Redmi Note 8 Series ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ขึ้นชื่อว่าถ่ายภาพสวยที่สุดรุ่นหนึ่ง แต่กว่าจะมาเป็นสมาร์ทโฟน Xiaomi แต่ละรุ่นนั้นต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย Xiaomi เริ่มเข้ามาทำตลาดในบ้านเราเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงอยากจะทราบแบรนด์ Xiaomi ก่อตั้งเมื่อไหร่ และมีจุดมุ่งหมายอย่างไรในการบุกตลาดโลก
Xiaomi จากแบรนด์เล็ก สู่แบรนด์ใหญ่ระดับโลก
เสียวหมี่ คอร์เปอเรชั่นก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2553 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2561 (1810.HK.) ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และสมาร์ทฮาร์ดแวร์ เพื่อเชื่อมต่อสู่แพลตฟอร์ม IoT ปัจจุบัน เสียวหมี่ เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก และได้สร้างแพลตฟอร์ม IoT สำหรับลูกค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสมาร์ทดีไวซ์มากกว่า 213.2 ล้านผลิตภัณฑ์ (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) ผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ วางจำหน่ายมากกว่า 90 ประเทศ ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และอยู่ในอันดับต้นๆในตลาดสำคัญต่างๆ
แฟนเสียวหมี่ตัวยงคือผู้ผลักดันในทุกๆ ด้าน จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมเสียวหมี่พร้อมสโลแกน “สำหรับหมี่แฟนเท่านั้น (Just for fans)” ซึ่งพนักงานของเสียวหมี่เริ่มต้นมาจากการเป็นแฟนพันธุ์แท้เสียวหมี่ ทำให้มีทีมงานที่แข็งแกร่ง มีจุดมุ่งหมายอันเดียวกันในการผลักดันให้เกิดความสมบูรณ์แบบ ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในนวัตกรรม ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ในทุกๆผลิตภัณฑ์อันโดดเด่นของเสียวหมี่
Redmi Note 8 Series
ในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ Xiaomi รุกตลาดในบ้านเราอย่างเต็มที่ และหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นทั้งในด้านประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าคงจะเป็นรุ่นอื่นไปไม่ได้ นอกจาก Redmi Note 8 Series มีให้เลือกทั้ง 2 รุ่น ทั้ง Redmi Note 8 Pro ที่มาพร้อมกล้องถึง 4 เลนส์ ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่เล่นเกมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และอีกรุ่นคือ Redmi Note 8 สมาร์ทโฟน 4 กล้อง ความละเอียด 48 ล้านพิกเซลที่เหมาะกับการถ่ายภาพที่มีกล้องมาให้ 4 เลนส์เช่นกัน ถ่ายภาพได้ครบชัดทุกระยะ ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันเล็กน้อย มาดูกันว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นอย่างไร
Redmi Note 8 Pro ที่สุดความแรง คมชัดด้วยกล้อง 64 ล้านพิกเซล
Redmi Note 8 Pro เลือกใช้หน่วยประมวลผล Helio G90T Gaming Processor ที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ มีเทคโนโลยี LiquidCool มาพร้อม Heatpipe ที่จะช่วยระบายและกระจายความร้อนออกจาก CPU ทำให้ไม่เกิดความร้อนสะสม ซึ่งจะมีผลทำให้เฟรมเรทตกหากตัว CPU มีความร้อนสูง มาพร้อมหน่วยความจำ RAM 6 GB+64 GB และ RAM 6 GB+128 GB และยังเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้อีกด้วย
จุดเด่นของของกล้องรุ่นนี้ยังมาพร้อมกล้องถึง 4 ตัว และยังมีระบบ AI ที่ช่วยถ่ายภาพได้สวยขึ้น ซึ่งระบบจะช่วยปรับแสง และสีสันของภาพให้ดูสวยงามสมจริง โดยกล้องหลักความละเอียดถึง 64 ล้านพิกเซล f/1.89, กล้อง Ultra wide 8 ล้านพิกเซลที่เก็บภาพได้กว้างถึง 120 องศา f/2.2, กล้อง Super Macro 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
สำหรับกล้อง 64 ล้านพิกเซลเหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการความละเอียดสูง แต่หากต้องการภาพที่สว่างสวยงามก็สามารถปรับไปถ่ายได้ในโหมดธรรมดา 16 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นการรวม 4 พิกเซลเป็น 1 พิกเซลเพื่อให้รับแสงได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเลนส์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างเลนส์ Super Macro ที่สามารถถ่ายได้ใกล้สุดถึง 2 ซม. ซึ่งถือว่าถ่ายได้ใกล้ที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้ ถือว่าสเป็คแรงมากที่สมาร์ทโฟนระดับกลางมีสเป็คถ่ายภาพที่แรง และความละเอียดสูงขนาดนี้
Redmi Note 8 ที่สุดแห่งความคุ้มค่า คมชัดด้วยกล้อง 48 ล้านพิกเซล
หากพูดถึงความคุ้มค่า Redmi Note 8 คืออันดับหนึ่งในตัวเลือก ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่าในด้านดีไซน์ที่สวยงาม คุณภาพและวัสดุที่ดูหรูหรา และการถ่ายภาพด้วยกล้อง 4 เลนส์ที่มาพร้อมกล้องความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล ไม่ว่าจะเป็นเลนส์กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล f/1.79, กล้อง Ultra wide angle 8 ล้านพิกเซลที่เก็บภาพได้กว้างถึง 120 องศา f/2.2, กล้อง Super Macro 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Depth sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดถึง 4K และกล้องหน้าที่ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ AI ที่ช่วยถ่ายภาพได้สวยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับแสง และปรับสีสันของภาพให้ดูสวยงามสมจริง ไม่ต้องพึ่งแอพฯ แต่งภาพใดๆ ให้เสียเวลา
Redmi Note 8 ถ่ายภาพคมชัดด้วยกล้อง 4 เลนส์ ที่สุดแห่งความคุ้มค่า
หากพูดถึงความคุ้มค่า Redmi Note 8 ถือเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับการถ่ายภาพที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยกล้องที่คมชัดความละเอียดสูง มีเลนส์มาให้ 4 ระยะ เหมาะกับการถ่ายภาพทุกสถานการณ์ และหากไปท่องเที่ยวก็สามารถพก Redmi Note 8 แทนกล้องดิจิตอลคอมแพ็คได้เลย และนี่คือภาพที่ถ่ายด้วย Redmi Note 8 ที่ไม่ผ่านการตกแต่งภาพใดๆ มาชมความสวยงาม และความคมชัดในการไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ได้เลยครับ
เราไปชมภาพถ่ายของ Redmi Note 8 Pro กัน
ทรี มังกี้ Three Monkey ร้านอาหารแนวแอดเวนเจอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ด้วยการออกแบบสถานที่ให้ใกล้ชิดกับธรรมชาติและดีไซน์ตัวร้านอาหารเป็นกระโจมสุดชิค ทำให้การถ่ายภาพ Landscape มีเสน่ห์มากขึ้น
การใช้โหมดถ่ายภาพ Landscape ให้ดูเส้นนำสายตาของภาพและหากพื้นหลังเป็นท้องฟ้าก็จัดให้สิ่งของในภาพไม่อยู่กลางจนเกินไปเพื่อให้ภาพมีความสมดุล และมีมิติมากขึ้น
หากพบว่าแสงจ้าเกินไป ควรปรับแสงในขณะถ่ายเลย เพราะหากปรับภาพหลังถ่ายจะทำให้ภาพไม่คมชัด
การถ่ายภาพที่มีแสงลอดมาทางต้นไม้ หากปรับเป็น Portrait จะทำให้ภาพมีความละมุนขึ้น และหากต้องการถ่ายภาพในโหมด Slow motion ที่ได้ถึงอารมณ์ของภาพ เช่นการให้เห็นความสลวยของผมให้ปรับไปที่ 240 เฟรม ซึ่งสามารถเลือก Shot ที่จะให้เกิดการ Slow ได้
