เทรนด์ของการรักสุขภาพและการออกกำลังกายกำลังมาแรง โดยมีแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการออกกำลังกายมากขึ้น ซึ่งหลายๆ ท่านอาจจะไม่ถนัดมากนักเมื่อต้องถือสมาร์ทโฟนคู่ใจไปออกกำลังกาย เชื่อได้เลยว่าหลายๆ อาจจะคอยมองหานาฬิกาเอาไว้สวมใส่ตอนออกกำลังกาย เพื่อตรวจดูหรือเก็บสถิติการออกกำลังกายต่างๆ ไปด้วย และมาเช็คผลย้อนหลังเพื่อพัฒนาตนเอง หรือตรวจสุขภาพของตนเองว่าเป็นอย่างไรไปบ้างแล้ว
ในปัจจุบันนี้ก็ได้มีนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายออกมาให้เลือกหลากหลายแบรนด์ และด้วยสมาร์ทวอช นาฬิกาอัจฉริยะเองก็เริ่มมีฟีเจอร์สำหรับการออกกำลังกายมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Samsung Gear S2, Moto 360, Apple Watch ฯลฯ ท่านใดที่กำลังจะตัดสินใจเลือกซื้อนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายอยู่นั้น ลองมาดู 6 สิ่งควรรู้ก่อนที่จะซื้อกันก่อนดีกว่าครับ
1. รองรับกับสมาร์ทโฟน
ก่อนอื่นนั้น เราควรเลือกนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายให้เข้ากับระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟนของเราเสียก่อน เพราะยุคสมัยนี้สามารถทำการซิงค์ข้อมูลกับนาฬิกาผ่านแอพพลิเคชั่นมายังสมาร์ทโฟนเพื่อดูข้อมูลการออกกำลังกายได้เลย ถ้าหากซื้อมาแล้วไม่รองรับกับการใช้งาน ทำให้ยากต่อการเปิดดูข้อมูลย้อนหลัง ก็จะทำให้เรามีความรู้สึกไม่อยากใช้หรือเสียดายเงินที่ซื้อมานั่นเอง ดังนั้นควรเลือกนาฬิกาที่รองรับกับระบบปฏิบัติการของเรา ซึ่งมักจะมีบอกอยู่ที่ข้างกล่อง หรือควรสอบถามกับพนักขายก่อน
2. ดีไซน์
แน่นอนว่านาฬิกาสำหรับออกกำลังกายนี้ ส่วนใหญ่มักจะมีฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการนับก้าวเดินในแต่ละวัน ซึ่งทำให้นอกจากจะสวมใส่ตอนออกกำลังกายแล้ว บางท่านก็จะใช้แทนนาฬิกาข้อมือในชีวิตประจำวันด้วย ดังนั้น ดีไซน์ จึงเป็นตัวเลือกที่ควรใส่ใจเช่นกัน ในตอนนี้ดีไซน์ของนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแนวสปอร์ตจ๋า หรือแนววินเทจ, คลาสสิค หรือแม้แต่แบบผสมผสานก็มี บางรุ่นสามารถถอดเปลี่ยนสายเพื่อให้เหมาะกับการแต่งกายได้ด้วย แน่นอนว่าสายเหล่านี้มักจะต้องทำการซื้อแยกจากชุดจัดจำหน่าย
3. ฟีเจอร์
เป็นอีกสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะนาฬิกาออกกำลังกายในแต่ละรุ่นนั้นมักจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะการรองรับรูปแบบการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, วิ่งบนลู่, ปั่นจักรยานในยิม, บอดี้เวท, เวท เทรนนิ่ง, ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล ฯลฯ บางรุ่นก็รองรับเพียงไม่กี่ประเภท บางรุ่นก็รองรับเกือบทุกประเภท ดังนั้นเราควรศึกษาข้อมูลตรงนี้ก่อนไปซื้อเช่นกัน
จำพวกหน้าจอสี, หน้าจอสัมผัส หรือแม้แต่ฟีเจอร์การควบคุมเสียงเพลง ถ้าหากมีมาด้วยก็จะสะดวกในการใช้งานมากขึ้น และถ้าหากมี GPS ในตัวก็จะเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบออกกำลังกายกลางแจ้งอีกด้วย การที่มี GPS นั้นจะเป็นการช่วยจับเส้นทางการออกกำลังกายของเราได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แต่บางรุ่นก็จะไม่มีฟีเจอร์เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อใช้งาน GPS ดังนั้น หากใครที่เน้นการวิ่ง, ปั่นจักรยาน แล้วชอบดูเส้นทางการวิ่งนั้น ควรดูจุดนี้ให้ดี
