นายนิฐิวัฒน์ วัจนวรานันท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์อิมเมจจิ้งคอม มูนิเคชั่น เปิดเผยว่า Canon ได้พัฒนาชิ้นส่วนและระบบทำงานของการถ่ายภาพที่สำคัญรวมไว้ในกล้องชนิดถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ตระกูล EOS ซึ่งประกอบด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ CMOS โปรเซสเซอร์ภาพ และเลนส์ชนิดถอดเปลี่ยนได้ ภายใต้แนวคิดหลัก “Speed, Comfort and High Image Quality คือ ต้องเร็ว ต้องใช้สบาย และต้องได้ภาพคุณภาพสูง” รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตั้งแต่กล้องรุ่นโปรสำหรับมืออาชีพ ที่ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูงในกลุ่มช่างภาพมืออาชีพ ไปจนถึงกล้องรุ่นเริ่มต้นที่ใช้งานง่ายและให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูง เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า
ในช่วงยุคเริ่มต้นของกล้องดีเอสแอลอาร์ แคนนอนได้เปิดตัวกล้องที่เป็นที่สุดแห่งยุค Canon EOS 300D (EOS Digital Rebel หรือ EOS Kiss Digital) ในเดือนกันยายน 2546 จัดเป็นกล้องที่แตกต่างจากกล้องที่เคยมีมา ในราคาที่สามารถแข่งขันกับตลาดได้และถูกออกแบบให้มีความกะทัดรัด น้ำหนักเบา จึงทำให้เป็นกล้องที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดโลกของกล้องดีเอสแอลอาร์ในอันดับต้นๆ และถูกวางเป็นมาตารฐานการเติบโตในตลาด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแคนนอนได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกล้องระดับมืออาชีพอย่างรุ่น EOS 1D และรุ่น EOS 5D ซึ่งปูทางไว้สำหรับกล้องดีเอสแอลอาร์ให้สามารถบันทึกวิดีโอได้อีกด้วย
จากนั้น แคนนอนเปิดตัวกล้องมิลเลอร์เลสระบบ EOS R system ผ่านแนวคิด ‘New Possibilities for Photographic Expression – ความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด’ ในเดือนตุลาคม 2561 รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม EOS R และเลนส์ RF ซึ่งยกระดับเทคโนโลยีออพติคอลของแคนนอนมาใช้อย่างเต็มที่ ในการช่วยเติมเต็มและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้องแคนนอนในระบบ EOS
ในปี 2562 แคนนอนได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ที่น่าสนใจมากมาย อย่างกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม EOS RP (เดือนมีนาคม) และกล้องดีเอสแอลอาร์ EOS 90D (เดือนกันยายน) ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมนั้น แคนนอนยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดโลกเป็นอันดับ 1 ติดต่อกัน 17 ปีซ้อน
ปัจจุบัน แคนนอนกำลังพัฒนากล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรม EOS R5 ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม CMOS ที่พัฒนาขึ้นใหม่ร่วมกับการถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็วสูง สำหรับภาพนิ่งและการบันทึกวิดีโอ 8K นอกจากนั้นยังกำลังพัฒนาเลนส์ RF ทั้งหมด 9 รุ่น รวมถึง รุ่น RF100-500mm F4.5-7.1 L IS USM และวางแผนที่จะวางจำหน่ายในปี 2563
ในอนาคต แคนนอน จะยังคงใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีออพติคัลเป็นหัวใจสำคัญในต่อยอดเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่หลากหลายให้ดียิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาระบบ EOS System ทั้งกล้องดีเอสแอลอาร์และกล้องมิเรอร์เลสของแคนนอนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นับเป็นการเปิดมิติใหม่ให้การถ่ายภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ที่หลากหลาย และเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการถ่ายภาพและวิดีโอให้เป็นที่แพร่หลายยิ่งขึ้น