ถือเป็นโอกาสดีที่ทาง Mentagram ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกล้อง GoPro ได้เชิญทีมงาน What Phone ไปร่วมทดสอบประสิทธิภาพกล้อง GoPro Hero 8 Black ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ และถือเป็นคนไทยกลุ่มแรกๆ ที่ได้ทดสอบการใช้งานแบบเต็มๆ ในโอกาสนี้เราจึงได้ทำการพรีวิว และนำภาพถ่าย คลิปวิดีโอมาฝากกัน
จุดเด่นของ GOPRO HERO 8 BLACK
- ดีไซน์รูปแบบใหม่พร้อม Folding Finger ขายึดอุปกรณ์เสริมในตัว ทำให้การใช้งานง่ายยิ่งขึ้น
- HyperSmooth 2.0 วีดีโอที่นิ่งเหนือระดับกว่าเดิมและใช้ได้กับทุกโหมด
- TimeWarp 2.0 ที่ใช้ง่ายกว่าเดิมด้วย Auto TimeWarp และโหมด Real Time
- New SuperPhoto + RAW ถ่ายภาพได้คมชัดขึ้นและไม่มีภาพซ้อนอีกต่อไป
- LiveSteaming เข้าสู่สังคมออนไลน์ในความละเอียดสูงถึง 1080p หรือ Full HD
- Night Lapse วีดีโอ การถ่ายดวงดาวไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเพราะทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ
- Horizon leveling ใหม่ล่าสุดที่ทำให้วีดีโอของคุณไม่เอียงและบิดเบี้ยว
- Live Burst ถ่ายเหตุการณ์ก่อนและหลัง ช่วงละ 1.5 วินาที แบบเคลื่อนไหวและสามารถเลือกช็อตที่ดีที่สุดได้
- Voice Control รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
- Digital Lense ทำให้กล้อง GoPro ของคุณเปลี่ยนมุมมองได้หลากหลายรูปแบบ
- Preset การตั้งค่ากล้องล่วงหน้าที่จะทำให้การใช้งานง่ายและมืออาชีพยิ่งขึ้น
- SlowMotion ได้สูงถึง 8 เท่าพร้อมใช้งานคู่กับระบบ HyperSmooth 2.0
- GPS ในตัวพร้อมเซ็นเซอร์การจับความเคลื่อนไหว
- Improved Audio เพิ่มประสิทธิภาพการบันทึกเสียงและตัดเสียงรบกวน
- Face & Scene Detection ระบบการตรวจจับใบหน้า รอยยิ้ม การกระพริบตา และบรรยากาศต่าง ๆ
- Rugged and Water Proof กันน้ำสูงถึง 10 เมตรพร้อมวัสดุและเลนส์ที่แข็งแรงขึ้นถึง 2 เท่า
- GoPro Application ควบคุมกล้องจากระยะไกล จัดการวีดีโอของคุณพร้อมการตัดต่อได้อย่างง่ายดาย
- ใหม่ล่าสุดกับการรองรับ Media Mods อุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกาทำงานของคุณมากขึ้นถึง 3 แบบ
- Media Mod – ทำให้ GoPro ของคุณบันทึกเสียงได้ดีขึ้นพร้อมรองรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริม Mods อื่น ๆ ได้
- light Mod – เพิ่มความว่างและคมชัดให้กับวีดีโอของคุณในขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ
- Display Mod – สาย Vlog ห้ามพลาดกับ จอเสริมขนาด 2 นิ้วสามารถพับได้
- ถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 60fps หรือ 1080p 240fps ในอัตราบิตเรทสูงถึง 100Mbps
- ภาพถ่ายความละเอียด 12 พิกเซล
พรีวิว GoPro Hero 8 Black
สำหรับแอ็คชั่นแคมรุ่นใหม่จาก GoPro นี้ได้พัฒนาให้แข็งแรงทนทานกว่าเดิม ด้วยขอบด้านข้างเป็นแบบโลหะ แรกสัมผัสก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นรุ่นใหม่แข็งแรงทนทานแน่นอน ลักษณะภายนอกโดยรวมแล้วดูคล้ายกับ Hero 7 Black พอสมควร เดี๋ยวเรามาเปรียบเทียบทั้งสองรุ่นให้ดูกันอีกครั้ง มาดูกันที่รุ่นนี้กันก่อน ด้านหน้ามีกระจกเลนส์กันแรงกระแทกได้ถึง 2 เท่าโดยใช้ Gorilla Glass ที่แข็งแรงขึ้น โดยของเดิมมีความหนา 1.3 มม. แต่รุ่นใหม่นี้มีความหนาถึง 2 มม.
จอแสดงผลด้านยังคงใช้จอภาพแบบขาวดำ แสดงสถานะการทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความละเอียด และโหมดของการถ่ายภาพ แสดงสถานะหน่วยความจำ สถานะแบตเตอรี่ เหนือจอแสดงผลด้านหน้ามีไฟ LED บอกสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ และกระพริบเมื่อถ่ายวิดีโอ ช่องไมโครโฟนด้านหน้าก็ถูกออกแบบมาให้ลดเสียงลมให้ดีขึ้นกว่าเดิม และจุดที่ต่างไปจากรุ่นก่อนคือโลโก้ GoPro เป็นแบบปั๊มนูนขึ้นมา ถ้าเป็นรุ่นก่อนจะเป็นแค่สกรีนติดพื้นผิวเท่านั้น
ด้านหลังเป็นจอแสดงผลแบบสี สามารถแตะสั่งงานได้เหมือนกับ GoPro รุ่นก่อน ที่มุมบนด้านซ้ายก็ยังคงมีไฟ LED บอกสถานะการถ่ายวิดีโอเช่นเดียวกับด้านหน้า
ปุ่มชัตเตอร์ หรือปุ่มบันทึกวิดีโอก็ยังคงอยู่ด้านบนเช่นเดิม สะดวกเมื่อต้องถ่ายภาพ หรือวิดีโออย่างรวดเร็วขณะเครื่องปิดอยู่ก็เพียงแค่กด 1 ครั้งก็จะทำการบันทึกภาพทันที
จุดเปลี่ยนอยู่ตรงนี้ ด้านล่างเป็นที่ยึดกับขาตั้ง หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มาแบบ Built in ในตัว สะดวกมากๆ เมื่อต้องใช้งาน อีกทั้งยังไม่ต้องมีเฟรมยึดเหมือนกับรุ่นก่อน ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม และหากขายึดตรงนี้แตกหักก็สามารถเปลี่ยนได้เองง่ายๆ เพียงแค่ขันน็อตไม่กี่ตัว
ช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ microSD แบตเตอรี่ และช่องเสียบสายชาร์จ หรืออุปกรณ์เสริมแบบ USB-C โดยมีฝาปิดขนาดใหญ่ และสลักปลดล็อค หากล็อคไม่แน่นก็จะมีแถบสีแดงปรากฎให้เห็น ซึ่งจะทำให้น้ำ หรือความชื้นเข้าสู่แบตเตอรี่และแผงวงจรด้านในได้ ก่อนลงน้ำความตรวจเช็คจุดนี้ให้เรียบร้อย
ส่วนด้านข้างอีกด้านก็จะมีโลโก้ 8 BLACK สกรีนอยู่ ถัดลงมาเป็นปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง และมีรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
เปรียบเทียบกับ GoPro Hero 7 Black
เมื่อนำทั้งสองรุ่นมาเปรียบเทียบกันก็จะยิ่งเห็นความแตกต่าง ด้านซ้ายคือ Hero 7 Black ส่วนด้านขวาคือ Hero 8 Black มาดูกันที่ด้านหน้ามีการย้ายโลโก้ไปฝั่งซ้ายเพื่อหลบทางให้ไมโครโฟนมาอยู่ด้านหน้า ส่วนเลนส์ก็ดูต่างกันเล็กน้อย
มาดูที่ด้านหลังจะเห็นว่า Hero 8 Black ดูใหญ่กว่าเล็กน้อย และมีการสลับฝั่งโลโก้ด้วยเช่นกัน
มาดูกันที่มุมบนปุ่มชัตเตอร์ยังคงอยู่ตำแหน่งเดียวกัน แต่เลนส์รับภาพจะสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่า Hero 7 Black ส่วนของเลนส์จะยื่นออกมามากกว่า
ส่วนด้านข้างก็ชัดเจนว่ามีเลข 7 และเลข 8 กำกับอยู่ว่ารุ่นไหนเป็นรุ่นใหม่ ส่วนใครที่พึ่งเปลี่ยนมาใช้ 8 Black ก็อาจจะต้องปรับตัวเล็กน้อย เพราะปุ่มเปิดเครื่อง และช่องใส่แบตเตอรี่ ช่องเสียบสายชาร์จถูกสลับให้อยู่คนละฝั่งกันเลย
