ในช่วงเทศกาลปีใหม่แบบนี้ หลายๆ ท่านจะเลือกการซื้อมือถือสมาร์ทโฟนให้เป็นของขวัญ ไม่ว่าจะให้กับญาติผู้ใหญ่, แฟน, ลูกหลานในครอบครัว หรือแม้แต่ให้เป็นของขวัญแก่ตนเอง ในปัจจุบันนี้ก็มีมือถือสมาร์ทโฟนให้เลือกซื้อมากมายหลายแบรนด์ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกันไป ซึ่งเชื่อได้ว่าหลายๆ ท่านอาจจะไม่รู้ว่าควรจะเลือกดูอะไรก่อนดี สำหรับใครที่อยากจะซื้อมือถือใหม่ซักเครื่อง เราได้รวบรวมแนวทางการเลือกซื้อมือถือสมาร์ทโฟนในยุคนี้มาให้กับทุกท่านแล้ว เชิญอ่านกันได้เลย
1. แบรนด์
ก่อนที่จะซื้อมือถือสมาร์ทโฟนซักเครื่อง หลายๆ ท่านคงมีแบรนด์ที่ต้องการอยู่ในใจ หากได้แบรนด์ตามที่เราต้องการคงพอใจมากๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้ประเทศไทยก็มีสมาร์ทโฟนหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อมาเป็นจ้าของ ดังนั้น เราควรดูจากแบรนด์ที่เรามีไว้ในใจก่อน แล้วค่อยๆ ไปดูแบรนด์อื่นๆ ตามความต้องการของสิ่งอื่นๆ ที่เราจะบอกในข้อต่อๆ ไป และก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ อย่าลืมถามเรื่องบริการหลังการขาย, การรับประกัน, ศูนย์บริการต่างๆด้วย เพราะมันสำคัญมากหลังจากที่คุณใช้งานไปแล้วเกิดมีปัญหากับตัวเครื่อง จะได้อุ่นใจในเรื่องการเคลมประกันหรือซ่อมนั่นเอง
2. ระบบปฏิบัติการ
ข้อนี้ถือเป็นการเกือบตัดจบสำหรับท่านที่เลือกระบบปฏิบัติการนอกเหนือจากระบบปฏิบัติการ Android เพราะหากเลือกระบบปฏิบัติการ iOS ก็มีเพียง iPhone เท่านั้น ส่วนระบบปฏิบัติการ Windows Phone ตอนนี้ก็มีเพียง Microsoft อยู่ที่ว่าเราชื่นชอบหรืออยากจะใช้ระบบปฏิบัติการอะไร ซึ่งแต่ละระบบปฏิบัติการนั้นแตกต่างกันและมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป
ถ้าใครที่ยังไม่เคยใช้สมาร์ทโฟน แนะนำให้เลือกระบบปฏิบัติการตามเพื่อนๆ หรือสังคมที่อยู่รอบกายไปก่อน เพราะหากคุณเริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟนที่มีระบบปฏิบัติการเหมือนกัน จะทำให้คุณเรียนรู้วิธีการใช้งานได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรึกษา หรือขอแนะนำการใช้งานต่างๆ
3. ขนาดและความละเอียดหน้าจอ
ขนาดและความละเอียดหน้าจอเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อมือถือในยุคนี้เช่นกัน ในส่วนของขนาดหน้าจอนั้นจะขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ หากชอบหน้าจอใหญ่ เห็นตัวอักษรหรือรูปภาพชัดเจนก็อาจจะต้องเลือกหน้าจอ 5.5 นิ้วขึ้นไป แต่ก็ทำให้ไม่สะดวกในการพกพามากขึ้น แต่ถ้าขนาดหน้าจอเล็กกว่า 4.7 นิ้วแล้วล่ะก็ก็ถือว่ามีหน้าจอที่เล็กมากๆ อาจจะส่งผลให้การใช้งานในยุคนี้ลำบากมากขึ้นเพราะต้องเพ่งสายตาในการอ่าน
