- User interface ใน iOS 10 กับการเปลี่ยนแปลงของหน้าตาล็อกสกรีนที่ปรับให้ง่ายมากขึ้น และมีข้อความการแจ้งเตือนที่เพิ่มขึ้น เพียงเลื่อนทางขวามือจะเข้าสู่หน้าของวิดเจ็ดได้ทันที ซึ่งอาจจะดูคุ้นๆ ในระบบปฎิบัติการ Android
สำหรับพื้นที่ในช่องแจ้งเตือนและวิดเจ็ดที่ถูกปรับให้มีความโค้งมนมากขึ้นแบบฟองน้ำ ส่วนของหน้า Control Center ที่รวมเอาของส่วนเข้าไว้ในนี้ คือ เครื่องมือต่างๆกับหน้าควบคุมเครื่องเล่นเพลงไว้ด้วยกัน และส่วนแถบที่สามใน Control Center สำหรับคนที่เปิดใช้งาน Home app จะมีอุปกรณ์ต่างๆปรากฏอยู่ด้วย
นอกจากนั้น Apple ยังเพิ่มความสามารถของ 3D Touch ให้มากขึ้น คุณสามารถแอบดูข้อมูลจากแถบแจ้งเตือนหรือแถบแจ้งเตือนกิจกรรมของแอปนั้นๆ ได้จากหน้าแรก โดยใช้ 3D Touch นอกจากนั้นยังทำได้บนแถบวิดเจ็ดประจำวันอีกด้วย
- Siri ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปยิ่งใหญ่กว่าคือการที่เปิดให้นักพัฒนามีส่วนมากขึ้นใน Siri ซึ่งตอนนี้สามารถส่งข้อความได้ผ่านแอปที่ไม่ใช่ Apple Message และยังจองรถผ่าน Uber และอื่นๆ
นอกจากนั้นยังสามารถค้นหารูปจากแอปอื่นๆ รวมทั้งการโทรแบบ VoIP และการชำระเงิน
- QuickType keyboard เพิ่มความสามารถการทำงานร่วมกับ Siri ที่คาดเดากับสิ่งที่คุณจะพูดหรือจะตอบได้มากขึ้น และยังสามารถอ่านข้อความพร้อมทั้งแนะนำกิจกรรมช่วยเหลือได้ แบ่งปันตำแหน่ง จดจำตำแหน่งของที่อยู่ล่าสุดของคุณ และส่วนที่น่าสนใจมากที่สุดคือกันรองรับได้หลายภาษามากขึ้น
4. Photos สำหรับแอปภาพถ่ายมีส่วนลูกเล่นที่เพิ่มขึ้นมาคือ เรียงภาพถ่ายจากใบหน้าของคุณและเพื่อนคุณได้ และในแอปยังแบ่งภาพถ่ายของคุณตามตำแหน่งบนแผนที่อีกด้วย
ฟีเจอร์ที่ว้าวสำหรับ Photos ในครั้งนี้คงเป็นความฉลาดของ AI ที่สามารถแยกภาพถ่ายและเลือกสร้างอัลบั้มได้เองอัตโนมัติ อาทิ ภาพวิวทิวทัศน์ สัตว์เลี้ยง บุคคล หรือหัวข้ออื่นๆ ที่กำหนด
- Maps เพิ่มด้วยลูกเล่นของการแสดงผลที่เพิ่มขึ้นบนเลเยอร์ต่างๆ ที่ฉลาดมากขึ้นและใช้งานเป็นผู้ช่วยได้มากกว่าเดิม นอกจากนั้นแผนที่ยังรองรับการทำงานอื่นที่เพิ่มเติมได้ ช่วยให้คุณค้นหาเส้นทางที่รวดเร็วที่สุดจากสภาพการจราจรโดยรอบพร้อมแนะนำสถานที่ใกล้เคียง และยังสามารถทำการจองที่นั่งได้อีกด้วย
Maps สำหรับ Carplay ยังเพิ่มความสามารถในการนำทางแบบ Turn-by turn ที่แสดงผลบนหน้าจอของรถได้อีกด้วย
- Apple Music มีการปรับเปลี่ยนในส่วนของหน้าตาที่เรียบง่ายขึ้น ที่ทำให้ง่ายต่อการค้นหาเพลงที่ชื่นชอบรวมทั้งการจัดการที่สะดวกกว่าเดิม
7. News อาจจะดูคล้ายกับเวอร์ชั่นที่ผ่านมา แต่มีการเปลี่ยนในส่วนของหน้าตา และยังสามารถสร้างหัวข้อรองสำหรับคุณได้อีกด้วย เช่น ถ้าคุณสนใจ Euro 2016 ในแอปก็จะสร้างหัวข้อรองลงมาที่เกี่ยวข้อง Euro 2016 ให้คุณอัตโนมัติ
