i-mobile IQ X Ken
ช่วงนี้คงจะได้เห็นมือถือเรือธงจากค่ายใหญ่ๆ มาพร้อมกับความสามารถพิเศษในการกันน้ำ กันฝุ่น จนแทบจะกลายเป็นความสามารถพื้นฐานไปแล้ว เห็นดังนั้นค่ายมือถือสัญชาติไทยอย่าง i-mobile จึงถือโอกาสส่ง i-mobile IQ X Ken สมาร์ทโฟนสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ออกสู่ตลาดกับเค้าบ้าง โดย i-mobile IQ X Ken เครื่องนี้ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ผ่านการออกแบบ, ประกอบ และตรวจเช็ค QC จากโรงงาน Kyocera ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหอบหิ้วเทคโนโลยี Smart Sonic Receiver มาให้เราได้ใช้งานกัน โดยจะเห็นว่า i-mobile IQ X Ken นั้นไม่มีช่องลำโพงสนทนา (Earpiece) ติดมาให้ แต่จะอาศัยการสั่นเพื่อนำคลื่นเสียงส่งไปยังแก้วหูของเราโดยตรง เพื่อให้ได้ยินเสียงสนทนาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีเอฟเฟ็คท์เสียงสนทนาให้เราเลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเสียงสนทนาให้ช้าลง, เพิ่มความคมชัดของเสียง เป็นต้น
ทางด้านประสิทธิภาพของ i-mobile IQ X Ken ก็ถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยหน่วยประมวลผล Snapdragon 800 Quad-core 2.2 GHz, RAM 2 GB มีหน่วยความจำภายใน 32 GB และเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 64 GB ซึ่งเป็นสเปคเดียวกับรุ่นท็อปจากค่ายใหญ่อื่นๆ (หากไม่นับรวมรุ่นเรือธงที่กำลังทยอยเปิดตัวในปีนี้) ในส่วนของระบบปฏิบัติการจะเป็น Android 4.2.2 (Jelly Bean) ครอบทับด้วยส่วนติดต่อผู้ใช้งานซึ่งติดมากับรอมของทาง Kyocera ที่เพิ่มความสามารถในการตั้งค่าการแสดงผลบนแถบ Notification ยืดหยุ่นกว่าที่เคย และหน้า App Drawer ก็ได้มีการแยกแอพฯ ต่างๆ เป็นหมวดหมู่ตามประเภทของแอพฯ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าแบ่งหมวดหมูด้วยตัวเองก็ได้ และสำหรับความสามารถในการกันน้ำกันฝุ่นจะเป็นไปตามมาตรฐาน IP58 โดยสามารถกันน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1.5 เมตร เป็นระยะเวลา 30 นาที นอกจากนี้ i-mobile IQ X Ken ก็ขอเอาใจคนรักสุขภาพ ด้วย Pedometer หรือเซ็นเซอร์นับก้าวเดิน ที่คอยนับจำนวนก้าว และรายงานจำนวนแคลอรี่ที่ได้เผาผลาญไป ผ่านแอพฯ Pedometer ในตัวเครื่อง โดยแอพฯ สามารถจับจังหวะการวิ่ง และการปั่นจักรยานได้อีกด้วย
Physical Overview
i-mobile IQ X Ken มาพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ Capacitive ขนาดใหญ่ 5 นิ้ว มีความละเอียดระดับ Full HD 1080p แสดงผลได้ 16 ล้านสี พกกล้องหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซลมาให้ใช้งานกัน ขาดไม่ได้กับแผงเซ็นเซอร์วัดแสง, วัดระยะห่าง และไฟ LED Notification
ถ้าสังเกตกันดีๆ จะเห็นว่าขอบบนของ i-mobile IQ X Ken นั้นไม่มีช่องลำโพงสนทนา (Earpiece) ติดมาให้ ทั้งนี้ก็เพราะมีการใช้เทคโนโลยี Smart Sonic Receiver ซึ่งจะส่งสัญญาณเสียงด้วยการสั่นโดยตรงจากตัวเครื่อง เพื่อให้ได้คุณภาพของเสียงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
