หลังจากที่เทคโนโลยีกล้องบนสมาร์ทโฟนในท้องตลาดหายคึกคักไปนาน รอบนี้หัวเว่ยกลับมาทวงบัลลังก์ของสมาร์ทโฟนกล้องเทพระดับเรือธงอย่าง HUAWEI Mate 50 series เขย่าวงการด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับขนาดรูรับแสงที่ปรับได้ 10 ขนาดด้วยระบบฮาร์ดแวร์ เก็บภาพสวยในทุกสภาพแสงด้วยค่ารูรับแสงตั้งแต่ F1.4 ถึง F4.0 ultra-large aperture พร้อมกับการปรับแต่งค่าโทนสีของภาพที่ใช่ตามสไตล์ XMAGE นอกจากนั้นยังจัดเต็มกับโหมดกล้องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็เทคโนโลยีการซูมระยะรวมสูงสุด 200 เท่า การถ่ายภาพนิ่งและเคลื่อนไหวแบบมาโครที่สามารถนำผลลัพธ์ที่ได้มาใช้งานได้จริง HUAWEI Mate 50 Pro สามารถรองรับการใช้งานตลอดวันด้วยแบตอึด 4700 mAh แถมชาร์จไวด้วย 66W HUAWEI SuperCharge และยังมีอีกทางเลือกกับ HUAWEI Mate 50 ที่ยังมีไฮไลต์โดดเด่นที่รู้แล้วต้องร้องว้าวอีกเพียบ มีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย!
และระบบปฏิบัติการ EMUI 13 ซึ่งอำนวยความสะดวกในการโต้ตอบอันชาญฉลาดและราบรื่นมากกว่าที่เคย ร่วมสร้างความประทับใจทั้งตระกูล
เก็บโมเมนต์ประทับใจในวันสำคัญได้ทั้งกลางวันและกลางคืนด้วย Ultra Aperture XMAGE camera เลนส์ F1.4
ครั้งแรกของสมาร์ทโฟนหัวเว่ยที่มาพร้อมกล้อง Ultra Aperture เลนส์รูรับแสงทางกายภาพขนาดใหญ่ F1.4 ที่สามารถปรับได้ 10 ระดับ คือ 1.4/1.6/1.8/2.0/2.2/2.5/2.8/3.2/3.5/4.0 มอบผลงานภาพหน้าชัดหลังเบลอได้สวยกริบ โดยทำงานร่วมกับ XD Fusion Pro เพื่อกำหนดความสว่างของภาพ รายละเอียดแสงและเงา รวมถึงการเปรียบเทียบโทนความอบอุ่นเพื่อสร้างมุมมองที่ถูกต้องแบบกล้อง SLR HUAWEI Mate 50 Series ยังเป็นสมาร์ทโฟนแห่งการถ่ายภาพชั้นนำของอุตสาหกรรม รองรับโหมดการถ่าย 8 โหมด ได้แก่ True-Chroma Shot, Super Night, Telephoto Shot, Cinematic-like, Super Macro, Fine Portrait, Large-dynamic-range และ Snapshot ซึ่งช่วยจับภาพในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตได้แบบไม่มีพลาด เก็บรายละเอียดภาพถ่ายกลางคืนหรือที่ที่มีแสงน้อยได้อย่างครบถ้วนคมชัด สีสันสดใส และคอนทราสต์แม่นยำ ด้วยรูรับแสงขนาดใหญ่พิเศษ F/1.4 และเซ็นเซอร์ RYYB โดย HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบไปด้วย กล้อง 50MP Ultra Aperture รับแสงมากขึ้น 24%[1] กล้อง Periscope ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์แบบ RYYB ที่มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS รองรับการซูมภาพระยะรวมถึง 200 เท่า ทำให้สามารถถ่ายภาพของยอดภูเขาได้อย่างสบาย ๆ และกล้องแบบ Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่รองรับการถ่ายภาพระยะใกล้ในตัว พร้อมเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เพื่อช่วยถ่ายภาพโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Focus Sensor, Proximity Light Sensor และ 10-channel multispectral sensor เพื่อช่วยวัดแสง ถ่ายทอดรายละเอียดสีสัน และช่วยในการละลายฉากหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดย ทํางานร่วมกับเอ็นจิ้นภาพ XD Fusion Pro และ XD Optics เพื่อรักษาความสว่างและความคมชัดยิ่งขึ้น ด้าน HUAWEI Mate 50 มาพร้อมกับระบบกล้องหลังจำนวน 3 ตัว ประกอบไปด้วย กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, กล้อง Periscope Zoom ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับการซูมภาพระยะรวม 100 เท่า และกล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์แบบ RYYB เช่นกัน รวมถึงระบบ Laser Focus ที่ช่วยให้โฟกัสภาพได้อย่างแม่นยำ
