Qualcomm เปิดตัวชิปประมวลผลยุคถัดไปแล้ว โดยปีนี้จะเปลี่ยนแนวทางการตั้งชื่อใหม่ให้รองรับอนาคตมากขึ้น โดยจะใช้ชื่อว่า Snapdragon 8 Gen 1 แตกต่างจากแนวทางการตั้งชื่อเดิมที่ใช้รหัส Snapdragon 8xx
หลังจากเลขสามหลักมาถึงทางตัน Qualcomm ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Snapdragon 8 Gen 1 และไม่ใช้แบรนด์ Qualcomm ร่วมด้วยแล้ว โดยการตั้งชื่อแบบนี้จะเป็นไปในทางเดียวกับการตั้งชื่อชิปของพีซี แน่นอนว่าชิปใหม่นี้ย่อมแรงกว่าเดิม ดีกว่าเดิม และกินไฟน้อยลงกว่าเดิมแน่นอน
CPU
ชิปประมวลผลของ Snapdragon 8 Gen 1 จะเปลี่ยนไปใช้กระบวนการผลิตขนาด 4nm ของ Samsung และมีซีพียูทั้งหมดสามคลัสเตอร์ด้วยกัน ได้แก่
- Cortex-X2 จำนวน 1 คอร์ (3 GHz)
- Cortex-A710 จำนวน 3 คอร์ (2.5 GHz)
- Cortex-A512 จำนวน 4 คอร์ (1.8 GHz)
GPU
ตัวประมวลผลกราฟฟิคของ Qualcomm นั้นเป็นชิปประมวลผลปริศนามาตลอด เนื่องจากไม่ได้มีแนวทางในการตั้งชื่อที่บ่งบอกว่าแรงกว่ารุ่นใดอยู่มากน้อยเท่าไหร่ รอบนี้ตัวประมวลผลกราฟฟิคคือ Adreno 730 ทาง Qualcomm โฆษณาว่าเร็วกว่าชิปกราฟฟิคของ Snapdragon 888 อยู่ 30% และกินไฟน้อยลง 20%
ISP
Spectra ISP ยังคงจัดเต็มกับความสามารถที่มี รอบนี้ทาง Qualcomm ระบุว่าเปลี่ยนมาทำงานที่สัญญาณระดับ 18-bit ทำงานได้ดีกว่า 14-bit ของ Snapdragon 888 อยู่ 4,000 เท่าด้วยกัน สามารถทำการประมวลผลภาพขนาด 3.2 Gigapixel ได้ ถ้าเป็นกล้อง 3 ตัวจะเหลือเซนเซอร์ละ 36 Megapixel แบบไม่มี Shutter-lag กดรัวภาพได้ต่อเนื่อง
ด้วยประสิทธฺภาพสูงขนาดนี้ทำให้การอัดวิดิโอ 8K HDR จะอยู่ที่ 30FPS และ 4K ที่ 120FPS ส่วนการถ่ายสโลว์โมชันจะเป็นวิดิโอ 720P ที่ 960FPS
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ Snapdragon 8 Gen 1 มี Always-On ISP แยกจาก Spectra ตัวหลัก เน้นการประหยัดพลังงานและพร้อมใช้งานตลอดเวลา เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องเปิดกล้องบ่อยๆ เช่นกล้องหน้ามือถือที่เปิดมาแสกนใบหน้าผู้ใช้งานทุกครั้งที่จะปลดล็อกเครื่อง ซึ่งเป็นงานที่ไม่เน้นคุณภาพของภาพสูงเท่ากับการถ่ายภาพ
Modem
โมเดมตัวล่าสุดประจำปีนี้คือ Snapdragon X65 5G ในทางทฤษฏีแล้วโมเดมนี้สามารถทำความเร็วดาวน์โหลดผ่าน 5G ได้สูงสุดที่ 10Gbps และรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6E ที่ความเร็วสูงสุด 3.6 Gbps
สำหรับการเชื่อมต่อ Bluetooth นั้นทาง Qualcom เพิ่มตัวเข้ารหัสใหม่ที่ใช้ชื่อว่า aptX Lossless สามารถส่งข้อมูลระดับ 16-bit 44.1 kHz ไปยังหูฟังได้ ซึ่งเป็นคุณภาพระดับที่เทียบเท่ากับแผ่นซีดีได้ ทำให้ใกล้เคียงกับหูฟังแบบมีสายมาก
AI
งานประมวลผลด้านปัญญาประดิษฐ์เริ่มกลายเป็นมาตรฐานยุคใหม่สำหรับมือถือ เนื่องจากมีการใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกล้อง แบตเตอรี หรือแม้กระทั่งการจัดการงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ ทาง Qualcomm บอกว่า AI Engine รุ่นที่เจ็ดมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิมมาก ทำงานได้เร็วกว่าเดิมราวๆ 4 เท่า เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้ Shared Memory ร่วมกับ CPU แล้วนั่นเอง
อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาก็คือ Trust Management Engine ฟีเจอร์นี้ทำให้ Snapdragon 8 Gen 1 รองรักบารใช้งาน Android Ready SE ของ Google ทำให้สามารถทำงานที่ต้องการยืนยันตัวตนที่มีความซับซ้อนได้ เช่นบัตรประจำตัว หรือกุญแจรถยนตร์ ในอนาคตเราน่าจะเห็นค่ายมือถือที่ประกาศทำงานร่วมมือกับรถยนตร์เพื่อใช้ฟีเจอร์ Digital Car Keys เปิดประตูรถยนตร์แน่นอน
ที่มา – Engadget