พื้นที่ด้านล่างหน้าจอถูกเหลือเอาไว้มากพอสมควร แต่ก็ไม่ได้มีไว้สำหรับใช้งานอะไร เพราะแผงปุ่มเมนูแอนดรอยด์นั้นได้ทำเป็น Virtual Button รวมอยู่ในพื้นที่ของหน้าจอแล้วนั่นเอง
ขอบข้างทั้ง 2 ด้าน ของ i-mobile IQ X Ken ถูกปล่อยทิ้งไว้โล่งๆ ไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตเชื่อมต่อใดๆ จัดวางอยู่เลย
ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นตำแหน่งของช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องไมโครโฟน, พอร์ต Micro USB นอกจากนี้ยังมีช่องใส่ Nano SIM และ microSD ซึ่งมีฝาปิดเพื่อกันน้ำ
พลิกมาที่ด้านหลังจะพบกับกล้องถ่ายภาพความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแฟลช LED 1 ดวง นอกจากนี้ปุ่มกดต่างๆ ก็ยังถูกย้ายมาอยู่กันที่ด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม Power (ปุ่มกลมๆ สีเงิน) หรือปุ่ม Volume ที่สามารถใช้เป็นชัตเตอร์สำหรับการถ่ายภาพใต้น้ำได้อีกด้วย
ยังคงอยู่กันที่ด้านหลังของเจ้า i-mobile IQ X Ken โดยเขยิบมาดูกันที่ด้านล่างจะพบกับขั้วทองเหลือง 3 จุด ที่รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่างแท่นชาร์จไร้สาย (ต้องหาซื้อเพิ่มเอาเอง) ถัดลงไปใกล้ๆ กันจะเป็นตำแหน่งของช่องลำโพงสปีกเกอร์โฟน
13 Mega Pixels Digital Camera
i-mobile IQ X Ken มาพร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีระบบออโต้โฟกัส และไฟแฟลช LED ครบครัน ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Exmor RS จาก Sony พร้อมอานิสงส์จากรอมของ Kyocera ที่ส่งผลให้ซอฟแวร์กล้องของ i-mobile IQ X Ken นั้นมาพร้อมความสามารถและลูกเล่นในการถ่ายภาพที่มีให้เลือกใช้งานมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นซีนถ่ายภาพที่มีให้เลือกใช้งานกันหลากหลาย หรือจะใช้โหมด Auto Scene ที่จะคำนวณสภาพแสง, ระยะของตัวแบบในภาพ, การเคลื่อนไหวในเฟรมภาพ ฯลฯ เพื่อเลือกโหมดการถ่ายภาพที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งจากการทดลองใช้งานก็พบว่าโหมด Auto Scene นี่ค่อนข้างฉลาดพอสมควร นอกจากนี้ยังมีโหมด Multi-effect ซึ่งมีฟิลเตอร์สีต่างๆ ให้เลือกใช้ โดยจะแสดงผลให้เห็นแบบเรียลไทม์บนหน้าจอขณะถ่ายภาพ สำหรับการใช้งานพื้นฐานก็มาครบ ทั้งการถ่ายภาพแบบ HDR, จับภาพรอยยิ้ม, ระบบป้องกันสั่น, ถ่ายภาพต่อเนื่อง, ปรับไวท์บาลานซ์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังเอาไปถ่ายภาพใต้น้ำได้สะดวกด้วยปุ่มชัตเตอร์ (ใช้ปุ่มปรับระดับเสียง) ที่ด้านหลังตัวเครื่องได้ทันที สำหรับการถ่ายวิดีโอจะทำได้ที่ความละเอียด Full HD 1080p และรองรับการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชั่น 120 เฟรมต่อวินาทีได้อีกด้วย
Entertainment
i-mobile IQ X Ken มาพร้อมระบบเสียง Dolby Digital Plus เพิ่มความกระหึ่มสมจริงให้กับการฟังเพลง และการชมภาพยนตร์ ซึ่งขอแนะนำว่าให้ใช้งานร่วมกับหูฟังจะเห็นความแตกต่างขณะเปิด – และปิดระบบเสียง Dolby Digital Plus ได้อย่างชัดเจน ในส่วนของเครื่องเล่นเพลง และเครื่องเล่นวิดีโอของ i-mobile IQ X Ken จะใช้แอพฯ หลักของทาง Android ซึ่งใครที่ลองแอพฯ ใหม่ๆ ซึ่งอาจจะมีลูกเล่นการใช้งานที่ถูกใจกว่า ก็สามารถไปหาดาวน์โหลดจาก Play Store มาใช้งานกันได้
Connectivity
i-mobile IQ X Ken ใช้ซิมการ์ดแบบ Nano SIM รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงบนเครือข่าย 4G และรองรับ 3G ได้ทุกเครือข่าย พร้อมชิป NFC ซึ่งรองเทคโนโลยีการรับ-ส่งข้อมูลระยะสั้น ช่วยในการรับ – ส่งข้อมูลต่างๆ เพียงแค่เอาหลังเครื่องมาแตะกัน หรือเอาโทรศัพท์ไปแตะยังตัวรับสัญญาณ NFC เพื่อจ่ายค่าสินค้า และบริการต่างๆ ขาดไม่ได้กับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi รองรับการโอนไฟล์ผ่าน Wi-Fi Direct และสามารถแสดงผลภาพและเสียงจากมือถือไปยังหน้าจอทีวีที่รองรับแบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี Miracast หรือจะใช้สาย MHL มาต่อเพื่อแสดงผลไปยังหน้าจอทีวีที่รองรับก็ทำได้เช่นเดียวกัน
(หน้าที่ 4)
Final Opinion & Conclusion
i-mobile IQ X Ken เป็นอีกก้าวของ i-mobile ด้วยการร่วมมือกับ Kyocera ประเทศญี่ปุ่น ในการส่งสมาร์ทโฟนที่มีความเป็นอินเตอร์มากยิ่งขึ้นลงสู่ตลาด ซึ่งประสิทธิภาพ และฟีเจอร์ต่างๆ ของ i-mobile IQ X Ken เครื่องนี้ต้องถือว่าสอบผ่านมาตรฐานของสมาร์ทโฟนระดับสูงกว่าที่ i-mobile เคยทำมา แต่ถ้านำเรื่องราคาเปิดตัวที่สูงกว่า มือถือรุ่นก่อนๆ ของ i-mobile แถมยังมีคู่แข่งจากค่ายใหญ่ซึ่งราคาก็ไม่ได้สูงกว่ากันมากเท่าไหร่ เข้ามาพิจารณาร่วมด้วย ก็ต้องถือเป็นการบ้านกองโตที่ i-mobile จะต้องทำอย่างไรก็ได้ ให้ผู้ใช้งานได้มีความเชื่อมั่นในแบรนด์ i-mobile มากพอที่จะตัดสินใจเป็นเจ้าของ i-mobile IQ X Ken เครื่องนี้ ซึ่งถ้าเคลียร์การบ้านกองนี้สำเร็จ เชื่อว่าเราคงจะได้เห็นก้าวที่เป็นก้าวกระโดดของ i-mobile ในอนาคตอันใกล้
Strength
– ระบบปฏิบัติการ Android 4.2.2 (Jelly Bean)
– หน้าจอสัมผัสขนาด 5 นิ้ว, ความละเอียด Full HD 1080p
– ตัวเครื่องออกแบบ และประกอบจากโรงงาน Kyocera ประเทศญี่ปุ่น
– CPU Snapdragon 800 Quad-core ความเร็ว 2.2 GHz/ RAM 2 GB
– หน่วยความจำภายใน 32 GB, เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 64 GB
– ฟีเจอร์เด่นๆ อย่าง Smart Sonic Receiver, กันฝุ่น กันน้ำ มาตรฐาน IP58, Pedometer นับก้าวเดิน
– กล้องดิจิตอล 13 ล้านพิกเซล, ออโต้โฟกัส, เซ็นเซอร์รับภาพ Exmor RS for Mobile, LED แฟลช
– ระบบเสียง Dolby Digital Plus
– รองรับ 4G, 3G, Wi-Fi, NFC, ใช้งาน Wi-Fi Direct และ Miracast
Weakness
– กล้องยังจับโฟกัสช้าไปในบางจังหวะ
– เสียงจากลำโพงสปีกเกอร์โฟนค่อนข้างเบา