คุณภาพวิดีโอสุดล้ำกับ Super Macro เจาะรายละเอียดเล็กถึงใจ พร้อมการเบลอในแสงน้อยที่ดียิ่งกว่า
ฝั่งงานวิดีโอก็ไม่น้อยหน้ามีฟังก์ชั่น Large Aperture Video Blur ที่ช่วยยกระดับการเบลอผ่านการถ่ายวิดีโอได้ง่ายๆ โดยสามารถเข้าไปที่โหมดโปรแล้วเลือกถ่ายวิดีโอ ซึงขณะถ่ายวิดีโอสามารถปรับค่า F ได้แบบเรียลไทม์ ต่อด้วย Ultra HD Low-light Video ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายวีดีโอในที่ที่มีแสงน้อยให้ดีมากยิ่งขึ้น และ Wide-angle Time lapse Video ถ่ายภาพ หรือ วิดีโอในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งโดยใช้การเร่งความเร็ว
ส่วนใครที่ชอบถ่ายแบบเจาะรายละเอียด HUAWEI Mate 50 Series มาพร้อมเลนส์ Super Macro ระยะโฟกัส 2.5 เซนติเมตร ซัพพอร์ตทั้งฟังก์ชั่น Super Macro Video บันทึกวิดีโอสวยงามอันสวยงาม สามารถเก็บรายละเอียดที่มองไม่เห็นด้วยความแม่นยําได้อย่างน่าทึ่ง ขณะที่ Wide-angle Macro Video จะบันทึกวิดีโอมาโครมุมกว้าง สะท้อนมุมมองของรายละเอียดระยะใกล้ได้อย่างดี
แบตเตอรี่อึด ชาร์จไว Stand by เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจที่ยาวนานตลอดวัน
HUAWEI Mate 50 Series บรรจุแบตเตอรี่สูงสุด 4700mAh[2] ภายในตัวเครื่องอันบางเฉียบ โดย HUAWEI Mate 50 มาพร้อมแบต 4460mAh นำเสนอโซลูชันการชาร์จเร็วทั้งแบบมีสาย 66W HUAWEI Super Charge และไร้สาย 50W[3] เพื่อสร้างสมดุลที่เหมาะสมระหว่างอายุการใช้งานแบตเตอรี่ การชาร์จเร็ว ตลอดจนการพกพา มั่นใจได้ว่ายังใช้งานได้ดีแม้ผ่านการใช้งานอย่างเข้มข้น เสริมด้วยเทคโนโลยี SuperCharge แบบหลายช่องสัญญาณล่าสุดเพื่อประสิทธิภาพการชาร์จที่สูงขึ้นและการควบคุมความร้อนที่ดีขึ้นอีกด้วย ไฮไลต์สำคัญกับนวัตกรรมโหมดฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบในปัจจุบัน โดย HUAWEI Mate50 Series ได้เปิดตัวโหมดฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำ ซึ่งรวมแบตเตอรี่สเปกสูงเข้ากับอัลกอริธึม EMUI 13 อันทรงพลังและเทคโนโลยี SuperEnergy Boosting เมื่อระดับแบตเตอรี่ลดลงถึง 1% SuperEnergy Boosting จะรวมพลังงานที่เหลืออยู่ภายใต้โหมดฉุกเฉินแบตเตอรี่ต่ำ ซึ่งไม่ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่เสียหาย ขณะที่สมาร์ทโฟนสามารถรองรับการสแตนด์บายได้ถึง 3 ชั่วโมงหรือการโทรนานถึง 12 นาที[4]
ปลดล็อคการทำงานแบบใหม่ด้วย Super Device Experience empowered by EMUI 13
เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ใครได้ลองใช้ก็ต้องร้องว้าว กับ Super Device Experience empowered by EMUI 13 ระบบปฎิบัติการที่ยกระดับขีดความสามารถในการำงานให้หลากหลายมากขึ้น ประกอบไปด้วย
- SuperHub: ความสามารถในการถ่ายโอนไฟล์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยสามารถกดข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และไฟล์ใดๆ ค้างไว้ แล้วลากไปที่หน้าต่างลอยของ SuperHub เพื่อจัดเก็บไฟล์ชั่วคราว จากนั้นสามารถเปลี่ยนไปใช้แอปฯ อื่น และเลือกไฟล์ภายใน SuperHub เพื่อการคัดลอกและวางที่ราบรื่น ซึ่งถ่ายโอนได้หลายไฟล์ในเวลาเดียวกันระหว่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และพีซีได้เช่นกัน