ส่วนความละเอียดหน้าจอก็มีความสำคัญเช่นกัน ในยุคนี้หากมีหน้าจอที่มีความละเอียดต่ำกว่า HD 720p ก็ถือเป็นรุ่นที่ไม่น่าสนใจแล้ว เพราะความละเอียดของหน้าจอจะช่วยให้เรามองเห็นหน้าจอที่คมชัดไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป, เล่นเกม หรือดูหนัง
4. แบตเตอรี่
อีกหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้เราใช้งานสมาร์ทโฟนคู่ใจได้ยาวนานนั้นก็คือ แบตเตอรี่ หากเรามองข้ามความจุของแบตเตอรี่ไป อาจจะทำให้เราต้องพกพาพาวเวอร์แบงค์หรือสายชาร์จติดตัวไปด้วยบ่อยๆ และในยุคสมัยนี้ควรที่จะมีแบตเตอรี่ความจุ 2,000 mAh เป็นอย่างต่ำ และถ้าให้แนะนำความจุของแบตเตอรี่ที่กำลังดีก็น่าจะอยู่ในช่วง 2,000 – 2,500 mAh หากรุ่นไหนมีฟีเจอร์ชาร์จเร็วเข้ามาด้วย ก็จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นด้วย เพราะจะทำให้คุณชาร์จเต็มเร็วขึ้นกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในความจุเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน
5. ชุดประมวลผล
ชุดประมวลผลไม่ควรมองข้าม เพราะชุดประมวลผลนี้เกี่ยวข้องกับความลื่นไหลในการใช้งานโดยตรงนอกเหนือจากระบบปฏิบัติการ เพราะหากเป็นชุดประมวลผลใหม่ๆ ที่มี 4 แกนขึ้นไป หรือสถาปัตกรรมแบบ 64 บิท ก็ถือว่าน่าสนใจ ส่วน RAM ในยุคนี้ก็ไม่ควรต่ำกว่า 1 GB แล้ว เพราะถ้าต่ำกว่านี้การใช้งานสมาร์ทโฟนของคุณจะต้องทำให้คุณสโลว์ไลฟ์แน่ๆ รวมถึงการติดตั้งเกมต่างๆ ด้วย หากเป็นชุดประมวลผลของ Intel ก็อาจจะไม่รองรับแค่บางเกม ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะเลือก RAM ที่เป็น 2 GB ขึ้นไป
6. Storage และ Memory Card
ขนาดของแอพพลิเคชั่นเริ่มมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เอาง่ายๆ แค่แอพพลิเคชั่น Facebook ก็มีขนาดไฟล์สำหรับติดตั้งประมาณ 100 MB แล้ว ไม่ต้องคิดเลยหากจะติดตั้งแอพพลิเคชั่นอื่นๆ รวมถึงเกมที่มีกราฟิกที่สวยงามขึ้น ซึ่งก็มีขนาดไฟล์ที่ใหญ่ขึ้นตาม ดังนั้นการเลือกซื้อมือถือสมาร์ทโฟนในยุคนี้ก็ควรที่จะเลือกพื้นที่หน่วยความจำภายในให้มากกว่า 16 GB หรือถ้าเป็นไปได้ควรจะมีถึง 32 GB กันไปเลย และถ้ารุ่นไหนรองรับหน่วยความจำภายนอกได้อีกล่ะก็ ถือว่ายอดเยี่ยมไปเลย เพราะคุณสามารถเก็บไฟล์รูปภาพ, เพลง หรือหนังไว้ใน microSD Card ได้ แต่ก็ต้องดูว่าหน่วยความจำภายนอกที่รองรับนี้ รองรับการใช้งานได้สูงสุดกี่ GB ถ้าให้แนะนำก็ไม่ควรต่ำกว่า 32 GB ครับ
7. กล้องถ่ายภาพ