ตัวอย่างภาพถ่าย และคลิปวิดีโอจาก GoPro Hero 8 Black
จากกิจกรรมที่ทีมงานได้ทำคือได้ไปนั่งรถแข่งที่เรียกว่า TA2 ซึ่งเป็นรถแข่งที่สนามพีระเซอร์กิต โดยจะมีนักแข่งระดับมืออาชีพเป็นคนขับ และให้ผู้เข้าร่วมทดสอบเข้าไปนั่งทีละคน ต้องบอกว่ารถมีกำลังแรงม้าสูงถึง 500 แรงม้า และในทางตรงสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 250 กม./ชม. ถือว่าเร็วมากๆ ซึ่งแน่นอนว่ารถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจะมีการสั่นสะเทือน และการเข้าโค้งอย่างรุนแรง ไม่สามารถถือกล้องนิ่งๆ ได้
แต่ด้วยคุณสมบัติ HyperSmooth 2.0 ให้สังเกตภาพในรถที่มือไม่สามารถถือกล้องนิ่งๆ ได้ สั่นไปสั่นมาเพราะมีแรงกระชากจากการเร่งเครื่อง เหวี่ยงจากการเข้าโค้ง และกระแทกอย่างรุนแรง ภาพจะออกมาเป็นอย่างไรมาชมคลิปหรือฟุตเทจที่เราได้ถ่ายขณะกันเลยดีกว่าครับ
คลิปต่อมาถูกตัดต่อด้วย Quik ที่ทำได้ง่ายมากๆ เพียงแค่เลือกคลิป หรือฟุตเทจที่เราต้องการลงไป แอพฯ จะจัดการตัดต่อ ใส่เสียงเพลง ใส่เอฟเฟ็คท์ให้ทั้งหมด แต่ในคลิปนี้เราได้ทำการ Edit เองพอสมควรเพื่อให้ได้ภาพในช่วงที่เราต้องการนำเสนอ ซึ่งก็ไม่ถือว่ายากเย็นอะไร ทำได้ง่ายๆ บนหน้าจอมือถือพร้อมแชร์สู่ Social ได้ทันที
ส่วนก่ีถ่ายภาพนิ่งก็ถือว่าทีมงานที่ไปโชคดี ฟ้าเปิดค่อนข้างใส มีเมฆเป็นบางส่วน ภาพที่ออกมาดูแล้วถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อน สีสันของภาพสดใสกว่า Hero 7 Black พอสมควร รวมถึงภาพ HDR ที่ทำออกมาได้สว่าง ถึงแม้ว่าจะถ่ายย้อนแสงก็ตาม
บทสรุปการใช้งาน GoPro Hero 8 Black
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในการใช้งาน ซึ่งส่วนตัวใช้ Hero 7 Black มาก่อน พอได้ลองเล่นพบว่าเมนูต่างๆ ทำได้รวดเร็วกว่ารุ่นก่อน ภาพ และวิดีโอมีสีสันสวยงามกว่า ระบบ HyperSmooth 2.0 ที่พัฒนาได้ดีมากยิ่งขึ้น หมดกังวลเรื่องภาพสั่นไหว ไม่ต้องใช้ตัวช่วยอย่างไม้กันสั่น หรือ Gimbal ไปได้เลย ถ้าถามว่าใช้ Hero 7 Black มาก่อนควรจะเปลี่ยนไหม อันนี้ขอตอบเป็นกลางๆ ว่าไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ แต่ถ้าจะเปลี่ยนก็ดี คือรุ่นใหม่นี้พัฒนาออกมาดีกว่ารุ่นก่อนอยู่แล้ว แต่ถ้ายังใช้ 5 หรือ 6 แนะนำว่าควรเปลี่ยน เพราะดีฟีเจอร์ต่างๆ พัฒนามาดีกว่ารุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนกำหนดวางจำหน่ายยังไม่ทราบแน่ชัด เพราะตอนนี้ที่ต่างประเทศก็ไม่พอขายเช่นกัน น่าจะการันตีถึงความเจ๋งของรุ่นนี้ได้ คาดว่าน่าจะเข้าประจำร้านค้าอย่างเร็วก็ต้นเดือนหน้า หรืออย่างช้าก็กลางเดือน เตรียมสอยกันได้เลยครับ