หลังจากที่มีการแต่งตั้ง CEO ใหม่นั่นคือ Stephen Elop (สตีเฟ่น อีล็อป) ในเดือน พฤศจิกายน ในปี 2010 ซึ่งถือว่าเป็น CEO คนแรกของ Nokia ที่ไม่ใช่คนฟินแลนด์ (โนเกียเป็นบริษัทที่ถือกำเนิดในประเทศฟินแลนด์มาตั้งแต่ปี 1865 CEO ที่ผ่านทั้งหมดเป็นคนฟินแลนด์) CEO คนใหม่ซึ่งเป็นชาวแคนาดาโดยกำเนิด เป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงจาก Microsoft ก็ได้เข้ามาเพื่อเปลี่ยนแปลง Nokia ให้กลับมาแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดก่อนที่จะสายเกินไป โดยเฉพาะในส่วนของผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน ที่ระบบปฏิบัติการอันเลื่องชื่อในอดีตอย่าง Symbiam ของ Nokia ไม่สามารถจะอยู่ในสถานะที่แข่งขันกับ iOS (iPhone) จาก Apple หรือแม้คลื่นลูกใหม่อย่าง Android ที่นำตลาดโดย Samsung ได้ Nokia ไม่มีทางเลือกมากนัก การจะทำให้ Symbian กลับมาแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นอยู่ดูจะยากมากไม่ต่างกับการเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะข้อจำกัดที่มีมากมาย ขณะที่ OS ใหม่ที่ Nokia จับมือร่วมกับ Intel อย่าง MeeGo ก็เพิ่งออกตัวมาได้รุ่นเดียวนั่นก็คือ Nokia N9 ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้มากนัก แต่ดูเหมือน CEO ใหม่อย่างสตีเฟ่น อีล็อป จะไม่ค่อยเชื่อว่า MeeGo จะนำความสำเร็จมาให้ Nokia ได้ง่ายๆ เพราะในลักษณะของระบบนิเวศน์ (Ecosystem) เพื่อส่งเสริมให้ MeeGo แข็งแรงอย่างที่ iOS หรือ Android เป็นนั้นค่อนข้างยากมาก ทำให้สมาร์ทโฟนอย่าง MeeGo มีแค่ Nokia N9 แค่รุ่นเดียวแล้วก็จบวงจรไป ครั้นจะจับมือกับ Google เพื่อหันไปทำสมาร์ทโฟน Android ที่เริ่มได้รับความนิยมแล้วก็ดูจะไม่มีศักดิ์ศรี และคงไม่มีความแตกต่างอะไรกับ Samsung, LG, HTC หรือผู้ผลิตจีนอื่นๆ ที่มีอยู่มากมาย
ด้วยสายสัมพันธ์อันยาวนานของ สเตเฟ่น อีล็อป ที่เป็นเคยเป็นถึงผู้บริหารเก่าของ Microsoft เป็นจุดเริ่มต้นที่ Nokia หันมามอง Microsoft และ Windows Phone OS อย่างจริงจังมากขึ้น (ที่อดีตเคยเป็นคู่แข่งในสงครามสมาร์ทโฟนกันมาก่อนตั้งแต่ในช่วงต้นของปี 2000) จนมาถึงการตัดสินใจในการประกาศความร่วมมือกันครั้งใหญ่ของ Nokia และ Microsoft ในเดือน กุมภาพันธ์ปี 2011 โดยการร่วมมือกันครั้งนี้ถือว่าเป็นการร่วมกันครั้งสำคัญของสองยักษ์ใหญ่ที่เคยเป็นคู่แข่งเก่าในอดีต แต่กลับหันมาเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน ถ้าว่าไปแล้วทั้งสองบริษัทก็อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะต้องต่อสู้กับสงครามสมาร์ทโฟน Microsoft ก็มองหาพันธมิตรที่เป็นผู้นำตลาดมือถือเพื่อจะผลักดัน Windows Phone ของตนเอง ขณะที่ Nokia ก็มองคำตอบสุดท้ายของระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนที่จะนำให้ตนเองกลับมาสู่ตำแหน่งผู้นำอีกครั้งหนึ่ง