ในยุคที่อินเตอร์เน็ตไฟเบอร์จะมาพร้อมความเร็วขั้นต่ำ 100 Mbps ขึ้นไป ซึ่งตอนนี้ก็มีแพ็คเก็จความเร็วสูงถึง 1 Gbps กันไปเรียบร้อย แต่หากอุปกรณ์ส่งสัญญาณ WiFi ยังคงใช้เทคโนโลยีเก่าก็ไม่มีประโยชน์ที่จะจ่ายแพงๆ แต่สำหรับ Velop MX5300 WiFi 6 Mesh System ที่มาพร้อมเทคโนโลยี WiFi 6 ที่จะช่วยให้คุณได้ใช้อินเตอร์เน็ตได้เต็มสปีดที่จ่าย และยังมาพร้อมกับการติดตั้งที่ง่ายดาย ดีไซน์สวยงาม จะวางส่วนไหนของบ้านก็ไม่ดูแปลกตา มาดูกันครับว่า WiFi Router รุ่นนี้มีดีอย่างไร
จุดเด่น
- Velop MX5300 ทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ Mesh อื่นๆ ของ Linksys ง่ายต่อผู้ใช้งานที่ต้องการจะเพิ่มเครือข่าย WiFi Network ในอนาคตได้
- รองรับ 3 คลื่นได้แก่ 2.4 GHz และ 5 GHz จำนวน 2 คลื่น เพื่อสร้างความเสถียรของการรับส่งข้อมูล
- เทคโนโลยี WiFi 6 เร็วกว่า 4 เท่า ให้ความเร็วในการเชื่อมต่อไวไฟครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณบ้านด้วยความเร็วสูงสุดถึง 5.3 Gbps
- ง่ายต่อการติดตั้งโดยใช้ Linksys App รองรับทั้ง Android และ iOS
- เสาสัญญาณ 13 เสาแบบซ่อนภายใน พร้อมเครื่องขยายกำลังส่งสูง
- รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้มากกว่าเดิมถึง 4 เท่า
แกะกล่อง Velop MX5300 WiFi 6 Mesh System
เครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นชุด WiFi Router เครื่องเดียว เหมาะกับการใช้งานในคอนโด หรือบ้านเล็กๆ 1 ชั้น หรือ 2 ชั้น แต่สำหรับชุดจำหน่ายจะมาพร้อมกับ Velop รุ่นอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้เป็น Mesh WiFi ขยายสัญญาณได้ ตามแพ็คเก็จที่จัดจำหน่าย สำหรับรุ่นนี้จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่า หนักกว่า Velop รุ่นก่อนที่เราเคยได้มาทดสอบ แต่ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่อัดเข้ามาในรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผลความเร็วสูง เสาอากาศ 13 เสา เทคโนโลยี WiFi 6 จึงค่อนข้างใหญ่และหนักพอสมควร เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- Linksys Velop MX5300
- อแดปเตอร์จ่ายไฟ
- สายไฟต่ออแดปเตอร์มีให้เลือกใช้หัวปลั๊ก 3 แบบ
- สาย LAN ยาว 1 เมตร 1 เส้น
- คู่มือการติดตั้ง
- แผ่น Mini CD บรรจุไฟล์เอกสารต่างๆ
คุณสมบัติต่างๆ ของรุ่นนี้ก็มีอธิบายไว้ที่ข้างกล่อง
สำหรับตัวเครื่องนั้นมาในรูปแบบทรงสี่เหลี่ยมทรงกระบอกขนาดค่อนข้างใหญ่ ดีไซน์มาในแนวเรียบๆ สีขาว สามารถวางกลมกลืนเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในบ้านได้โดยไม่เกะกะสายตาเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ที่มักจะมีเสาสัญญาณภายนอก ด้านหน้ามีเพียงโลโก้ LINKSYS เท่านั้น ส่วนด้านข้างซ้ายขวามาในแนวเรียบๆ ไม่มีลวดลายใดๆ ที่ด้านหลังฝั่งขวาจะมีช่องเสียสายต่างๆ ไว้จากล่างขึ้นไปเป็นช่องเสียบสายจากอแดปเตอร์ ถัดมาเป็นพอร์ต LAN สำหรับเชื่อมต่อกับ Modem โดยจะมีขีดสีเหลืองและคำว่า Internet กำกับอยู่ ถัดมาเป็นพอร์ต LAN 4 พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ สมาร์ททีวี กล่องแอนดรอยด์ทีวี เครื่องเล่นเกมคอนโซล หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการความเสถียรในการรับส่งข้อมูล ซึ่งทั้ง 5 พอร์ตจะมีความในระดับ 1 Gbps ถัดไปบนสุดเป็นพอร์ต USB ไว้สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เก็บข้อมูลอย่าง NAS เพื่อแชร์ข้อมูลเข้าไปในวง LAN เดียวกัน