การออกกำลังกายคงจะหนีไม่พ้น Heart Rate อัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อตรวจดูความฟิต หรือการออกกำลังกายที่ออกอยู่นั้น หักโหมไปหรือไม่ นาฬิการุ่นใหม่ๆ มักจะมี Heart Rate Sensor ติดมากับตัว ทำให้ไม่ต้องใส่สายคาดอกเพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจจะทำให้สะดวกขึ้น
4. รองรับแอพพลิเคชั่น
แน่นอนว่านาฬิกาสำหรับออกกำลังกาย มักจะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่นของตนเอง แต่สำหรับผู้ใช้งานที่อยากจะเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นที่เราใช้งานมา อาทิ Endomondo, Runtastic, Nike+ Running ฯลฯ ในบางรุ่นก็รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังแอพพลิเคชั่นนอกเหนือจากของตนเองด้วย หากใครที่มีแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานอยู่เป็นประจำ อย่าลืมเช็คตรงจุดนี้ด้วยนะ
5. แบตเตอรี่
ไม่ว่านาฬิกาสำหรับออกกำลังกายจะมีฟีเจอร์อะไรมากมาย หากมองข้ามเรื่องความอึดของแบตเตอรี่นี้ไปคุณอาจจะปวดหัวน่าดู สำหรับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในแต่ละวัน ซึ่งนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายในแต่ละรุ่นก็มีความจุของแบตเตอรี่ที่แตกต่างกัน ข้อนี้ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะการออกกำลังกายในแต่ละครั้ง ใช้เวลานานพอสมควรเหมือนกัน ยิ่งบางรุ่นที่ใช้ GPS ก็จะยิ่งใช้พลังงานเพิ่มขึ้น การที่มีนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายแบตเตอรี่อึดๆ ก็จะช่วยให้เราไม่ต้องชาร์จบ่อย ไม่อย่างนั้นคุณก็อาจจะต้องมองหาที่ชาร์จแบตเตอรี่สำรองให้กับนาฬิกาของคุณก็เป็นได้
6. ราคา
แน่นอนว่าทั้งหมดที่กล่าวมาก็สำคัญสำหรับการเลือกซื้อนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายสักเรือน แต่การที่จะมองข้ามเรื่องราคาไปเลย ก็ไม่น่าจะได้ สำหรับนาฬิกาแนวนี้นั้นก็มีราคาตั้งแต่ต่ำกว่า 5,000 บาท จนไปถึงช่วง 20,000 บาทก็มี ควรดูความเหมาะสมในการใช้งานทั้งหมด และคำนวณกับงบประมาณในกระเป๋าของคุณด้วย ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีเงินไปซื้ออะไรมารับประทานเพื่อไปออกกำลังกายอย่างแน่นอน
แล้วจะซื้อแบบไหนดี?
นาฬิกาสำหรับออกกำลังกายนั้น มักจะออกรุ่นใหม่ไม่ถี่มาก แต่จะมีหลากหลายรุ่นให้เลือกตามความเหมาะสมและช่วงราคา ดังนั้นเราควรกำหนดและพิจารณาให้ดีว่าเราซื้อมาเพื่อใช้กับการออกกำลังกายอะไร จะเน้นการออกกำลังกายแบบไหน และใช้งานในรูปแบบใด ต้องการการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟน, การควบคุมเพลงบนสมาร์ทโฟนหรือไม่? ราคาเหมาะกับงบประมาณของเราหรือเปล่า เพราะนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายนี้คุณจะต้องสวมใส่ไปออกกำลังกายด้วย ลองตั้งคำถามกับตัวเองและศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อน จากนั้นก็ออกไปซื้อได้เลย