โดยทั้งคู่ก็ถือว่าเป็นพันธมิตรที่สำคัญซึ่งกันและกัน Nokia ใช้ Windows Phone ในการเป็น OS หลักของผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนของตนเอง ขณะที่ Microsoft จะได้การสนับสนุนจาก Nokia ไม่ว่าจะเป็น แผนที่อย่าง Nokia Map ระบบ Store ที่มีต้นแบบอย่างดีอย่าง Nokia Ovi น่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Windows Phone Store ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงความสัมพันธ์อันดีที่ Nokia มีกับนักพัฒนาทั่วโลก จะเป็นตัวช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับระบบนิเวศน์สำหรับ Windows Phone ได้ดีกว่าที่เป็นมา เพื่อจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งอื่น ถือว่าเป็นการร่วมมือกันครั้งสำคัญในการเขย่าวงการสมาร์ทโฟน จนกระทั่ง Nokia มีผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนตัวแรกที่เป็น Windows Phone 7.5 Mango ในเดือนตุลาคมปี 2011 อย่าง Lumia 800, Lumia 710 และรุ่นใหญ่อย่าง Nokia Lumia 900 ในต้นปี 2012 และยังมี Lumia 610 ที่เป็น Windows Phone 7.5 Tango รุ่นเล็กสำหรับตลาดล่าง แต่กระนั้นก็เป็นเพียงออเดิร์ฟเริ่มต้นที่ Nokia ได้เริ่มสร้างผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน Windows Mobile ลงตลาด สิ่งที่เป็นเนื้อหนังสำคัญของ Windows Phone กับ Nokia อยู่ที่การมาของ Windows Phone 8 วันนี้มากกว่า…
Windows Phone 8 เทียบกับ Smartphone อื่นๆ
ถ้าพูดถึง Windows Phone 8 แล้วนั้น Windows Phone ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนที่ใหม่ถอดด้ามแต่อย่างใด แต่มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ก่อนปี 2000 นู่น ในอดีตที่กำเนิดมาตั้งแต่สมัยที่ยังมี Palm PDA เป็นคู่แข่ง ยุคนั้นอุปกรณ์จำพวกPDA (Personal Digital Assistant) ที่เรียกกันว่า Windows CE จนมาเป็น Windows Phone ในปี 2000 และเป็นคู่แข่งอันสำคัญของ Symbian มาอย่างช้านาน โดยพื้นฐานของการพัฒนา Windows Phone 7 และ Windows Phone 7.5 นั้นมีพื้นฐานมาจาก Windows CE ทั้งสิ้น แต่แตกต่างจาก Windows Mobile ตรงที่หน้าตา User Interface หรือระบบเมนูนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็แล้วแต่ การมาของ Windows Phone 8 นั้นได้มีการพัฒนาการให้สอดคล้องกับ Windows 8 ที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ นั่นคือเหตุผลที่สมาร์ทโฟนรุ่นก่อนหน้านี้ คือ Windows Phone 7 และ Windows Phone 7.5 จะไม่สามารถอัปเกรดไปสู่ Windows Phone 8 ทั้งด้วยในเรื่องของฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์
