ยังคงพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วย HUAWEI Band 7 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นก่อน ถือเป็นสมาร์ทแทร็คเกอร์ในระดับเริ่มต้นที่อัดแน่นเกือบจะเทียบเท่ากับสมาร์ทวอชเลยทีเดียว และด้วยราคาเปิดจองเพียง 1,299 บาทก็ได้สมาร์ทแบนด์จอสวย แบตอึด ฟีเจอร์แน่นๆ มาแกะกล่องดูกันเลยว่ารุ่นนี้สามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง
แกะกล่องลองใช้ Huawei Band 7
HUAWEI Band 7 ที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Nebula Pink ซึ่งเป็นสีเดียวกับรูปที่ปรากฎอยู่บนหน้ากล่อง และที่มุมล่างขวายังมีสัญลักษณ์ของระบบปฏิบัติการ HarmonyOS รุ่นแรกในสมาร์ทแบนด์ของ HUAWEI ด้วย เมื่อพลิกมาที่ด้านหลังจะพบกับคุณสมบัติเด่นๆ ของรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่บางลงเหลือเพียง 9.99 มม. หน้าจอแสดงผลขนาด FullView 1.47 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ AMOLED, ระบบการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือดแบบต่อเนื่อง, รองรับการออกกำลังกายมากถึง 96 แบบ รองรับการชาร์จเร็ว และกันน้ำลึกถึงระดับ 5 ATM ส่วนอุปกรณ์ในกล่องก็มีดังนี้
- Huawei Band 7 สี Nebula Pink
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB
- คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน
Huawei Band 7 ยังคงมีขนาดหน้าจอเท่าเดิมจากรุ่น 6 โดยมีขนาด 1.47 นิ้ว เป็นจอภาพแบบ AMOLED ที่ให้สีสันสวยงาม และยังมีความละเอียดระดับ HD 194 x 368 พิกเซล หน้าจอมีความโค้งเล็กน้อยเพื่อให้รับกับข้อมือ สำหรับจอแสดงผลแบบ AMOLED ยังมีคุณสมบัติเด่นที่สามารถเปล่งแสงได้เฉพาะพิกเซล และยังรองรับการแสดงผลแบบ Always on Display หรือการแสดงผลแบบตลอดเวลา จึงทำให้เหมือนกับนาฬิกาที่สามารถดูเวลาได้ตลอด แต่ก็จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่พอสมควร หรือหากไม่ต้องการใช้งานก็สามารถปิดฟีเจอร์นี้ได้เพื่อประหยัดพลังงานให้ใช้ได้หลายวัน
ตัวเรือนด้านข้างที่บางลงเหลือเพียง 9.99 มม. ทำให้สวมใส่สบายกว่าเดิม และที่ด้านข้างขวามีเพียงปุ่มเปิดปิดเครื่องโดยการกดค้าง และยังทำหน้าที่เป็นปุ่ม Function เช่นเคย
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออฟติคอล ตรวจวัดโดยการเปล่งแสงสีเขียว และเซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือดโดยจะเปล่งแสงสีแดงออกมาให้ออฟติคอลเซ็นเซอร์คอยตรวจจับ และยังมี POCO Pin สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ พร้อมแม่เหล็กคอยดูดให้สายชาร์จติดกับหน้าสัมผัสโลหะ หากชาร์จผิดด้านจะมีแม่เหล็กคอยดันไม่ให้ชาร์จ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะชาร์จผิดด้าน
วัสดุของสายนาฬิกาเป็นโพลิเมอร์สามารถสวมใส่ได้สบาย ไม่ระคายเคืองผิว อีกทั้งยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา สวมใส่ได้แม้กระทั่งนอนหลับ สำหรับการถอดเปลี่ยนสายก็ทำได้ง่ายกว่าเดิม ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรงัดเหมือนรุ่นก่อน เพียงแค่ใช้ปลายเล็บถอดสลักออกมาก็สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
ใช้ร่วมกับแอพฯ Huawei Health ได้ทั้ง HarmonyOS, Android และ iOS
ก่อนใช้งานควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อน ซึ่งระหว่างนี้สามารถดาวน์โหลดแอพฯ HUAWEI Health ได้ทั้งจาก HUAWEI AppGallery ในระบบปฏิบัติการ HarmonyOS หรือระบบปฏิบัติการ Android ก็สามารถดาวน์โหลดได้จาก Play Store และระบบปฏิบัติการ iOS ดาวน์โหลดได้จาก AppStore และเพื่อความรวดเร็วก็สามารถสแกน QR Code ได้จากคู่มือการใช้งานเพื่อดาวน์โหลดก็ได้เช่นกัน
สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน HUAWEI ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS เพียงแค่เปิด HUAWEI Band 7 แล้วนำไปวางใกล้ๆ กัน ก็จะมี Pop up เด้งเตือนให้เชื่อมต่อ จากนั้นกด Connect ระบบก็จะเชื่อมต่อให้โดยอัตโนมัติ ถือว่าสะดวกสบายมากๆ เพียงคลิกเดียว หรือหากใช้ระบบปฏิบัติการอื่นก็จะต้องเปิดแอพฯ HUAWEI Health แล้วทำการเชื่อมต่อตามขั้นตอนที่ปรากฎบนหน้าจอ เมื่อเชื่อมต่อแล้วจะมีการอัพเดท Firmware ก็ทำตามขั้นตอนต่อไปก็พร้อมใช้งานทันที
Watch Faces หรือหน้าปัดนาฬิกาคราวนี้ก็มีให้เลือกทั้งแบบฟรี และแบบเสียตังค์กว่า 4,000 แบบ สามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักร้อยบาท หรือหากมีภาพสวยๆ ในสมาร์ทโฟนอยู่แล้วก็สามารถนำมาตั้งเป็น Watch Faces ก็ได้เช่นกัน
เพื่อนคู่กาย มอนิเตอร์ข้อมูลด้านสุขภาพตลอด 24 ชม.
HUAWEI Band 7 ถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวันแม้กระทั่งตอนเข้านอน ด้วยวัสดุที่ไม่ระคายผิว และไม่รู้สึกอึดอัด จึงสามารถตรวจสอบข้อมูลด้านสุขภาพต่างๆ ด้วยเทคโนโลยี HUAWEI TrueSeen ที่พัฒนาต่อยอดจากเวอร์ชั่นก่อนได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบได้ว่าระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ในระดับปกติ ซึ่งหากมีค่าต่ำลงจนผิดสังเกตก็สามารถไปพบแพทย์ได้ทันที
ในช่วงเวลาระหว่างวันก็มีเทคโนโลยี HUAWEI TrueRelax ช่วยแนะนำการฝึกหายใจเข้าออกอย่างเป็นจังหวะเมื่อระดับความเครียดสูงขึ้น เหมาะกับผู้ใช้ที่ทำงานออฟฟิศ หรือทำงานที่มีความเครียดสูง ทำให้รู้ผ่อนคลาย และช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น
และในขณะนอนหลับก็มาพร้อมเทคโนโลยี HUAWEI TrueSleep สามารถตรวจจับช่วยการนอน หรือ Sleep Stage ได้ทั้งในช่วงหลับลึก หลับตื้น พร้อมทั้งประเมินคุณภาพการนอนหลับออกมาเป็นคะแนน และยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มคุณภาพการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้น
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจอย่าง Health Living Shamrock ที่สามารถช่วยกำหนดเป้าหมายด้านสุขภาพองค์รวมของคุณได้ พร้อมคอยเตือนให้เราดื่มน้ำ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานยาตามที่หมอสั่ง นับก้าวเดิน และอื่นๆ อีกมากมาย และหากผู้ใช้เป็นหญิงก็ยังมีฟีเจอร์ติดตามรอบเดือน พร้อมคำนวนระยะตกไข่และรอบเดือนครั้งถัดไป เพื่อการวางแผนครอบครัวและการดูแลสุขภาพองค์รวมของคุณผู้หญิงอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบสั่นเตือนสายเรียกเข้า และรองรับการแจ้งเตือนเป็นข้อความภาษาไทยด้วย
รองรับการออกกำลังกายสูงสุด 96 โปรแกรม
ฟังก์ชั่นในด้านการออกกำลังกายก็ยังรองรับการออกกำลังกายในแบบต่างๆ มากถึง 96 แบบ ไม่ว่าจะเป็นเดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, โยคะ, เทควันโด, ต่อยมวย, เตะบอล, เต้นบัลเลต์ หรือแม้กระทั่งบันจี้จั๊มก็สามารถตรวจจับการออกกำลังกายได้ แต่การออกกำลังกายการแจ้งอาจจะต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วย เพราะต้องอาศัย GPS ระบุตำแหน่งจากสมาร์ทโฟน เพราะรุ่นนี้ไม่มีภาครับสัญญาณ GPS
สำหรับการออกกำลังกาย สมาร์ทแบนด์รุ่นนี้ก็ยังมี Heart rate sensor ที่ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมทั้งบอก Zone การเต้นของหัวใจบนหน้าจอ ช่วยให้เราไม่หักโหมจนหัวใจเต้นเร็วจนเกินไป ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ใช้งานได้ยาวๆ สูงสุด 14 วัน พร้อมระบบ Fast Charging
เห็นตัวเรือนเล็กๆ ขนาดนี้ตามสเป็คแล้วสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดถึง 14 วัน ผ่านสาย USB ที่สามารถเสียบชาร์จได้จากทั้งอแดปเตอร์สมาร์ทโฟน หรือพอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์ จากการทดสอบใช้งานจริงโดยเปิดการวัดต่างๆ ไว้ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถใช้งานได้นานถึง 10 วัน และหากเปิดหน้าจอให้แสดงผลตลอดเวลา หรือ Always on Display สามารถใช้งานได้นานถึง 3 วัน ถือว่าใช้งานได้นานพอสมควร เนื่องจากจอแสดงผลจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ค่อนข้างสูง และสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ก็มีระบบ Fast Charging ด้วยกำลังไฟสูงสุด 10 วัตต์ (5 โวลท์ / 2 แอมป์) ชาร์จเพียง 5 นาที สามารถใช้งานแบบประหยัดพลังงานได้ 2 วัน และหากชาร์จจนเต็มก็ใช้เวลาเพียง 65 นาทีเท่านั้น
บทสรุป Huawei Band 7 จากความเห็นของ What Phone
ถือเป็นสมาร์ทแบนด์ที่มีหน้าจอแสดงผลที่สวยที่สุดในราคาระดับเดียวกัน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์แน่นๆ เกือบจะเทียบเท่าสมาร์ทวอชบางรุ่น ตัวเรือน และวัสดุยังสวมใส่สบาย สามารถสวมใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่รู้สึกเกะกะ กันน้ำในระดับ 5 ATM หรือกันน้ำลึกได้ถึง 50 เมตร ใส่อาบน้ำ ว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องกังวล รองรับการอ่านข้อความ และการแจ้งเตือนภาษาไทย สำหรับราคาเปิดตัวในช่วงเปิดจองเพียงแค่ 1,299 บาทเท่านั้น ราคานี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ กับฟังก์ชั่นที่ได้ โดยเปิดจองในวันที่ 18 สิงหาคม 2565 ถึง 1 กันยายน 2565 เท่านั้น หลังจากนั้นจะเป็นราคาปกติ 1,899 บาท สามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์ที่ HUAWEI Online Stores และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนช่องทาง Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop
สรุปสเป็ค HUAWEI Band7
- ขนาด 44.35 x 26 x 9.99 มม. น้ำหนัก 16 กรัม (ไม่รวมสาย)
- หน้าจอ AMOLED แบบสัมผัสขนาด 1.47 นิ้วแบบสัมผัส ความละเอียด 194 x 368 พิกเซล
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 BLE
- เซ็นเซอร์ Accelerometer sensor, Gyroscope sensor, Optical heart rate sensor
- กันน้ำลึก 50 เมตร (5 ATM)
- มีระบบสั่นการแจ้งเตือนข้อความ และสายโทรเข้า
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 14 วัน
- รองรับการระบบปฏิบัติการ HarmonyOS, Android เวอร์ชั่น 6.0 และ iOS เวอร์ชั่น 9.0
- ราคา 1,899 บาท (พิเศษช่วงสั่งจอง 18 สิงหาคม 2565 ถึง 1 กันยายน 2565 เพียง 1,299 บาท)
- มีให้เลือก 4 สี Graphite Black, Nebula Pink, Wilderness Green และ Flame Red
ช่องทางในการจัดจำหน่าย : เฉพาะช่องทางออนไลน์ที่ HUAWEI Online Stores และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนช่องทาง Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop