ในที่สุดประเทศไทยเราก็มีวันนี้ซะที (นึกว่าจะไม่มีซะแล้ว) กับการมาถึงของโครงข่ายโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในยุคที่ 3 หรือที่เราเรียกว่า 3G ที่จริงหลายคนอาจจะสงสัย ว่าที่ผ่านมาเราไม่มี 3G ใช้กันเหรอ? คำตอบคือ มีครับ แต่เป็นการใช้เงื่อนไขสัมปทานคลื่นเก่าของแต่ละค่ายเดิมที่เคยทำไว้ตั้งแต่ 2G แล้วนำมาอัพเกรดเป็นโครงข่าย 3G แน่นอนความในทางทฤษฎีถือว่าเรามี 3G มาแล้วหลายปี แต่ในทางปฏิบัตินั้นถือว่ายังไม่สมบูรณ์นัก เพราะทุกค่ายต่างต้องแบ่งส่วนคลื่นที่ตัวเองมี ไปทำ 3G ทำให้การใช้งานอาจจะไม่สมบูรณ์ตามเทคโนโลยีเท่าไรนัก
ดังนั้นการมาของ 3G คลื่นใหม่ล่าสุดอย่าง 2100 MHz ที่ประมูลกันเสร็จเมื่อเดือนตุลาคมปีทีผ่านมา ทำให้ทั้ง 3 เครือข่ายหลักในบ้านเรามีคลื่นความถี่ชุดใหม่เข้าไปเติมเต็มส่วนที่ต้องใช้งาน ทำให้ประเทศไทยเกิดยุคของ 3G แบบเต็มประสิทธิภาพขึ้นมาใหม่นั่นเอง
ทำไมคลื่นความถี่ใหม่ 2100 MHz จึงทำให้ใช้งาน 3G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ?
– ความถี่ใหม่ที่ทั้ง 3 เครือข่ายได้มาใหม่นั้นรวมแล้ว 45 MHz แบ่งเป็น 15-15-15 ทั้ง 3 ค่ายได้คลื่นไปเท่าๆ กัน ซึ่งคลื่น 15 MHz นี้เอง ส่งผลให้รองรับผู้ใช้งานได้มากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่นจากเดิมที่ AIS ทำโครงข่าย 3G ในคลื่น 900 MHz แค่ 10 MHz พอมีการเปลี่ยนมาใช้ 3G โครงข่ายใหม่ 2100 MHz ที่มีขนาดคลื่น 15 MHz ก็สามารถรองรับผู้ใช้งานได้มากขึ้น และมีความเสถียรในการใช้งานมากขึ้น
ทำไมต้องคลื่นความถี่ 2100 MHz?
– คลื่นความถี่ 2100 MHz เป็นมาตรฐาน IMT2000 ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อ 13 ปีที่แล้วเพื่อดูแลจัดการโครงข่ายของโลกในยุคที่ 3 ซึ่งในมาตรฐานนี้ได้ตั้งคลื่น 2100 MHz ให้เป็นมาตรฐานโลก ถ้าใครจะไปใช้ 850/900/1700/1900 MHz ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่คลื่นหลักเป็น 2100 MHz ซึ่งอุปกรณ์ทุกตัวที่สามารถใช้โครงข่าย 3G ได้นั้นรองรับทั้งหมด
– อุปกรณ์ในปัจจุบันที่ีเขียนว่ารองรับ 3G ทุกตัวสามารถรองรับคลื่น 2100 MHz ได้ทั้งหมด ทำให้ไม่มีการแบ่งแยกแล้วว่าใครซื้อเครื่องรุ่นไหน ต้องดูเครือข่ายว่าเอาไปใช้กับ AIS หรือ TRUE / DTAC ทำให้ปัญหาการซื้อเครื่องที่ยุ่งยากหมดไปในทันที
สถานการณ์ของ 3 เครือข่ายยักษ์ใหญ่
– AIS ปัจจุบันกำลังเร่งวางโครงข่ายใหม่ 3G 2100 MHz ภายใต้ชื่อ AIS 3G ใหม่ อย่างไม่หยุดยั้ง เพิ่ม 800 สถานีทุกเดือน ส่งผลให้ภายในสิ้นปีนี้น่าจะครอบคลุมประมาณ 70% ของประชากร ซึ่งครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว เชื่อว่าผู้ใช้งานน่าจะพึ่งพอใจกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะโครงข่าย 3G เดิมอย่าง 900 MHz รองรับผู้ใช้งานได้น้อยกว่าแถมยังต้องแบ่งถนนกับโครงข่าย 2G ทำให้เกิดความไม่เสถียรอย่างมากในการใช้งาน
ปัจจุบันทาง AIS เริ่มให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถรอการย้ายไปโครงข่าย 3G ใหม่ได้แล้วโดยกด *988*เลขบัตรประจำตัวประชาชน# แล้วโทรออก หรือจะไปแจ้งเรื่องเปลี่ยนที่ช็อปก็ทำได้ เช่นกัน แต่จะทำให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ใช้งานได้เท่านั้น ซึ่งในตอนนี้คือ 20 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ของประเทศ