อย่างไรก็ตามทั้ง Microsoft และ Nokia ก็ได้พยายามปลอบใจผู้ใช้ Windows Phone 7 และ Windows Phone 7.5 เดิมที่ยังถืออยู่ได้มีการอัปเกรดเครื่องเก่าของตนอยู่บ้าง โดยจะออกเป็นเวอร์ชัน 7.8 โดยจะมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกับ Windows Phone 8 มากขึ้น การที่ Windows Phone 8 มีโครงสร้างพื้นฐาน (Kernel) ที่คล้ายกับ Windows 8 ที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ย่อมมีความได้เปรียบในเรื่องของความเสถียรของระบบปฏิบัติการเอง การจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพดีกว่าระบบปฏิบัติการอื่น (สังเกตว่า Windows Phone 8 ต้องการ CPU แค่ระดับ Dual-Core ก็ทำงานได้ดีแล้ว) รวมถึงเรื่องของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับนักพัฒนา ที่สามารถพัฒนาโดยใช้โครงสร้างคำสั่งที่คล้ายคลึงกันในระดับหนึ่งได้ โดยจะมีความแตกต่างกับAndroid Smartphone ที่มีพื้นฐานของระบบปฏิบัติการจาก Linux OS ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความเสถียรของตัวเอง และกินระบบทรัพยากรของฮาร์ดแวร์ต่ำ นักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับ Android Smartphone ได้อย่างไม่ยาก เพราะใช้โครงสร้างด้านโปรแกรมมิ่งอยู่บนภาษา Java เป็นพื้นฐาน ทำให้นักพัฒนาทั่วโลกสามารถพัฒนาแอพฯ สำหรับ Android ได้สะดวก และง่ายมากกว่าสมาร์ทโฟนอื่นๆ
สิ่งที่เห็นทุกวันนี้ Android Smartphone ที่มาจากค่ายยักษ์ใหญ่ส่วนมาก จะมีการสร้างระบบเมนูของตนเองครอบลงไปอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ Android Smartphone เหล่านั้นเวลาใช้ไปนานแล้วจะมีสภาวะที่หน่วงหรือช้าลงอย่างสังเกตได้ แต่ถ้าใครที่ใช้Android Smartphone จำพวก Nexus Phone จาก Google แล้วจะเห็นได้ว่าจะค่อนข้างมีความเสถียรกว่าเยอะเลยทีเดียว สิ่งที่แตกต่างของ Android Smartphone กับ Windows Phone 8 อีกอย่างก็คือ Android OS นั้นเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนแบบเปิดที่ใครๆ หรือผู้ผลิตใดๆ ก็สามารถเข้ามาพัฒนาได้อย่างที่ต้องการ ทำให้ Android Smartphone นั้นมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดไปอย่างมากตลอดเวลา ไม่ว่าจะมาจากผู้ผลิตระดับโลกหรือผู้ผลิตทั่วไปอย่างโรงงานในประเทศจีนที่สามารถผลิต Android Smartphone ได้ง่ายๆ และมีต้นทุนที่ต่ำมากๆ (เริ่มต้นที่ 50 เหรียญสหรัฐขึ้นไป) แต่ก็มีข้อเสียคือทำให้มีความแตกต่างบนมาตรฐานที่ไม่สามารถควบคุมหรือกำกับได้สำหรับ Android Smartphone ที่มีบนโลกนี้ และมีโอกาสที่จะพบกับปัญหาที่เกิดจากพวก Malware, Virus หรือแม้แต่ระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ ที่จะเป็นช่องโหว่ให้กับ Android Smartphone แตกต่างจาก Windows Phone และ iPhone ที่ทั้งสองระบบถูกสร้างมาบนระบบปิดที่ไม่ยอมให้ใครเอาSource Code ไปใช้ได้อย่างตามใจชอบ โดยเฉพาะ iPhone ที่มี Apple เป็นผู้ผลิตด้วยตนเองโดยไม่อนุญาตให้ใครทำ แต่มุ่งไปที่การทำงานร่วมกับนักพัฒนาในการสร้างแอพฯ ให้มากๆ และเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้มากกว่า ส่วน Windows Phone ของไมโครซอร์ฟนั้นถึงแม้จะไม่ผลิตตัวเครื่องเอง แต่ก็ควบคุมเข้มงวดต่อผู้ผลิตที่นำเอา Windows Phone OS ไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ขายในตลาดอย่างเคร่งครัด สังเกตได้จากการใช้งานต่างของ Windows Phone นั้นจะมีหน้าตาเหมือนกันหมด ไม่มีใครสามารถทำหน้าตาระบบเมนูให้เป็นแบบเฉพาะของตัวเองได้ ไม่เหมือนของ Android Smartphone ที่หน้าตาแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกันเลย
เปลี่ยนใจมาใช้ Windows Phone 8 สมาร์ทโฟน
มีเหตุผลที่น่าสนใจมากมายที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ Windows Phone 8 ที่อาจช่วยคุณตัดสินใจว่าทำไมควรจะหันมาใช้ Windows Phone 8 สมาร์ทโฟน
- ใช้ Kernel พื้นฐานเดียวกับระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ และยังมีหน้าตาของระบบเมนูที่เหมือนกันทำให้การใช้งานคู่กันระหว่าง Windows Phone 8 สมาร์ทโฟนกับ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต Windows 8 ได้อย่างง่ายดาย โดยการล็อคอินบนแอ็คเคาท์ Hotmail, Live, Outlook ร่วมกันทำให้สิ่งที่คุณจะจัดการไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรือรูปภาพบน Sky Drive จะมีสถานะเหมือนกันเสมอทั้งบนสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือจะเป็นสถานะบนสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Twitter ก็ทำงานได้อย่างลงตัวและอัพเดตอย่างทันท่วงทีอยู่ตลอด
- Microsoft Office บน Windows Phone 8 ช่วยให้การใช้งานด้านเอกสารบนสมาร์ทโฟน หมดปัญหาในเรื่องของความเพี้ยนของตัวเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นไฟล์แบบ Excel, Word, Powerpoint เหนือกว่าสมาร์ทโฟนอื่นๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ยังสามารถเก็บไฟล์เอกสารร่วมอยู่บน Sky Drive ได้อีกด้วย
- Skype ที่ทำงานได้อย่างสะดวก และลงตัวกว่าสมาร์ทโฟนใดๆ เปรียบเหมือนคุณใช้ Skype แทนฟังก์ชั่นโทรศัพท์ของคุณเลยทีเดียว ช่วยให้การติดต่อสื่อสารแบบทางเลือกเป็นไปได้อย่างง่ายดาย บนเทคโนโลยี VoIP (Voice Over Internet Protocol) หลายๆ คนไม่เคยใช้ Skype มาก่อน ก็ต้องบอกว่าขอแนะนำจริงๆ ช่วยได้มากทีเดียว โดยเฉพาะเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศแล้วไม่อยากเสียเงินเยอะๆ กับการโทรศัพท์ข้ามจากต่างประเทศมา ใช้ผ่านระบบ Internet ช่วยประหยัดเงินให้คุณได้เยอะมาก
- ระบบเมนู User Interface ที่ง่ายและลงตัวอย่างสุดๆ ด้วยระบบ Live Tile เมนู ช่วยให้การแสดงผลสำหรับแอพฯ ที่ใช้ประจำหรือฟังก์ชั่นที่จำเป็นสำหรับคุณ ดูเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการบริหาร ไม่ปวดหัวสำหรับทั้งมือเก่าหรือมือใหม่ที่เพิ่งหันมาใช้สมาร์ทโฟนก็ตาม
- การจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยความที่ใช้ Kernel พื้นฐานของระบบปฏิบัติการร่วมกับ Windows 8 ทำให้การทำงานของ Windows Phone 8 นั้นไม่จำเป็นจะต้องมีฮาร์ดแวร์ระดับเทพแต่อย่างใด ใช้ CPU ระดับ Dual-Core CPU ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดีแล้ว ทำให้ผู้ผลิตสามารถหันไปใช้ต้นทุนสำหรับสิ่งที่จะเป็นอย่างอื่นแทนเช่น หน้าจอ หรือ กล้อง เป็นต้น
ทำไมถึงควรเลือก Windows Phone 8 Nokia (Lumia 920)
ด้วยการเป็นพันธมิตรกันระหว่าง Nokia และ Microsoft ทำให้ Nokia เตรียมการมาอย่างดีในการพัฒนา Windows Phone 8 ต้องมีความพิเศษอยู่อย่างแน่นอน เพื่อความแตกต่างของ Windows Phone 8 ของผู้ผลิตอื่นๆ
- เทคโนโลยีหน้าจอ PureMotion HD+ ช่วยให้ได้เห็นมุมมองที่กว้างขึ้นกว่าหน้าจอ HD ที่พบได้จากสมาร์ทโฟนอื่นๆ ผสานกับหน้าจอแบบใหม่ที่มีความไวต่อการสัมผัส (Super Sensitive) สามารถใช้ได้กับคนที่ใส่ถุงมือในฤดูหนาวโดยไม่ต้องถอดถุงมือออกมาเพื่อรับสายหรือส่งข้อความ สุภาพสตรีที่ไว้เล็บยาวก็สามารถใช้เล็บในการกดสัมผัสหน้าจอได้ หรือจะใช้กุญแจในการเลือกกดคำสั่งบนหน้าจอ ก็ทำได้โดยหน้าจอก็ไม่เป็นรอยด้วยกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass 2 นอกจากนี้จอแบบใหม่ของ Nokia ยังตอบสนองได้ไวกับการแสดงผลที่รวดเร็วอย่างการชมภาพวิดีโอที่มีความเร็วระดับ 60 เฟรมต่อวินาที โดยไม่มีการเบลอของภาพแต่อย่างใด
- เทคโนโลยีกล้อง PureView กล้องสามารถเปิดรูรับแสดงได้ดีกว่ากล้องสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น (F/1.8) ช่วยให้การถ่ายภาพนิ่งมีคุณภาพที่คมชัดสูง รวมถึงเทคโนโลยี Floating Lens ทำให้สามารถรองรับการป้องกันการสั่นไหวด้วยเลนส์ (Optical Image Stabilization) เมื่อทำการถ่ายภาพวิดีโอด้วยความละเอียดสูง ปกติจะหาได้จากกล้องระดับ DSLR เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อย่าง Smart shoot ที่ให้คุณสามารถเลือกภาพที่ดีที่สุดสำหรับทุกๆ คนที่อยู่ในภาพเดียวกัน หรือจะเป็นฟีเจอร์อย่าง Cinamagraph ที่ให้ภาพของคุณมีชีวิตชีวากว่าการถ่ายภาพแบบปกติ เพราะภาพที่คุณได้จะมีการเลือกพื้นที่ให้เคลื่อนไหวได้บางส่วน (คล้ายๆ กับภาพ Animated GIF)
- Wireless Charging + NFC ด้วยเทคโนโลยีไร้สายที่ก้าวล้ำหน้านำหน้าไปอีกขั้นทำให้คุณสามารถชาร์จสมาร์ทโฟนของคุณโดยไม่ต้องเสียบสายชาร์จเข้าเครื่องโดยตรง ช่วยยืดอายุการใช้งานของช่อง Micro USB Connector ไปได้ แต่แค่วางไว้บนแท่นชาร์จไร้สายก็สามารถชาร์จไฟให้เครื่องของคุณแล้ว นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับอุปกรณ์ NFC อื่นๆ เช่นลำโพงไร้สาย NFC ของ Nokia ทำให้การแตะแล้วเล่น ทำได้อย่างสะดวกง่ายดาย ขณะที่สมาร์ทโฟนของคุณก็ชาร์จไฟไปในเวลาเดียวกัน
