อินฟินิกซ์ (Infinix) แบรนด์สมาร์ตโฟนระดับโลกที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าและมาแรง ครบครันทุกการใช้งาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เผยภาพและข้อมูลของสมาร์ตโฟนซีรีส์ล่าสุด NOTE 40 ซึ่งประกอบไปด้วยรุ่น NOTE 40, NOTE 40 Pro, NOTE 40 Pro 5G, และโมเดลตัวท็อปที่น่าจับตามองอย่าง NOTE 40 Pro+ 5G ที่ผสานความเร็วแรงเข้ากับเทคโนโลยีสุดล้ำ ยกระดับมาตรฐานการชาร์จเร็วให้เหนือระดับมากยิ่งขึ้น
คุณ เว่ยจี เน่ย ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ บริษัท อินฟินิกซ์ กล่าวว่า “ซีรีส์ NOTE 40 เป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีการชาร์จ พร้อมกับการพลิกโฉมด้านพลังงานด้วยชิปเซ็ต Cheetah X1 นวัตกรรมเอกสิทธ์เฉพาะของอินฟินิกซ์ หรือเทคโนโลยี All-Round FastCharge ที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดไปอีกขั้นด้วยการนำเสนอคุณสมบัติต่างๆ เช่น การชาร์จแบบมัลติฟังก์ชัน และการชาร์จที่ทนต่ออุณหภูมิสูง นอกจากนี้ยังมีชุดอุปกรณ์ MagCharge นวัตกรรมใหม่ที่จะมามอบระบบนิเวศในการชาร์จที่ไร้รอยต่อให้กับผู้ใช้งานของแบรนด์ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ครบวงจรและสมบูรณ์แบบที่สุด ซีรีส์ NOTE 40 ถือเป็นการปลดล็อคความล้ำหน้าและศักยภาพด้านเทคโนโลยีของอินฟินิกซ์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์หรือสภาพอากาศแบบใด”
ผู้นำด้านเทคโนโลยีการชาร์จ ที่มอบประสิทธิภาพสูง
สำหรับสมาร์ตโฟนซีรีส์ NOTE 40 มาพร้อมกับเทคโนโลยี All-Round FastCharge 2.0 ที่ขับเคลื่อนโดยชิปเซ็ตตัวแรกที่พัฒนาขึ้นโดยอินฟินิกซ์อย่าง Cheetah X1 และผสานการตรวจจับพลังงานที่มีความแม่นยำสูง การตรวจจับความปลอดภัยของแรงดันไฟฟ้า และความพร้อมรองรับในทุกสถานการณ์ จึงช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพการชาร์จที่ยอดเยี่ยมและหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น NOTE 40 Pro+ 5G ที่สามารถรองรับ 100W Multi-Speed FastCharge ที่ช่วยให้ชาร์จได้รวดเร็วถึง 50% ในเวลาเพียง 8 นาที ด้วยโหมดไฮเปอร์ นอกจากนี้ยังมีโหมดอุณหภูมิต่ำและโหมดอัจฉริยะสำหรับการชาร์จที่ปรับแต่งได้ สมาร์ตโฟนในซีรีส์นี้มีแบตเตอรี่ที่มีความทนทานสูง อายุการใช้งานยาวนาน 1,600 รอบ โดยคงไว้ซึ่งพลังงาน 80% การชาร์จแบบไร้สายได้รับการอัปเกรดเป็น 20W Wireless MagCharge ที่เหนือกว่าสมาร์ตโฟนในระดับเดียวกัน
ซีรีส์นี้ยังมาพร้อมกับ Infinix MagKit เพื่อประสบการณ์การชาร์จด้วยรูปแบบแม่เหล็กที่สะดวกสบาย ประกอบด้วยเคสโทรศัพท์ MagCase แผ่นชาร์จแบบแม่เหล็ก MagPad และแบตสำรองแบบแม่เหล็ก MagPower เทคโนโลยี Extreme-Temp Tech ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถชาร์จได้แม้ที่อุณหภูมิต่ำถึง -20 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่มีหิมะ และ Bypass Charging 2.0 ที่ช่วยกรองกระแสไฟและจ่ายไฟโดยตรงไปยังเมนบอร์ดระหว่างการเล่นเกมหรือดูวิดีโอ เพื่อช่วยป้องกันความร้อนไม่ให้สูงเกินไป ไปจนถึงฟังก์ชัน Reverse Charging ที่ช่วยให้สามารถแชร์พลังงานกับอุปกรณ์อื่น ๆ แบบมีสายหรือไร้สายด้วยความเร็วสูงสุด 10W การรองรับโปรโตคอล PD3.0 ช่วยให้สามารถชาร์จแล็ปท็อปได้ด้วยที่ชาร์จสมาร์ตโฟน จึงช่วยลดความจำเป็นในการพกพาที่ชาร์จหลายอัน
ดีไซน์ที่ทันสมัยและโดดเด่น
