แม้ว่าจะมีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่ทาง Asus ได้เปิดตัว Zenfone 2 รุ่นล่าสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเราก็อยู่ในพื้นที่นี้นั่นเอง นั่นก็หมายความว่าใกล้วางจำหน่ายในบ้านเราเต็มแก่ ซึ่งก็มีข่าวแย้มมาว่าอาจจะมีวางจำหน่ายในงาน Thailand Mobile Expo ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7-10 พ.ค. นี้ด้วย ต้องรอลุ้นกันอีกที แต่ที่แน่ๆ มีเครื่องมาโชว์แน่นอน
งานเปิดตัวครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ Pullman Jakarta Central Park โดยได้เชิญสื่อจากประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย, ไทย, มาเลเซีย, เวียดนาม, พม่า และทาง Asus ก็ได้เชิญทีมงาน What Phone ไปร่วมงานเปิดตัวครั้งนี้ ที่กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซียด้วย ทีมงานของเราได้เก็บภาพบรรยากาศงานมาฝากแฟนๆ ชาว What Phone ด้วย
คุณเจอรี่ เฉิน ประธานบริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ ได้ออกมาแถลงถึงสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด “ZenFone 2” ในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชน “Southeast Asia at the Experience 2Morrow” โดยกล่าวถึงความสำเร็จของ Zenfone รุ่นแรกที่สามารถขายได้ถึง 10,000,000 ล้านเครื่องทั่วโลกและในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว Asus ก็ก้าวขึ้นสู่อันดับ 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยประเทศที่ประสบความสำเร็จมากก็คือ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และเวียดนาม เป็นที่น่าสังเกตว่าบ้านเราถึงแม้ว่าจะขายดี แต่ก็ยังขายไม่ดีเท่า 3 ประเทศที่กล่าวมา
ต่อมาคุณเจอรี่ เฉินก็ได้กล่าวไปถึงประสิทธิภาพของ Zenfone 2 โดยเลือกใช้ซีพียูจาก Intel ที่เป็นคู่ค้ากันมานานถึง 26 ปีแล้ว มาถึงรุ่นนี้ก็ใช้ Intel Atom Z3580 64-bit 2.3 GHz Quad-core Silvermont CPU ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า เหนือกว่าคู่แข่งในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงชิพกราฟฟิค PowerVR 6430 ที่ทางทรงประสิทธิภาพด้วย
จุดเด่นอีกอย่างของ Zenfone 2 นั่นก็คือมี RAM มาให้มากถึง 4 GB และเป็นรุ่นแรกของโลกด้วย
หน้าจอของ Zenfone 2 มีขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว แต่กลับมีขนาดพอๆ กับเครื่องที่มีหน้าจอ 5 นิ้ว โดยการลดขอบตัวเครื่องให้บางลง มีความเร็วในการตอบสนองการสัมผัสเพียง 60 มิลลิวินาที รองรับ 4G Cat4+ LTE ความเร็วสูงสุดถึง 250 Mbps รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ Dual SIM, Dual Active และสรุปสเป็คเด่นคร่าวๆ ที่ถือว่าเป็น Performance Monster เลยก็ว่าได้
ในเรื่องของกล้องก็ถือว่าพัฒนาจากรุ่นก่อนไปมาก เปลี่ยนมาใช้ชื่อ PixelMaster 2 โดยเปลี่ยนจากเซ็นเซอร์รับภาพจาก Sony เป็นของ Toshiba โดยให้เหตุผลว่ารับแสงได้ดีกว่า (จะดีแค่ไหนเดี๋ยวเรามาดูกัน) กล้องด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ประกอบด้วยเลนส์ 5 ชิ้น รูรับแสง หรือค่า f กว้าง 2.0 แฟลชแบบทูโทนที่ไม่ทำให้หน้าขาววอกจนเกินไป ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกซล มุมกว้าง 85 องศา
เปรียบเทียบการถ่ายภาพในที่มืดกับคู่แข่ง ทั้งในโหมด HDR, โหมดออโต้, เปิดใช้แฟลช ส่วนอุปกรณ์เสริมในการถ่ายภาพก็มีแฟลชแบบ Xenon ที่ให้แสงสว่างกว่าแฟลชแบบ LED ถึง 100 เท่า กล้องหน้ายังมีโหมด Selfie Panorama สำหรับถ่ายรูปเป็นกลุ่มด้วย
แบตเตอรี่ก็มีมาให้ในเครื่องมากถึง 3,000 มิลลิแอมป์ มีระบบ BoostMaster ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วยิ่งขึ้น โดยใช้สายเสียบชาร์จจาก 0% – 60% ใช้เวลาเพียง 39 นาที หรือชาร์จเพียง 10 นาทีก็สนทนาได้นานถึง 40 นาที และยังมี Power Bank รุ่นใหม่ เพื่อการใช้งานที่ไม่ขาดตอน
และแล้วก็ถึงเวลาเปิดราคาวางจำหน่ายในอินโดนีเซีย และในวันเดียวกันนี้ประเทศไทยก็ได้เปิดตัวราคาแล้วด้วย เรามาดูกันเลย
Asus Zenfone 2 ZE550ML
Intel Atom Z3560 1.8 GHz, RAM 2 GB, 16 GB
5.5” IPS LCD HD 1280 x 720p
ราคา 2,699,00 รูเปีย (ประมาณ 6,700 บาท)
Asus Zenfone 2 ZE551ML
Intel Atom Z3560 1.8 GHz, RAM 2 GB, 16 GB
5.5” IPS LCD Full HD 1920 x 1080p
ราคา 2,999,00 รูเปีย (ประมาณ 7,500 บาท)
Asus Zenfone 2 ZE551ML
Intel Atom Z3580 2.3 GHz, RAM 4 GB, 32 GB
5.5” IPS LCD Full HD 1920 x 1080p
ราคา 3,999,00 รูเปีย (ประมาณ 10,000 บาท)
Asus Zenfone 2 ZE551ML
Intel Atom Z3580 2.3 GHz, RAM 4 GB, 64 GB
5.5” IPS LCD Full HD 1920 x 1080p
ราคา 4,499,00 รูเปีย (ประมาณ 11,250 บาท)
นอกจากนี้ยังเปิดราคาอุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งถือว่าค่อนข้างถูกพอสมควรทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นชุดหูฟัง, พาวเวอร์แบงค์, ฟลิปคัฟเวอร์, แฟลชต่างๆ ดูราคาเลยดีกว่า
View Flip Cover Deluxe ราคา 159,000 รูเปีย (ประมาณ 400 บาท)
ZenEar S ราคา 699,000 รูเปีย (ประมาณ 1,750 บาท)
ZenEar ราคา 79,900 รูเปีย (ประมาณ 200 บาท)
ZenPower ราคา 269,00 รูเปีย (ประมาณ 675 บาท)
Lolliflash ราคา 119,000 รูเปีย (ประมาณ 300 บาท)
Zenflash ราคา 239,000 รูเปีย (ประมาณ 625 บาท)
เมื่อเสร็จพิธีการบนเวทีแล้ว ก็ได้เวลาเล่นเครื่องจริงกันแล้ว มาดูภาพบรรยากาศงานกันเลยครับ