ทางทีมงาน Whatphone ได้รับโอกาสพิเศษในการสัมภาษณ์คุณ Jacky Zhang รองประธานอาวุโส (Senior Vice President) ของ ZTE Corporation และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ ZTE Mobile Devices กลุ่ม EMEA และ APAC
ในการพูดคุยครั้งนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจของZTE แบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน เกี่ยวกับทิศทางกลยุทธการทำตลาดในประเทศไทยต่อจากนี้, สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเปิดตัว รวมถึงสิ่งใหม่ๆ ที่ ZTEตั้งเป้าเอาไว้ในอนาคต
รู้จักกับ ZTE ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนระดับแถวหน้าของโลก
IDC สรุปสถิติยอดขายสมาร์ทโฟนในช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา ZTEถือเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มียอดขายเป็นอันดับที่ 8 ของโลก และปีนี้ก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีก แต่ถ้าดูเฉพาะในประเทศจีน ZTEคือผู้ผลิตเป็นอันดับ 2 รองจาก Huawei ปัจจุบัน ZTEผลิตและขายสมาร์ทโฟนไปในตลาดทั่วโลก
คุณ Jacky Zhang ได้เล่าถึงความสำเร็จของแบรนด์ZTE ที่ล่าสุดสามารถขึ้นมาเป็นอันดับที่ 5 ในตลาดกลุ่มประเทศยุโรป ที่ก่อนหน้านี้ได้ส่งสมาร์ทโฟนเข้าไปทำตลาดในยุโรปหลายรุ่น ทั้งในตระกูล Blade และ Axon ถ้าดูย้อนหลังไปในช่วงปลายปีที่แล้ว สมาร์ทโฟนในตระกูล Blade นั้นขายไปได้มากกว่า 30 ล้านเครื่องเลยทีเดียว ล่าสุดZTE ก็ได้เริ่มรุกเข้าสู่ตลาดในฝั่งสหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในปีนี้ ZTEได้ตั้งเป้าที่จะทำยอดขายสมาร์ทโฟนให้ได้ 70 ล้านเครื่องทั่วโลก
มองตลาดสมาร์ทโฟนของไทยมีศักยภาพ ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาด 5%
ในกลุ่มประเทศยุโรป ZTEใช้กลุยุทธทางการตลาดในรูปแบบของ Sport Marketing ที่ได้เป็นสปอนเซอร์สนับสนุนให้กับสโมสรชื่อดังอาทิ เซบีย่า ทีมดังในลีกลาลิก้าของสเปน และล่าสุดได้เซ็นต์สัญญาเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีม โบรุสเซียเมินเชนกลัดบัค สโมสรในลีกบุนเดสลีกาของประเทศเยอรมันนี
สำหรับตลาดของประเทศไทย คุณ Jacky Zhang มองว่าจะใช้กลยุทธการตลาดแบบ Entertainment Marketing ผ่านดาราและบุคคลในวงการบันเทิง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ทาง vivo และ Oppo แบรนด์จากประเทศจีนเช่นกันใช้มาก่อนหน้าและได้รับกระแสตอบรับที่ดี ซึ่งตอนนี้ทางZTE กำลังมองหาดาราที่จะมาเป็น Brand Ambassador สำหรับสมาร์ทโฟนZTE ในประเทศไทย ส่วนการทำการตลาดด้านอื่นๆ ก็ได้มองเอาไว้ทั้งในกลุ่มของ Online และ Offline โดยตั้งเป้างบประมาณสำหรับการทำตลาดในประเทศไทยปีนี้เอาไว้ที่ 200-300 ล้านบาท
ในตลาดประเทศไทยปีนี้ ZTEตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 700,000-800,000 เครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 5-6% จากปริมาณยอดขายในตลาดทั้งหมด 14 ล้านเครื่อง
มั่นใจในศักยภาพ มีดีเหนือกว่าคู่แข่ง
คุณ Jacky Zhang บอกว่า ZTEมีความโดดเด่นในเรื่องของตัวผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ครบทุกกลุ่มผู้ใช้ในตลาด ที่มีตั้งแต่สินค้าในกลุ่มตลาด Entry Market ที่ตัวเครื่องราคาไม่สูงมาก (Blade) ไล่ไปจนถึงระดับพรีเมี่ยมที่โดดเด่นทั้งดีไซน์, วัสดุ และประสิทธิภาพการใช้งานที่สุดยอด (Axon, Nubia)
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นที่จะเน้นในไทยเป็นพิเศษใน 2 กลุ่ม Affortable Premium ที่เครื่องเน้นการออกแบบและใช้วัสดุดูดี ใช้งานตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ แต่ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณ 4,500-6,000 บาท เป็นสินค้าของในตระกูล Blade และกลุ่มตลาด Premium ตัวท็อปสเปคแรงอย่าง Axon ส่วนตระกูล Nubia ก็จะยังคงมีเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ZTEเอง ก็ยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโอเปอเรเตอร์อันดับ 1 ของประเทศไทยอย่าง AIS ที่ล่าสุดได้ร่วมมือกันจัดโปรโมชั่นสมาร์ทโฟนรุ่น Blade v7 Lite ที่สเปคการใช้งานตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือและใช้งาน 4G ได้ จำหน่ายในราคาสุดพิเศษเพียงแค่ 1,990 บาทเท่านั้น รวมถึงมีช่องทางขายที่แข็งแกร่งอย่าง TG และ Jaymart
เตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Axon 7 และ Axon 7 mini เดือนสิงหาคม-กันยายนนี้