– DTAC ปัจจุบันมีความคืบหน้าน้อยที่สุดในบรรดา 3 ค่าย เพราะรายละเอียดยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถเปิดให้ผู้ใช้งานเริ่มใช้งาน 3G 2100 MHz ใหม่ได้จริงเมื่อไร (น่าจะปลายเดือน มิ.ย. นี้) แต่มีการปล่อยโฆษณาเปิดตัวโครงข่ายมาแล้วในชื่อว่า Trinet ที่จะทำให้พวกเค้ากับมาแข็งแกร่งในส่วนของการใช้งาน Data Internet อีกครั้ง ด้วยการรวม 3 Bandwidth (3 คลื่นโครงข่าย) เข้าไว้ด้วยกัน 1800+850+2100 MHz ทำให้มีคลื่นรวมแล้วมากถึง 50 MHz รองรับผู้ใช้งานได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยถือเป็นโครงข่ายที่ยังแสดงเจตจำนงค์ว่าคลื่น 850 MHz นั้นก็จะไม่ทิ้ง เปิดให้ใช้งานต่อไปอีก ซึ่งคลื่น 850MHz ของพวกเขาก็สามารถใช้ได้ครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว ถือเป็นอีก 1 ความได้เปรียบของค่ายนี้ (แต่ Trinet มาเร็วๆ หน่อยก็ดีนะ)
– True move H เปิดตัวได้นำหน้าค่ายอื่นทุกค่ายเพราะประกาศเลยว่าจะลงทุนทำโครงข่าย 4G บนโครงข่ายที่ควรเป็น 3G อย่างคลื่น 2100 MHz เลย โดยเฟสแรกจะอยู่ในใจกลางกรุงเทพ และจะขยายไปตามหัวเมืองใหญ่อีก 15 จังหวัดให้ครบในช่วงปลายปีนี้ โดยโครงข่าย 4G ใหม่นี้สามารถใช้งานร่วมกับ โครงข่าย 3G เดิมในคลื่นความถี่ 850 MHz ที่มีครอบคลุมแล้วทั่วประเทศ 77 จังหวัดได้ โดยในปัจจุบันโครงข่าย 4G 2100 MHz ของ True move H นั้นยังใช้ได้แค่ใจกลางเมืองกรุงเทพเท่านั้น
4G ในตอนนี้มีประโยชน์แค่ไหน?
โครงข่าย 4G 2100 MHz ไม่ใช้คลื่นมาตรฐานของโลก ที่จริงจะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกเพราะว่ายังไม่มีการจัดตั้งมาตรฐานแบบชัดเจน แต่หลายพื้นที่ของโลกได้เลือกใช้คลื่น 1800 และ 2600 MHz เป็นโครงข่าย 4G แต่บ้านเราเองได้ถือกำเนิด 4G ด้วยคลื่น 2100 MHz แล้วนำโดย True move H ซึ่งมันมีประโยชน์มากในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเพราะ 4G LTE สามารถรองรับความเร็วได้สูงกว่า 3G ประมาณ 3-5 เท่า แต่สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถใช้งาน 4G LTE 2100 MHz ได้นั้นมีน้อยมาก หลักๆตอนนี้มีแค่ Nokia Lumia 920, 820 และ Xperia V ส่วนของ iPhone 5, iPad mini และ iPad 4 นั้นต้องรอติดตามสถานการณ์กันต่อไป แต่สำหรับคนที่ซื้อเครื่องนอกก็ต้องมีดูกันว่ารุ่นไหนรองรับบ้างกันอีกทีครับ ทำให้ในปัจจุบันมันยังไม่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้เท่าที่ควร
ผู้ใช้ต้องปรับตัวอย่างไร?
ผู้ใช้ทั่วๆ ไปแทบไม่ต้องปรับตัวอะไรมากหากถืออุปกรณ์ที่รองรับ 3G อยู่แล้ว แค่คุณแสดงเจตจำนงค์ว่าต้องการย้ายไปโครงข่ายใหม่เท่านั้น จบ คุณก็จะสามารถใช้งานโครงข่ายใหม่ได้ แต่สำหรับผู้ที่ใช้อุปกรณ์เป็นรุ่นเก่า หรือรองรับแค่ 2G ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะโครงข่ายเดิมยังอยู่ แต่จะมีปัญหาในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะคลื่นความถี่ 2G นั้นจะหมดสัมปทาน ในอนาคตไม่นานนัก ดังนั้นการเปลี่ยนไปใช้โครงข่าย 3G ในช่วงเวลานี้ก็ไม่เลว เพราะแต่ละโครงข่ายต้องรีบโหมทำโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ดึงดูดให้เข้ามาใช้โครงข่ายใหม่กันอยู่แล้ว