นอกจากนั้นใน News ยังรองรับการติดตาม ถ้าคุณมีเนื้อหาที่ติดตามทั้งแบบฟรีและจ่ายเงินจากที่ใดที่หนึ่ง โดยที่จะมีหัวข้อข่าวแสดงบนหน้าแรกเมื่อมีความเคลื่อนไหวต่างๆเช่นกัน
- Home app with even more powerful Home Kit ครั้งนี้ทาง Apple ต้องการให้ทุกคนใช้งานควบคุมสิ่งต่างๆภายในบ้านผ่านทางแอป Home ที่มันรองรับอุปกรณ์เครื่องใช้อัจฉริยะภายในบ้านที่เชื่อมต่อคำสั่งผ่าน iPhone ของคุณ เช่น โคมไฟ ประตู และระบบล็อกต่างๆ กล้อง เครื่องปรับอากาศ พัดลม และอุปกรณ์อื่นๆ
App Home รองรับการใช้งาน 3D touch เพื่อเปิดรับคำสั่งเสียง ด้วยคำสั่ง เพิ่ม/ลด เสียง , หรือเปิดป็อปอัพของกล้องแบบสดๆ
และนอกจากนั้นยังมี Home อยู่ในแถบควบคุม Control Center เพื่อให้คุณใช้งานอุปกรณ์เสริมได้ย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
- Phone ซึ่งทาง Apple ได้เพิ่มเติมฟีเจอร์มาด้วย สำหรับแอป Third-party สามารถใช้งาน VoIP ได้เหมือนหน้าจอปกติของ Phone เช่น Skype, Viber และอื่นๆ และการแจ้งเตือนที่มาพร้อมกับรูปภาพแบบเต็มหน้าจอ พร้อมกับออปชั่นและแถบเลื่อนเพื่อตอบรับสาย
ในส่วนของสมุดโทรศัพท์ที่คุณสามารถเลือกได้ว่าจะติดต่อผ่านทางไหนหรือเบอร์ติดต่อพิเศษ
ส่วนของ Voice Mail ในตอนนี้สามารถแสดงข้อความที่แปลออกมาได้แบบทั้งข้อความ และยังตรวจจับข้อความที่มาจากเบอร์ที่ไม่รู้จักว่าเป็นสแปมหรือไม่
- Messages สุดท้ายกับแอปข้อความที่มีส่วนเพิ่มมาดังนี้ อย่างแรกกับการรองรับไฟล์ภาพแบบ GIF และ video playback แสดงผลได้ในตัวแอปเลย รวมถึงสื่ออื่นๆ ซึ่งสามารถแสดงผลได้เช่นกัน
นอกจากนั้นยังเพิ่มความเร็วในการทำงานร่วมกับอัลบั้มรูปและ live camera ที่เปิดได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องออกจากตัวแอป
ไม่เพียงแค่นั้นสำหรับในข้อความที่มีอีโมจิยังแสดงผลได้ใหญ่ขึ้นถึง 3 เท่า
และในแอป Messages ยังรองรับข้อความที่เขียนด้วยลายมืออีกด้วย ที่เรียกว่า Digital Touch message
สุดท้ายกับการเปิดให้นักพัฒนาทั่วไปนำเอา mini iMessages ไปใช้งานร่วมกับแอปอื่นๆที่สนใจได้อีกด้วย เพื่อเปิดประสบการณ์การใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่ตามอ่านกันมาครบทั้ง 10 ฟีเจอร์บน iOS 10 แล้วสนใจคงต้องอดใจรออีกหน่อย เพราะจะเริ่มทะยอยอัพเดทกันในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยที่จะเริ่มตั้งแต่รุ่น
- iPhone 5 เทียบเท่าหรือใหม่กว่า
- iPad 4 เทียบเท่าหรือใหม่กว่า
- iPad mini 2 เทียบเท่าหรือใหม่กว่า
- iPod 6 เทียบเท่าหรือใหม่กว่า
เครดิต GSMArena