และ เลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล วางเรียงเป็นแนวตั้งดูสวยงาม และมีไฟแฟลช LED อยู่ด้านข้าง เรียกได้ว่ามีกล้องครบทุกระยะกันเลย ครอบคลุมสำหรับการถ่ายรูปมากๆ
การถ่ายภาพทั่วไปยังมี AI Beauty Mode ช่วยปรับโทนสีผิวตามสภาพแสงโดยรอบให้ดูเนียนตาและสวยงาม สามารถรองรับการวิเคราะห์และปรับโทนสีผผิวได้ถึง 4 คนในการถ่ายภาพเดียว ส่วนการถ่ายภาพบุคคลโหมด Portrait Mode 2.0 ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังละลายทำออกมาได้ดี ละลายฉากหลังได้อย่างสวยงาม สามารถปรับระดับความเบลอก่อนถ่ายภาพได้ และยังมีฟิลเตอร์สีให้เลือกเพิ่มเติมตามความชอบได้อีก ส่วนการถ่ายภาพกลางคืนได้โหมด Ultra Night Mode 2.0 มาช่วยทำให้ภาพสว่างขึ้นและยังมีรายละเอียดที่คมชัดขึ้น แต่ก็ยังมี Noise ให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งมือถือในราคาระดับนี้ถือว่ารับได้
ส่วนการบันทึกวิดีโอก็มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวอิเล็กทรอนิกส์ EIS มาให้ บันทึกได้สูงสุดระดับ 1080p/30ps ซึ่งตัวไฟล์ที่ได้ก็ถือว่าทำได้ดี ไม่สั่นมากแม้กดบันทึกในระหว่างเดิน
ภาพตัวอย่างกล้องหลัง
ภาพถ่ายที่แสงน้อยเปรียบเทียบระหว่าง AI (ซ้าย) และ Night Mode (ขวา)
เปรียบเทียบชัดๆ ระหว่างโหมดปกติ (ซ้าย) กับโหมด Portrait (ขวา)
กล้องหน้าเซลฟี่สวยด้วย AI Beauty Mode
กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ตัวกล้องแบบ Rising Camera เลื่อนขึ้น-ลงอัตโนมัติ ที่มาพร้อมกับ AI Beauty Mode ช่วยในการปรับโทนสีผิวให้สวยใสและเนียนเป็นธรรมชาติ ตัวกล้องยังมีไฟ Atmosphere Light ด้านข้าง ซึ่งสามารถเลือกใช้งานสีอื่นๆ หรือปิดไปก็ได้ ส่วนการโฟกัสก็จับใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ภาพตัวอย่างกล้องหน้าเซลฟี่
ประสิทธิภาพที่ไหลลื่น และการเล่นเกมที่สนุกมากขึ้น
ชิพประมวลผล MediaTek Heilo P70 จีพียู Mali-G72 MP3 900MHz ร่วมประมวลผลกับ RAM 8GB มีหน่วยความจำภายใน 128GB รันระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.1 บนพื้นฐาน Android 9 Pie เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว และทางออปโป้ยังพัฒนามาสำหรับการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนมาให้อีกด้วย โดยการใส่ HyperBoost 2.0 ที่มาพร้อม FrameBoost และ TouchBoost แบบใหม่ มาช่วยแก้ปัญหาเกมค้างและช่วยปรับเฟรมเรทของเกมให้เสถียรมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอในการเล่นเกมที่มากขึ้น นอกจากนี้ OPPO Reno2 F ยังได้ 5 ดาวจาก TUV Rheinland สำหรับประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยเฉพาะ และยังมีช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 mm มาให้ใช้งานกันอยู่
ส่วน Color OS 6.1 ก็มาในรูปแบบเรียบง่ายสวยงาม มี Smart Assistant ที่คอยรวบรวมข้อมูลและการใช้งานต่างๆ ให้กับเรา ตรงนี้ถือเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเลย
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ มาพร้อมกับการชาร์จที่รวดเร็ว
แบตเตอรี่ 4,000mAh ถือเป็นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ สามารถใช้งานได้เต็มวัน แต่ถ้าเล่นเกมต่อเนื่องนานๆ ก็อาจจะหมดเร็วได้ แต่ก็สามารถชาร์จกลับไปได้เร็วด้วย VOOC 3.0 ที่ชาร์จ 30 นาทีได้แบตเตอรี่ 51%
ความคิดเห็น OPPO Reno2 F จากทีมงาน Whatphone.net
เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีดีไซน์สวยพรีเมี่ยมและมีประสิทธิภาพที่ดี ครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย และคุ้มค่ากับราคา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่ไม่มีติ่งหรือรอยบากมากวนสายตา กล้องหลังที่มาด้วยกันถึง 4 เลนส์ ครอบคลุมทุกระยะ และกล้องหน้าเซลฟี่ด้วย AI Beauty Mode ปรับโทนผิวสวยงาม แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับการชาร์จเร็ว VOOC 3.0 และยังมีการปรับมาเพื่อการเล่นเกมที่ลื่นไหลมากขึ้นด้วย
จุดเด่น
- หน้าจอขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ไร้ติ่ง ไร้รอยบาก เต็มจอสวยงาม
- กล้องหลัง 4 ตัว ถ่ายครบทุกมุมมอง
- กล้องหน้าเซลฟี่ หน้าสวย เนียนใสเป็นธรรมชาติ
- แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000mAh รองรับชาร์จเร็ว VOOC 3.0
จุดสังเกต
- ด้วยกล้องหน้าแบบ Rising Camera ทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักพอสมควร
จบไปแล้วสำหรับรีวิว สำหรับใครที่อยากติดตามรีวิว, บทความ, ทิป เทคนิค การใช้งานต่างๆ และข่าวสารใหม่ ๆ ก็สามารถกดไลค์ เพจ WhatPhone.net หรือเข้ามาพูดคุยกันได้ที่ WhatPhone – Commu ได้เลย