ในครึ่งหลังของปี 2559 นี้ จะมีเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นั่นคือ Axon 7 และ Axon 7 mini หลังจากที่เปิดตัวไปในงาน Mobile World Congress 2016 เมื่อช่วงต้นปีและเริ่มวางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ในประเทศจีน, ยุโรป และอเมริกา ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่สมาร์ทโฟนตัวแรงล่าสุดในตระกูล Axon จะมาวางขายในประเทศไทย
Axon 7 ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงประจำปีนี้ ที่ออกแบบตัวเครื่องเป็นโลหะทั้งตัว ประกอบขึ้นอย่างสวยงามและปราณีต ด้านหน้าเครื่องมีลำโพงคู่ลวดลายเอกลักษณ์เฉพาะของ Axon ตัวหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้วความละเอียดคมชัดระดับ 2K ส่วนขุมพลังภายในนั้นจัดหนักจัดเต็ม ให้ RAM มาถึง 6 GB หน่วยความจำภายใน 128GB และใช้ CPU เป็นตัวแรง Qualcomm Snapdragon 820 ระบบเสียงใช้เป็น Dolby Atmos ที่ให้คุณภาพเสียงที่ดี ส่วนกล้องถ่ายภาพก็ละเอียดถึง 20 ล้านพิกเซล สำหรับรุ่นนี้ต้องบอกว่าแรงและทำคะแนนบน Antutu ได้ติดอันดับต้นๆ ของสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในขณะนี้
ทางด้าน Axon 7 mini ก็จะเป็นรุ่นเล็กปรับเสปคลงมาเล็กน้อย แต่ยังคงความแรงเอาไว้ หน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว FullHD CPU เป็น Qualcomm Snapdragon 617 หน่วยความจำภายในเครื่อง 32GB RAm 3GB แล้วกล้องหลักความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
สำหรับ Axon 7 เริ่มวางจำหน่ายไปแล้วในต่างประเทศตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วน Axon 7 mini ยังไม่เริ่มวางจำหน่าย สำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้ มีคิวที่จะเปิดตัวในประเทศไทยช่วงเดือนสิงหาคม ถึงกันยายนนี้
ก้าวต่อไปของ ZTE ในประเทศไทย จะไม่ได้มีแค่สมาร์ทโฟน
คุณ Jacky Zhang ได้บอกว่า ในเร็วๆ นี้ จะมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของZTE เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่มเติมจากกลุ่มสินค้าประเภทสมาร์ทโฟน โดยจะเป็นสินค้าในกลุ่มสินค้านวัตกรรม ได้แก่ Zte Spro 2 ที่เป็นเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์ขนาดพกพาที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสขนาด 5 นิ้วและระบบ Android ภายในตัว ทำให้สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นต่างๆ เพื่อใช้งานได้ทั้งงานเอกสาร, พรีเซนเทชั่น, เล่นเกม, ดูภาพยนตร์, ท่องโลกอินเทอร์เนต ฯลฯ แถมยังใส่ซิมหรือเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ด้วย ถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถฉายภาพขนาดใหญ่สูงสุดถึง 120 นิ้ว
และทาง ZTE ก็กำลังจะมีสินค้าเป็นประเภทของแว่น Virtual Reality ด้วยเช่นกัน โดยออกมาเพื่อใช้งานคู่กับสมาร์ทโฟน Axon 7 ตัวแว่นจะมี Gyrosensor แบบ 9 แกนเพื่อตรวจจำการเคลื่อนไหวในเวลาที่สวมใส่ ซึ่งทาง ZTE ได้บอกอีกด้วยว่าตัวแว่น VR และ Axon 7 ได้ถูกออกแบบระบบให้มารองรับกับระบบ Daydream VR ของทาง Google ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย
และในงาน Thailand Mobile Expo 2016 ช่วงวันที่ 29 กันยายน – 2 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ทางZTE ก็จะมีทั้งสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่นจัดมาสำหรับงานนี้ ทั้งรุ่นที่ออกวางจำหน่ายแล้วและที่กำลังจะออกในเร็วๆ นี้ รวมไปถึงอุปกรณ์สินค้าที่เป็นนวัตกรรมก็จะมีมาให้ได้สัมผัสของจริงที่งานนี้ด้วยเช่นกัน
“Imagination & Beyond”
คำนี้คือปรัชญาและวิสัยทัศน์ของZTE ที่ทางคุณ Jacky Zhang บอกกับเราถึงความพยายามและตั้งใจพัฒนาสินค้า ที่ ZTE ไม่ใช่เพียงแค่โรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พวกเขายังมีแผนก Resarch & Develop เพื่อพัฒนานวัตกรรมและสินค้าใหม่อยู่ตลอดเวลา และZTE เองก็มีสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีถืออยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจ Network ซึ่งเป็นอีกธุรกิจหลักของZTE ที่มีความเข็มแข็งมาก การผสานรวมกันระหว่าง Device และ Network ทำให้ ZTEมีความแตกต่างเหนือกว่าผู้ผลิตคู่แข่งหลายๆ เจ้าในตอนนี้
ในอนาคตสำหรับประเทศไทย ZTE จะเดินหน้าสร้างตลาดของสินค้าให้เข็มแข็ง จะมีช็อปในรูปแบบของ Flagship Store ภายในปีนี้ ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญในตัวสินค้าคอยแนะนำและให้ความรู้กับลูกค้า และเป็นการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของZTE ง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้คนไทยสามารถซื้อสินค้าของZTE ได้สะดวกยิ่งกว่าเดิม