ถนนรมณีย์ เมืองเก่าภูเก็ต Old Town Street Art มนต์เสน่ห์ในเมืองภูเก็ต ด้วยสถาปัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวต่างอยากมาถ่ายภาพและเช็คอินที่นี่ ซึ่งนอกจากสีสันของอาคารแล้วยังมีศิลปะสุดอาร์ตกราฟฟิตี้อยู่ตามมุมตึกให้ได้ถ่ายรูปกันแบบเพลินๆอีกด้วย
หากต้องการถ่ายภาพที่สามารถเก็บรายละเอียดมากๆ โดยเฉพาะ Landscape อย่างภาพ Street Art แนะนำให้ใช้เลนส์ ultra-wide จะทำให้เก็บรายละเอียดภาพได้ครบและภาพออกมาสวยมากขึ้น
สำหรับคุณผู้หญิงที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและต้องการให้ถ่ายออกมาแล้วขาดูเรียวยาว ก็สามารถใช้โหมดเลนส์ ultra-wide โดยวางกล้องในระดับเอวและถ่ายแบบเสยขึ้นนิดหน่อยได้
เดอะ กี สกาย เลาจน์ The Kee Sky Lounge ร้านอาหารรูฟท็อปชื่อดังย่านป่าตอง บนโรงแรม เดอะ กี รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่ใครหลายคนที่มาป่าตองต้องมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ โดยเฉพาะคู่รักเพราะที่นี่ได้ออกแบบโดมบับเบิ้ลสถานที่ที่รังสรรค์ไว้ให้เป็นดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแบบส่วนตัวสุดๆ ที่ให้ผู้มาเยือนได้ชมแสงพระอาทิตย์ลับขอบทะเลอย่างโรแมนติก
สำหรับภาพพระอาทิตย์ตก สามารถปรับไปที่โปรแกรมปรับแสงขณะถ่ายตามต้องการว่าต้องการให้มีการย้อนแสงน้อยหรือมาก ขึ้นอยู่กับการเน้นวัตถุที่ต้องการถ่าย
Redmi Note 8 Series สมาร์ทโฟนที่เหมาะที่สุดสำหรับการถ่ายภาพ
จากภาพถ่ายของ Redmi Note 8 จะเห็นได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้หลากหลายมุมมอง ทั้งถ่ายระยะใกล้ ระยะไกล ถ่ายภาพบุคคล หรือจะถ่ายภาพแบบมุมกว้างก็สามารถทำได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์เหมือนกับกล้องคอมแพ็ค หรือกล้อง DSLR ภาพที่ออกมามีความละเอียดสูง สามารถนำไปอัดเป็นภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่ได้เลย อีกทั้งยังมีระบบ AI ที่ช่วยในการปรับแสง และสีสันของภาพ ไม่ว่าจะถ่ายในที่มืด หรือถ่ายย้อนแสง ภาพที่ออกมาก็คมชัด และสว่างโดยไม่ต้องแต่งภาพเพิ่มเติม และนี่คือพลังแห่งกล้อง Redmi Note 8 Series ที่จะทำให้คุณถ่ายภาพได้สวยอย่างมืออาชีพ
ครั้งแรกกับเสียวหมี่ ประเดิมเข้าร่วมงาน Thailand Mobile Expo 2020 พร้อมโปรโมชั่นสุดแรง
จัดเต็มในการเข้าร่วมงาน Thailand Mobile Expo 2020 เป็นครั้งแรก โดยได้ขนขบวนสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงเด็ดๆ และสินค้า AIoT ที่หลายคนรอคอย มาพร้อมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษเฉพาะในงานครั้งนี้เท่านั้น ซึ่งสามารถรับสิทธิพิเศษนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมถึง 2 กุมภาพันธ์ 2563 ที่บูธเสียวหมี่ ฮอลล์ 98-99 ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา
สิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ:
- รับฟรีทันที เครื่องฟอกอากาศ Mi Air Purifier 2C มูลค่า 3,990 บาท เมื่อซื้อสมาร์ทโฟนรุ่น Mi Note 10 ความจุ 6 GB + 128 GB ราคา 16,990 บาท หรือ Mi Note 10 Pro รุ่น 8GB + 256GB ราคา 19,990 บาท
- รับฟรีทันที อุปกรณ์หูฟังไร้สาย Mi True Wireless Earbuds Basic มูลค่า 699 บาท และ Redmi Note 8 Series Special Gift Pack มูลค่ากว่า 1,000 บาท เมื่อซื้อสมาร์ทโฟนรุ่น Redmi Note 8 Pro รุ่น 6 GB + 64 GB ราคา 7,999 บาท หรือ รุ่น 6 GB + 128 GB ราคา 8,999 บาท หรือรับ Redmi Note 8 รุ่น 4 GB + 64 GB ราคา 5,999 บาท หรือ รุ่น 4 GB + 128 GB ราคา 6,999 บาท