ที่ด้านบนจะมีรูระบายอากาศพร้อมกับไฟแสดงสถานะการทำงาน 1 ดวง ส่วนด้านล่างจะมีฉลากต่างๆ ติดบอกรหัสการเชื่อมต่อ WiFi เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน และยังมีสวิตซ์เปิด/ปิดเครื่อง ปุ่ม WPS และปุ่ม Reset เครื่อง และที่ด้านล่างขอบทั้ง 3 จะมีรูรับอากาศที่จะระบายความร้อน ซึ่งตามธรรมชาติแล้วความร้อนจะมีคุณสมบัติเบากว่า โดยจะลอยขึ้นไปด้านบนที่มีรูระบายอากาศอยู่
การติดตั้ง Velop MX5300 WiFi 6 Mesh System
ในการติดตั้งการใช้งานจะมี 2 แบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป สำหรับการติดตั้งวิธีแรกก็เพียงแค่นำสาย LAN จาก WiFi Router เดิมมาเสียบเข้าที่พอร์ต LAN ของ MX5300 แล้วตั้งค่าการใช้งาน วิธีนี้ค่อนข้างง่าย ไม่ต้องวุ่นวายกับอุปกรณ์เดิมๆ ของผู้ให้บริการ แต่จะต้องเสียบปลั๊กใช้งานหลายอุปกรณ์ สิ้นเปลืองทั้งไฟฟ้า และพื้นที่การจัดวาง
ส่วนวิธีที่ 2 จะเป็นการแทนที่ WiFi Router ตัวเดิมของผู้ให้บริการ ซึ่งจะต้องนำสาย LAN ที่ต่อกับ Modem Fibre มาต่อเข้ากับ MX5300 แล้วทำการตั้งค่า ในรีวิวนี้จะทำการตั้งค่าของ AIS Fibre ซึ่งหากต้องการเปลี่ยนมาใช้ WiFi Router อื่นๆ จะต้องโทรไปขอเปิด Bridge mode กับผู้ให้บริการก่อน จึงจะสามารถตั้งค่าได้ อาจจะดูยุ่งยากแต่สำหรับลูกค้า Linksys จะมีบริการติดตั้งให้ฟรีถึงบ้านอยู่แล้ว หากต้องการติดตั้งเองก็สามารถทำตามรีวิวนี้ได้เลยครับ
ตั้งค่าการใช้งานง่ายๆ ผ่านแอพฯ Linksys
สำหรับการตั้งค่าการใช้งานของ AIS Fibre ก็จะต้องเตรียม Username, Password และค่า VLAN โดยสามารถขอได้จากผู้ให้บริการ หรือหากเป็นผู้ให้บริการเจ้าอื่นๆ อย่างเช่น True online, 3BB ก็สามารถโทรปรึกษาได้จาก Call center หรือให้ช่าง Linksys ดำเนินการติดตั้งให้ฟรีดังที่ได้กล่าวไปแล้ว และเมื่อพร้อมแล้วก็ดาวน์โหลดแอพฯ Linksys มาติดตั้งไว้บนสมาร์ทโฟน รองรับทั้ง Android และ iOS
และเมื่อเปิดแอพฯ Linksys ขึ้นมาก็จะพบกับขั้นตอนการติดตั้งที่มีรูปภาพแนะนำขั้นตอนอย่างละเอียด สามารถทำตามขั้นตอนได้ง่ายมากๆ โดยแอพฯ จะให้เราตรวจเช็คสายสัญญาณ และสาย LAN ต่างๆ ให้เรียบร้อยดังภาพ
จากนั้นให้เราทำการถอดปลั๊ก Modem เพื่อ Reset การทำงานก่อนที่จะใช้งานร่วมกับ Velop MX5300 เครื่องใหม่ และเมื่อเปิดทั้ง Modem และ MX5300 ขึ้นมาแล้วก็จะถึงขึ้นตอนการตั้งค่า ซึ่งในกรณีนี้จะตั้งค่าแบบ PPPoE over VLAN ให้เราทำการใส่ Username, Password และค่า VLAN ให้เรียบร้อย จากนั้นตัวเครื่องจะทำการเช็ค และเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ใช้เวลาไม่นาน
เสร็จสิ้นขั้นตอนการตั้งค่าอินเตอร์เน็ตแล้วก็ถึงขึ้นตอนการสร้าง Account เพื่อจดจำ WiFi Router เครื่องนี้เอาไว้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเข้ามาตั้งค่าต่างๆ ผ่านแอพฯ ได้ง่ายๆ ซึ่งหากมี Account แล้วก็สามารถ Login ได้เลย