กล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนในยุคนี้จะวัดที่จำนวนพิกเซลไม่ได้แล้ว ซึ่งจะต้องดูคุณภาพของไฟล์ที่ออกมาจากการถ่ายรูปภาพว่าคมชัดจริงหรือไม่ สีเพี้ยนหรือเปล่า เพราะบางผู้ผลิตบอกจำนวนพิกเซลมาให้ดูเยอะๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วขยายจำนวนพิกเซลให้กับรูปด้วยซอฟท์แวร์เท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้ใส่ใจกันไปเลยนะครับ ยังไงในยุคนี้ก็ต้องมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซลขึ้นไปแล้วสำหรับกล้องหลัง ส่วนกล้องหน้าก็เริ่มเห็นความละเอียด 5 ล้านพิกเซลมาให้เลือกซื้อกันมากมาย รวมถึงฟีเจอร์เสริมอย่างแฟลชทรูโทน แฟลชกล้องหน้า
ความละเอียดของการบันทึกวิดีโอก็เป็นอีกหนึ่งที่ควรให้ความใส่ใจเช่นกัน ขึ้นต่ำควรจะอยู่ที่ระดับ HD 720p แล้ว เพราะสมาร์ทโฟนตัวท็อปหลายๆ รุ่นก็รองรับการบันทึกวิดีโอระดับ 4K กันเกือบหมดแล้ว
8. ฟีเจอร์แต่ละรุ่น
ถือเป็นการบ่งบอกความแตกต่างและความเจ๋งของแต่ละรุ่นเลย หากสมาร์ทโฟนที่คุณกำลังสนใจนั้นมีฟีเจอร์ทีเด็ด อย่าง Samsung Galaxy Note ที่มีฟีเจอร์การวาดเขียนโดยใช้ปากกา S Pen ได้, i-mobile ที่รองรับการดูทีวีดิจิตอลโดยไม่ใช้เน็ต, OPPO ที่มีการชาร์จเร็ว, LG ที่มีเลเซอร์โฟกัส, iPhone 6s ที่มีเทคโนโลยี 3D Touch ถ้าหากใครต้องการใช้งานฟีเจอร์ในแต่ละรุ่นก็ลองชั่งใจเลือกดูว่าจำเป็นหรือไม่ เพราะแต่ละรุ่นที่มีฟีเจอร์ทีเด็ดนี้จะมีราคาที่สูงไม่น้อย
9. รองรับ 3G ทุกเครือข่าย 4G, Wi-Fi, Bluetooth ก็ต้องดู
การรองรับการใช้งาน 3G นั้น หากเป็นไปได้อยากให้ดูว่ารองรับทุกเครือข่าย หรืออย่างน้อยก็ควรที่จะรองรับกับเครือข่ายที่เราใช้งานอยู่ เพราะการใช้งานสมาร์ทโฟนนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้อินเตอร์เน็ตจากเครือข่ายในยามที่เราออกไปข้างนอก และถ้ารองรับ 4G ด้วยก็จะดีมาก เพราะประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ยุคการเชื่อมต่อด้วย 4G แล้ว ส่วนการรองรับ Wi-Fi และ Bluetooth ก็ต้องดูว่าเป็นเวอร์ชั่นใหม่หรือเปล่า ในสมัยนี้เราเตอร์ที่ปล่อยนั้นมีคลื่น 5 GHz แล้ว จะทำให้เราสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้เต็มความเร็วมากขึ้น ในส่วนนี้จะต้องดูว่า Wi-Fi สมาร์ทโฟนของเรานั้นเป็น b/g/n/ac อยู่หรือไม่ ส่วน Bluetooth ก็แนะนำให้เลือกเป็นเวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไป เพราะจะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น
สุดท้ายแล้วอย่าลืมดูเรื่องราคาและงบประมาณของตนเองด้วย ถ้าราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและรับได้กับสเปค, ระบบปฏิบัติการ แบรนด์ที่ต้องการและความชื่นชอบแล้วก็จัดมาเป็นของขวัญให้กับตัวเองหรือญาติผู้ใหญ่ได้เลยครับ อย่าลืมว่าเทคโนโลยีมันไปเร็วกว่าที่คิด ดังนั้นการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนก็ควรที่จะเลือกเผื่อไว้ใช้งานอีกซัก 2-3 ปี หากไม่อยากจะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนบ่อยๆ นะครับ