ในขณะที่รุ่น NOTE 40 Pro Series ได้รับแรงบันดาลใจจากความงามของทิวทัศน์ในเมือง ออกแบบมาให้มีหน้าจอที่สวยงาม ความโค้ง 55 องศา พร้อมกับกระจก Corning® Gorilla® Glass มอบสัมผัสที่หรูหราแต่ทนทานและแข็งแรง ด้วยดีไซน์หน้าจอและกรอบที่บางเฉียบ โดยใช้การออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ MDA (metal device antenna) ที่ตัวเครื่องผสานเป็นหนึ่งเดียว และซ่อนเสาอากาศไว้ภายในตัว กับหน้าจอ AMOLED 120Hz ที่ให้ความละเอียด 1080P และความสว่างสูงสุด 1,300 นิต ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง พร้อมการรับรองจาก TÜV Rheinland สำหรับการป้องกันแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อสายตา และอัตราการหรี่แสง PWM 2160Hz ที่สูง มอบความสบายแก่สายตา อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือ Active Halo ที่ผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับดีไซน์อย่างลงตัว ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับซีรีส์ NOTE 40 ด้วยแสงไฟที่แสดงอยู่บริเวณโมดูลของกล้อง โดยแสงไฟนี้จะเปลี่ยนไปตามกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การรับสาย การแจ้งเตือน การเล่นเกมหรือฟังเพลง การชาร์จแบตเตอรี่ หรือการใช้ผู้ช่วยเสียงอย่าง Folax
ยกระดับการถ่ายภาพและวิดีโอ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพไปจนถึงเหล่าคอนเทนท์ครีเอเตอร์ ซีรีส์ NOTE 40 มอบประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูปที่ยอดเยี่ยมและตอบโจทย์งานใช้งานกับเทคโนโลยีการซูมภายในเซนเซอร์ขั้นสูง ช่วยให้กล้องหลัก 108MP สามารถเก็บภาพระยะไกลได้คมชัดด้วยระบบ 3x Lossless Superzoom โดยยังคงรายละเอียดของภาพไว้ได้อย่างครบถ้วน สำหรับรุ่น Pro จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีกันสั่นไหว Optical Image Stabilization (OIS) ที่ช่วยลดการสั่นของกล้องและให้ภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น และสามารถบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้าที่ความชัด 32MP และกล้องหลังได้พร้อมกัน เพื่อเก็บภาพเหตุการณ์จากมุมมองที่แตกต่างกัน ผ่านโหมด Dual Video นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ตัดต่อวิดีโออย่าง Vlog Clipper ช่วยสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้นอย่าง vlog หรือ reels ได้อย่างสะดวกสบาย NOTE 40 จึงเป็นซีรีส์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานที่ต้องการใช้สมาร์ตโฟนสำหรับถ่ายภาพได้อย่างเต็มรูปแบบ
อีกขั้นของเกมมิ่งสมาร์ตโฟน
ซีรีส์ NOTE 40 มาพร้อมชิปเซ็ต D7020 และ G99 ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 6nm ล้ำสมัย ช่วยประหยัดพลังงานและมอบประสิทธิภาพสูง ชิปเซ็ตเหล่านี้ทำงานร่วมกับระบบ AI อัจฉริยะบน XOS 14 อย่าง Folax, Ask AI และเครื่องมือสร้างวอลเปเปอร์ AI เพื่อเพิ่มการผลิตงานด้านความคิดสร้างสรรค์ได้มากยิ่งขึ้น และมอบ RAM สูงสุดถึง 24GB ช่วยให้การเปิดใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทำได้พร้อมกันอย่างไม่มีสะดุด พร้อมกับระบบระบายความร้อนที่ช่วยลดอุณหภูมิลงได้สูงสุด 7 องศาเซลเซียส และ XBOOST Frame Rate Control ที่ช่วยปรับประสิทธิภาพสำหรับโมบายล์เกมยอดนิยมมอบประสบการณ์การเล่นเกมระดับพรีเมียมที่เฟรมเรทสูงสุด
ทั้งนี้ Infinix NOTE 40 เตรียมเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนนี้ ติดตามรายละเอียดราคาพร้อมกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ ที่ https://www.facebook.com/InfinixMobileThailand/