ขั้นตอนต่อไปเป็นการตั้งค่า WiFi ก็เพียงแค่ใส่ชื่อ WiFi และ Password ที่เราต้องการ อาจจะตั้งรหัสผ่านที่เราทราบคนเดียว ไม่แนะนำให้ใช้เป็นเบอร์โทรศัพท์ หรือบ้านเลขที่ ซึ่งรหัสเหล่านี้จะถูกเดาได้ง่ายมาก และขั้นตอนสุดท้ายคือการกำหนดชื่อว่าตัวเครื่องจะตั้งอยู่ที่ไหน โดยจะมีชื่อห้องต่างๆ ให้เลือก แต่ก็สามารถเลือกตั้งชื่อห้องเองได้ด้วย เสร็จสิ้นขั้นตอนการตั้งค่าเรียบร้อย ง่ายและสะดวกมากๆ และถ้าหากจะติดตั้ง Mesh WiFi เพิ่มก็สามารถทำตามขั้นตอนต่อไปได้เลย
สรุปผลการใช้งาน Velop MX5300 WiFi 6 Mesh System
จากการทดสอบใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค, สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, กล้อง IP Camera, สมาร์ททีวี, อุปกรณ์ IoT ต่างๆ รวมแล้วประมาณ 17 อุปกรณ์ก็พบว่าสามารถทำงานได้ดี ไม่หลุดแต่อย่างใด การทำงานถือว่าเสถียรมากๆ จับตัวเครื่องดูแล้วแค่อุ่นๆ ไม่ร้อนมาก ซึ่งจากการใช้งานเน็ต Fibre ความเร็ว 200/200 Mbps วางตั้งไว้ที่ชั้น 1 หากเป็น WiFi Router ของผู้ให้บริการที่แถมมาให้เมื่อนำสมาร์ทโฟนไปใช้งานที่ชั้น 2 พบว่าความเร็วตก มาไม่เต็ม แต่เมื่อนำ Velop MX5300 มาติดตั้งแทนที่ตัวเดิมพบว่าชั้นสองความเร็วมาเต็มสปีด 200 Mbps โดยไม่ต้องติดตั้ง Mesh WiFi เพิ่มที่ชั้น 2 เลย ถือว่าสัญญาณมาแรงมากๆ และหากอัพสปีดอินเตอร์เน็ตเป็นความเร็ว 1000 Mbps ก็เชื่อว่าความเร็วก็จะได้เกือบเต็มเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่แพ็คเก็จความเร็วไม่ถึงขนาดนั้น แต่โดยรวมถือว่าทำได้น่าประทับใจ ทั้งในด้านการติดตั้ง การตั้งค่า และความเร็ว ความแรงของสัญญาณ หากที่บ้านมีปัญหาเรื่องการใช้งานที่ไม่ได้ความเร็วตามแพ็คเก็จ ขอแนะนำ Velop MX5300 ที่ถึงแม้ว่าจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่เชื่อได้เลยว่าแก้ปัญหาส่วนนี้ได้แน่นอน
ราคาและการจัดจำหน่าย VELOP MX5300WIFI 6
โปรโมชั่นพิเศษ เปิดตัวที่ 17 มี.ค.2563
- Linksys Velop MX5300 WiFi 6 Mesh System ราคา 14,990 บาท แถมฟรี! Velop Dual Band จำนวน 1 โหนด มูลค่า 4,990 บาท
- แพ็คคู่ Linksys Velop MX5300WiFi 6 Mesh System + Velop Tri-Band PK-3 ราคา 19,990 บาทจากราคาปกติ 29,980 บาท
- แพ็คคู่ Linksys Velop MX5300WiFi 6 Mesh System จำนวน 2 โหนด ราคา 24,990 บาท จากราคาปกติ 29,980 บาท
- แพ็ค 3 Linksys Velop MX5300WiFi 6 Mesh System จำนวน 3 โหนด ราคา 34,990 บาท จากราคาปกติ 44,970 บาท
VELOP MX5300 มีคุณสมบัติที่โดดเด่น ดังต่อไปนี้:
ข้อมูลทางเทคนิค | รายละเอียด |
ขนาดสินค้า
|
|
Tri-Band AX5300 | 13 เสาสัญญาณภายใน พร้อมเครื่องขยายกำลังส่งสูง AX5300 MU – MIMO Tri – Band Gigabit
คลื่นความถี่ไร้สาย 2.4 GHz – 1147 Mbps * คลื่นความถี่ไร้สาย 5 GHz 1 – 2402 Mbps * คลื่นความถี่ไร้สาย 5 GHz 2 – 1733 Mbps * IEEE 802.11 b/g/n -2.4 GHz – 1024 QAM IEEE 802.11 b/n/ac/ax – 5 GHz – 1024 QAM Support |
หน่วยประมวลผลและ หน่วยความจำ | 2.2 G Hz Quad Core CPU FLASH 512 MB และRAM 1GB |
การเชื่อมต่อ WAN และ LAN | 5 พอร์ตกิกะบิต อีเธอร์เน็ต (5 Gigabit Ethernet Ports)
|
การเชื่อมต่อบลูทูธ | 4.1 / LE สำหรับการรักษาความปลอดภัยและง่ายต่อการติดตั้งแอปพลิเคชั่น |
การบีบสัญญาณให้ไปในทิศทางเดียวกัน Beamforming | มี บีมโฟมมิ่ง ทั้งคลื่นความถี่ 2 4 GHz และ 5GHz |
ระบบความปลอดภัย | · WPA2 · โหมดผสม WPA2 / WPA3 |