Samsung Galaxy Gio ครบ คุ้มค่า ในราคาที่รับได้
ลักษณะโดยรวม
Samsung Galaxy Gio มาพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ Capacitive ขนาดใหญ่ 3.2 นิ้ว มีความละเอียดอยู่ที่ 320 x 480 พิกเซล แสดงผลได้ 16.7 ล้านสี รองรับการสัมผัสสั่งงานแบบ Multi-Touch พร้อมด้วย Proximity Sensor ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง ที่จะทำการดับไฟหน้าจอขณะที่หน้าเราแนบกับตัวเครื่องเพื่อสนทนา
ถัดลงมาจะเจอปุ่มที่ล้อมด้วยกรอบสี่เหลี่ยมสีเงิน ซึ่งใช้สำหรับย้อนกลับมาสู่หน้า Home ไม่ว่าเราจะใช้งานเมนูใดๆ อยู่ก็ตาม และที่ขนาบข้างเจ้าปุ่ม Home นี่ก็คือ แผงปุ่มกดแบบสัมผัส โดยด้านซ้ายจะนั้นจะเป็นปุ่ม Setting และด้านขวาจะเป็นปุ่ม Back สำหรับใช้ย้อนกลับมาสู่เมนูก่อนหน้า
ด้านซ้ายของตัวเครื่องค่อนข้างโล่ง มีเพียงช่องสำหรับร้อยสายคล้องต่างๆ ถัดลงมาจะเป็นปุ่ม Volume สำหรับปรับเพิ่ม/ลดเสียง
มาดูกันที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะพบกับปุ่ม Power ใช้ในการเปิด/ปิดเครื่อง และยังใช้ในการล็อคหน้าจออีกด้วย ถัดลงไปจะเป็นช่องใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ซึ่งมีฝาพลาสติกปิดอยู่
ส่วนบนของตัวเครื่องมีช่องเสียบชุดหูฟังสเตอริโอมาตรฐาน ขนาด 3.5 มม. ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่เราสามารถเลือกเปลี่ยนหูฟังที่ชื่นชอบมาใช้งานร่วมกันได้ตามอำเภอใจ
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ท micro USB สำหรับเสียบสายชาร์จ และสายดาต้าลิ้งค์เพื่อโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ถัดไปไม่ไกลนักจะเป็นช่องไมโครโฟนสำหรับการสนทนา
ด้านหลังเป็นกล้องดิจิตอลความละเอียด 3 ล้านพิกเซล พร้อมระบบออโต้โฟกัส น่าเสียดายที่ไม่มีไฟแฟลชแบบ LED สำหรับการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยติดมาให้ และขีดยาวๆ 2 ขีดจะเป็นช่องลำโพงของตัวเครื่อง
Samsung Galaxy Gio
หลายคนอาจจะไม่คุ้นกับชื่อของ Galaxy Gio เนื่องด้วยเจ้ารุ่นนี้ถูกเปิดตัวอย่างเงียบๆ รู้ตัวกันอีกทีก็มีวางจำหน่ายกันตามร้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการร่วมกับมือถือรุ่นอื่นใน Galaxy Family อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้า Galaxy Gio นั้นมีสเปคที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับรุ่นพี่อย่าง Samsung Galaxy Cooper มือถือแอนดรอยด์สุดคุ้มที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในตลาดตอนนี้ แต่เจ้า Gio นั้นจะมาพร้อมขนาดที่เล็กกว่า ด้วยหน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว แต่ยังคงความละเอียดอยู่ที่ 320 x 480 พิกเซล แสดงผลได้ 16.7 ล้านสี พร้อม Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน จะขาดไปก็คือ Ambient light Sensor หรือเซ็นเซอร์ปรับระดับแสงอัตโนมัติ
สำหรับหน่วยประมวลผลของ Samsung Galaxy Gio นั้นมีความเร็วอยู่ที่ 800 MHz เหมือนกับ Cooper พร้อมชิปกราฟิค Qualcomm Adreno 200 ซึ่งผลการทดสอบความแรงในการประมวลผลภาพกราฟิค 3 มิติ ด้วยโปรแกรม Neo Core เจ้า Samsung Galaxy Gio สามารถประมวลผลได้ที่ 51.5 FPS ซึ่งถือว่าทำได้ดีพอควรสำหรับมือถือแอนดรอยด์ระดับนี้ นอกจากนี้อีก 1 จุดเด่นก็คือระบบปฏิบัติการ Andriod เวอร์ชั่น 2.2.1 (Froyo) ที่ติดตั้งมาจากโรงงานไม่ต้องรออัพเดทกันในภายหลัง ซึ่งข้อดีของเจ้า Froyo นอกจากให้การใช้งานที่รวดเร็วกว่าเดิมประมาณ 2 – 5 เท่า นั่นก็คือสามารถติดตั้งโปรแกรมผ่าน microSD อีกทั้งยังใช้เป็น Wi-Fi Hotspot หรือตัวกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ได้อีกด้วย ส่วนความหวังที่จะอัพเกรดมาชิมเจ้าขนมปังขิง หรือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 2.3 ได้หรือเปล่า ผู้ใช้งานอย่างเราก็คงต้องรอดูกันต่อไปครับ
3 Mega Pixels Digital Camera
Samsung Galaxy Gio มีความละเอียดของกล้องดิจิตอลอยู่ที่ 3 ล้านพิกเซล ซึ่งต่างจากรุ่นพี่อย่าง Cooper ที่มีดิจิตอลกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และได้ตัดไฟแฟลชออกไป แต่ยังคงมีระบบออโต้โฟกัสมาให้ สำหรับลูกเล่นของซอฟแวร์ถ่ายภาพต่างๆ ก็ยังคงเหมือนกับ Galaxy Cooper ทั้งการถ่ยภาพแบบ Smile Shot, การถ่ายภาพต่อเนื่อง และการถ่ายภาพ Panorama พร้อมซีนในการถ่ายภาพให้เลือกอีกกว่า 11 แบบ นอกจากนี้ในส่วนของฟังก์ชั่นพื้นฐานจำพวกการปรับไวท์บาลานซ์, การปรับเอฟเฟ็คท์สี, และฟังก์ชั่น Geo-tagging ที่สามารถบันทึกพิกัดดาวเทียม GPS ลงไปในภาพถ่าย ก็ยังคงไม่ขาดหายไปไหน สำหรับการถ่ายวิดีโอนั้นสามารถบันทึกได้ที่ความละเอียดเพียงแค่ 320 x 240 พิกเซล ซึ่งถือว่ามีความละเอียดที่ค่อนข้างน้อยไปหน่อย
Media Player
สำหรับเครื่องเล่นเพลงของ Samsung Galaxy Gio ยังคงมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเครื่องเล่นเพลงของแอนดรอยด์โฟนทั่วๆ ไป ที่สามารถแสดงภาพปกอัลบั้มขณะเล่นเพลง พร้อมฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่างการตั้งค่าให้เล่นเพลงซ้ำ หรือเล่นแบบสุ่ม นอกจากนี้ซัมซุงยังใส่ระบบเสียงแบบ 5.1 Chanel มาให้ ซึ่งจะแสดงผลต่อเมื่อใช้งานร่วมกับหูฟังผ่านช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. เท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกปรับโทนเสียงที่ชื่นชอบผ่านอีควอไลเซอร์ และในส่วนการรับฟังวิทยุ FM สเตอริโอแบบทศนิยม 1 ตำแหน่ง ก็ยังคงมีมาให้ใช้งานรับฟังข่าวสาร และอัพเดทเพลงฮิตติดชาร์ตกันเหมือนเดิม
Connectivity
ในด้านการเชื่อมต่อ Samsung Galaxy Gio นั้นก็มีให้ครบครันตามาตรฐานของสมาร์ทโฟนในยุคนี้ ทั้งการใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G และ EDGE, GPRS นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ผ่านจุด Hot Spot ต่างๆที่เปิดให้บริการ หรือจะทำหน้าที่เป็น Wi-Fi Hotspot เพื่อกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ตเองก็ได้ และยังมีตัวรับสัญญาณ GPS เพื่อใช้ระบุตำแหน่ง และค้นหาสถานที่ต่างๆ บน Google Maps หรือใช้งานร่วมกับโปรแกรมนำทางอื่นๆ ก็ได้
ส่งท้าย Samsung Galaxy Gio
Samsung Galaxy Gio ถือเป็นแอนดรอยด์โฟนประเภทคุ้มค่า ราคาโดน อีก 1 รุ่นในตลาด ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกนอกจาก Galaxy Cooper สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการหน้าจอขนาดใหญ่ และไม่ซีเรียสกับการใช้งานกล้องเท่าใดนัก ซึ่งแอนดรอยด์ 2.2.1 พร้อม CPU ความเร็ว 800 MHz และกล้องดิจิตอลความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ที่มีระบบออโต้โฟกัส ของ Samsung Galaxy Gio น่าจะดึงดูดให้ผู้ที่ต้องการจะเริ่มนับหนึ่งกับมือถือแอนดรอยด์หันมาสนใจได้มากพอดู
– หน้าจอหลัก
– เมนูแสดงโปรแกรมต่างๆ
– Android Market
– ชมคลิปวิดีโอจาก YouTube
– ทดสอบกราฟฟิค 3D
– Google Maps
– เครื่องเล่นเพลง
– ปรับระบบเสียง 5.1 Ch
– เครื่องบันทึกเสียง
– วิทยุ FM
– โหมดการใช้งานกล้อง
– พยากรณ์อากาศ
จุดเด่น
– ระบบปฏิบัติการ Android v.2.2.1
– หน้าจอสัมผัสแบบ Capacitive ขนาด 3.2 นิ้ว
– เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงระดับ 3G
– กล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัส
– เครื่องเล่นเพลง พร้อมช่องเสียบชุดหูฟังขนาด 3.5 มม.
– วิทยุ FM สเตอริโอ
– รองรับการใช้งาน Wi-Fi
ข้อสังเกตุ
– ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดแค่ 320 x 240 พิกเซล
– ตัดไฟแฟลชออกไป