- Nokia Maps, Nokia Drive+, Nokia City Lens สามสิ่งนี้ช่วยให้ชีวิตเดินทางคุณเป็นอย่างสะดวกและง่ายดายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน Nokia Maps ช่วยให้คุณหาสถานที่ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วย POI (Point of Interest) ที่มีอย่างครบถ้วน Nokia Drive+ ช่วยนำทางให้คุณถึงที่หมายด้วยระบบ Navigator ที่สามารถพูดภาษาไทยได้ในการนำทางให้คุณ ไม่ว่าจะใช้สำหรับการนำทางด้วยรถยนต์ หรือแม้กระทั่งการเดินเท้าไปในที่ต่างๆ Nokia City Lens ช่วยให้คุณสามารถค้นหาสถานที่ต่างๆ ภาพกล้องได้อย่างอัจฉริยะ เพียงยกกล้องมองไปยังทิศต่างๆ รอบตัวคุณ แค่นี้ก็สามารถรู้ได้ว่ารอบๆ ตัวคุณมีอะไรให้คุณเลือกหาได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร โรงแรม สถานที่ช้อปปิ้ง โรงภาพยนตร์ และอื่นๆ
- แอพพลิเคชั่นสำหรับผู้ใช้ชาวไทย Nokia ได้ร่วมมือกับนักพัฒนาชาวไทย เพื่อพัฒนาแอพฯ ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแอพฯ ไทยอย่าง แอพฯ ไทยทีวีสีช่อง 3, TV Thailand, Travel Thailand, My Sukjai, แอพฯ ครอบครัวข่าว 3, Me, Volet, MYDolls และยังมีแอพฯ ต่างๆ ให้เลือกอีกมากมายกว่า 120,000 แอพฯ จากกทั่วโลก ซึ่งรวมถึงแอพฯ ที่เป็นที่นิยมอยู่บนสมาร์ทโฟนอื่นๆ อย่าง Line, WhatsApp, Facebook, Twitter, Instagram (เร็วๆนี้) และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมให้คุณดาวน์โหลดไปใช้ได้แล้ว จุดเด่นอีกอย่างก็คือ แอพฯ ไหนที่เป็นแอพฯ แบบต้องเสียเงินซื้อ คุณสามารถทำการลองโหลด (Try) ไปเล่นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อไปใช้ได้ทุกแอพฯ
- วัสดุที่แข็งแรงบนดีไซน์ที่ลงตัว Nokia Lumia 920 ถูกสร้างมาด้วยวัสดุอย่าง Polycarbonate ให้โครงสร้างที่แข็งแรงกว่าสมาร์ทโฟนใดๆ ในตลาด รวมถึงกระจก Corning Gorilla Glass 2 ที่ป้องกันการขูดขีดได้ดีกว่าเทคโนโลยีเดิมหลายเท่า เพื่อให้คุณมั่นใจว่าสมาร์ทโฟนของคุณจะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ตลอดอายุการใช้งานเลยทีเดียว
- ยี่ห้อ “Nokia” ด้วยตราสินค้า แบรนด์ Nokia ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเด็กหรือว่าผู้ใหญ่ เชื่อได้ว่าล้วนแล้วแต่เคยมีโทรศัพท์มือถือ Nokia มาก่อน Nokia ให้คุณมั่นใจได้เสมอในคุณภาพและบริการ เพราะถ้าไม่ดีจริง Nokia ก็คงไม่ยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้หรอกนะ จริงไหมล่ะครับ
สุดท้ายนี้ก็อยากให้หลายๆ ท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนตัวใหม่ให้ตัวเองหรือคนที่ใกล้ชิด ได้ลองสัมผัสประสบการณ์การใช้งาน Windows Phone 8 ดูบ้าง บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่คุณกำลังค้นหาอยู่ก็เป็นได้
สำหรับแฟนๆ ท่านใดที่มีคำถาม สามารถติดตามมาได้ที่ twitter ของผม @peter2514 นะครับ ส่วน facebook ตามมาได้ที่ www.facebook.com/Peerapol ได้นะครับ แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะครับ