ในที่สุดก็ถึงนิมิตหมายอันดีกับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปของทาง Samsung ใน Series Galaxy S ซึ่งประสบความสำเร็จต่อเนื่องจนมาถึงรุ่นนี้ก็คือ Galaxy S4 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมาที่เมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
การเปิดตัวครั้งนี้ของ Galaxy S4 อาจจะดูไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับงานเปิดตัว Galaxy S III ที่ไม่มีภาพเครื่องหลุดออกมาเลย และมีการเปลี่ยนการออกแบบใหม่ทำให้กลายเป็นกระแสได้ง่าย แต่ในทางกลับกัน Galaxy S4 มีการออกแบบเครื่องเหมือนกับ Galaxy S III แทบทุกประการไม่ว่าจะเป็นวัสดุ หรือส่วนโค้งต่างๆ แต่เน้นอัดความสามารถอื่นๆ ทางด้าน Software เข้ามาแทน อย่างไรก็ตามถ้ามองในแง่วิศวกรรมแล้วต้องบอกว่า Galaxy S4 เป็นการพัฒนาการออกแบบที่ก้าวไปอีกขั้น ด้วยสัดส่วนเครื่องความยาวที่เท่ากับ Galaxy S III แต่สามารถขยายหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นได้ อีกทั้งยังมีความบางเบามากกว่าและแคบลงอีก ทำให้จับถนัดขึ้น ถือว่าเป็นการออกแบบที่น่าสนใจและไม่น่ามองข้าม
Samsung Galaxy S4 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาจาก Galaxy S III พอสมควรในแง่ของ Spec ที่มีการอัพเกรดขึ้นมา เช่น หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 5 นิ้ว (กระจก Gorilla Glass 3) Super AMOLED และความละเอียด 1080p (441ppi), CPU Exynos Octa-Core 1.6/1.2 GHz, GPU PowerVR SGX544MP3 (ในประเทศที่ขายรุ่น 4G LTE ตัว CPU และ GPU จะเป็นตัว Snapdragon 600), RAM 2 GB, กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อม LED Flash, กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, หน่วยความจำมีให้เลือก 16/32/64 GB และเพิ่มด้วย microSD Card ได้ และมีแบตเตอรี่ขนาด 2,600 mAh
ทางด้าน Software Samsung Galaxy S4 มีการใส่เข้ามาใหม่อีกเพียบมากมายถึง 16 อย่าง แต่ผมจะขอยกประเด็นหลักๆ มาเล่าให้ฟังละกันครับ โดยผมขอแยกเป็นส่วนๆ ละกัน ส่วนแรกคือเรื่องของกล้องที่มีการใส่โหมด Drama Shot ที่สามารถถ่ายภาพได้รัว 100 Shot ในเวลาแค่ 4 วินาที และสามารถนำภาพมาซ้อนกันได้ในภาพเดียวเป็นแบบ Sequence shot, Eraser ที่เอาไว้ถ่ายภาพต่อเนื่อง และสามารถลบ object ที่ไม่ต้องการออกได้, Sound & Shot ที่สามารถถ่ายภาพและเก็บเสียงเอาไว้ติดกับภาพได้ทำให้เวลาเปิดดูก็มีเสียงออกมาด้วย และ Dual Camera ที่สามารถถ่ายภาพได้ทั้งกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน
ส่วนที่สองคือส่วนของความสามารถหน้าจอ โดยมีความสามารถ Adapt Display ที่สามารถปรับสีและแสงของหน้าจอให้ดูสบายตาขึ้นตามสถานการณ์, Air view ที่ใช้นิ้วชี้โดยไม่ต้องแตะหน้าจอเพื่อ Preview ส่วนต่างๆ ได้, Glove Friendly ที่สามารถใช้งานเครื่องได้แม้ใส่ถุงมืออยู่, Air Gesture สามารถปัดหน้าจอด้วยท่าทางต่างๆ เพื่อสั่งการทำงานของตัวเครื่อง รวมถึงมี Air Call-Accept ที่ใช้ท่าทางในการรับสายได้โดยไม่ต้องแตะหน้าจอเลยทีเดียว
ส่วนที่ 3 คือส่วนของตัวระบบทั่วไปที่มีหลักๆ เลยก็คือ Smart Scroll/Pause ที่สามารถควบคุมเครื่องเลื่อนหน้าจอเปลี่ยนหน้าโดยใช้สายตาได้ รวมถึงการดูวิดีโอ ถ้าเราไม่มองหน้าจอตัววิดีโอก็จะหยุดเอง, S Translator ที่ใช้ในการแปลภาษาได้ 9 ภาษา (ไม่มีภาษาไทย) และ Samsung Group play ที่สามารถใช้ NFC เชื่อมต่อกับเครื่องอื่นๆ เพื่อเปิดเพลงเดียวกันไปพร้อมๆ กันโดยใช้ลำโพง Speaker ช่วยกันเปิดเสียงให้ดังกระหึ่ม (สูงสุด 8 เครื่อง) เป็นต้น
ที่จริงแล้วยังมีความสามารถอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใครคาดหวัง เพราะบางอย่างดูล้ำมากจนบางทีเราไม่ค่อยได้ใช้มัน แต่ก็เป็นการสร้างจุดขายอย่างมากให้กับตัวเครื่อง ดังนั้นสิ่งที่ผู้ใช้คาดหวังจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องของการทำงานของตัวเครื่องที่ต้องง่าย และรวดเร็ว สามารถเข้าถึงความสามารถหลักๆ ได้ง่าย ซึ่งที่จริงถ้าว่ากันตาม Spec เรื่องแบบนี้คงไร้ปัญหา แต่อีกเรื่องที่สำคัญก็คือ ROM (Android 4.2) ว่าทำออกมาดีรึเปล่า เครื่องทำงานได้ไม่อืดไม่ค้างหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาทาง Samsung ก็ทำได้ดีมาตลอด แต่งานนี้ก็ต้องพิสูจน์กันอีกครั้ง
Samsung Galaxy S4 มีการคาดหวังจากทาง Samsung เอาไว้ค่อนข้างมากว่าจะขายดีกว่า Galaxy S III ถึง 2 เท่า ซึ่งในปัจจุบัน Galaxy S III ขายได้มากกว่า 50 ล้านเครื่องแล้วทั่วโลก ดังนั้น Galaxy S4 มีเป้าต้อง 100 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งถ้ามองถึงโอกาสก็น่าจะเป็นไปได้อยู่ ซึ่งช่วงแรกของการวางขายก็น่าจับตามองเป็นพิเศษเพราะตอน Galaxy S III นั้นช่วง 100 วันแรกก็ขายได้มากถึง 20 ล้านเครื่อง ต้องมาดูกันวัน 100 วัน Galaxy S4 จะขายได้ซักกี่เครื่อง
สุดท้ายต้องบอกว่า Samsung Galaxy S4 ถึงแม้จะดูไม่มีนวัตกรรมอะไรในสายตาผู้คนทั่วๆไป แต่ถ้าในด้านวิศวกรรมแล้วต้องบอกว่ามีการพัฒนาไปอีกขั้นจริงๆ และเรื่องของ Software เองก็มีออกมาตอบโจทย์คนบางกลุ่ม และเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ดี โดยตัวเครื่องจะเริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ สำหรับประเทศไทยก็คงไม่ห่างจากล็อตแรกมานัก (อาจจะล็อตแรกเลยก็ได้) ยังไงรอติดตามกันดูครับกับเรือธงตัวใหม่ของ Samsung ในปีนี้