- Super Device: การเชื่อมต่อที่เรียบง่ายผ่านการ ‘ลากเพื่อเชื่อมต่อ’ ในวิดเจ็ต Super Device ใต้แผงควบคุมของ HUAWEI Mate 50 Series ไอคอนของสมาร์ทโฟนจะ Pop-Up ขึ้นมา ล้อมรอบด้วยอุปกรณ์อื่นๆ เช่น แท็บเล็ต พีซี สมาร์ทหน้าจอ ลำโพง ฯลฯ การเชื่อมต่อทำได้ง่ายเพียงแค่ลากไอคอนของอุปกรณ์หนึ่งไปยังไอคอนสมาร์ทโฟนที่แสดงถึง HUAWEI Mate 50 Series เพื่อเชื่อมต่อทั้งสองเครื่องเข้าด้วยกัน เพียงเท่านี้การแบ่งปันเนื้อหาและข้อมูลก็ทำได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
- Smart Service Widgets & Stack Widgets: ด้วยความสามารถของ EMUI 13 สามารถเพิ่มขนาดไอคอนแอปฯ บน Widget ให้ใหญ่ขึ้นได้ตามต้องการ รวมถึงออกแบบการแสดงผลของข้อมูลผ่านหน้าจอได้เช่นกัน อย่าง Fitness and Health Service Widget ที่เลือกแสดงข้อมูลการนับก้าวได้ทันทีบนหน้าไอคอนโดยไม่ต้องกดเข้าแอป เป็นต้น ด้าน Stack Widgets ช่วยสร้างเค้าโครงเดสก์ท็อปโดยการจัดเรียงการ์ดในแบบที่ชอบ รวมถึงสร้างแอปฯ ที่สนใจในรูปแบบของ waterfall flow ซึ่งเรียกดูได้จากการปัดขึ้นและลงตามต้องการ นอกจากจะเพิ่มพื้นที่เดสก์ท็อปให้มากขึ้นแล้ว ยังทําให้หน้าจอเป็นระเบียบมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้หัวเว่ยยังคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปกป้องความเป็นส่วนตัวเสมอ ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรม ทำให้ HUAWEI Mate 50 series ที่มาพร้อมระบบปฎิบัติการ EMUI 13 มีฟังก์ชันการปกป้องความเป็นส่วนตัวของรูปภาพ Image Privacy Protection ซึ่งสามารถลบข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของรูปภาพได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ต้นทางก็จะไม่เปิดเผยไปยังปลายทางเมื่อแชร์ข้อมูลหรือรูปภาพให้กับคนอื่น ตามมาด้วย Privacy Center แดชบอร์ดทั่วไปสำหรับผู้ใช้เพื่อดูพฤติกรรมการใช้งานของแอปพลิเคชันทั้งหมด เพื่อแนะนำการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวกับแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมี Security Center ที่สามารถตรวจสอบสถานการณ์ความปลอดภัยของอุปกรณ์ได้ตลอดเวลา เช่น App Lock, Password Vault, File Safe, Find Device เป็นต้น
เซอร์ไพรส์กับประสิทธิภาพการใช้งานเหนือชั้นระดับมาสเตอร์พีซ
ราบรื่นตลอดการใช้งานด้วยคุณสมบัติขั้นเทพที่ช่วยให้การเล่นสมาร์ทโฟนลื่นไหลได้ตลอดวัน
- SuperHold: เริ่มต้นไวและคงไว้ซึ่งความรวดเร็วในการเปิด-ปิดแอป ช่วยทั้งการทำงานที่ว่องไว และการท่องเว็บได้อย่างไม่สะดุด
- SuperRender[5]: ปกติหลังจากเรียกใช้เกมอัตรารีเฟรชสูงเป็นเวลา 15 นาที สมาร์ทโฟนทั่วไปจะล่าช้าหรืออัตราเฟรมลดลงหรือเครื่องจะร้อน แต่ HUAWEI Mate 50series เล่นได้นานขึ้นด้วยอัตราเฟรมเรทที่สูงและเสถียรยิ่งกว่าเคย เพราะมาพร้อมเทคโนโลยีการคาดการณ์ระหว่างเฟรมระดับพิกเซล ซึ่งช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของสมาร์ทโฟนและการใช้พลังงานได้อย่างดีเยี่ยม
- SuperStorage: สมาร์ทโฟนจะช่วยประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูลได้สูงสุด 20 GB[6] พร้อม ROM 256 GB โดยการซ้อนไฟล์ที่ซ้ำกัน บีบอัดแอปที่ใช้น้อย และตัดการดาวน์โหลดซ้ำที่ไม่จำเป็น ทำให้มีพื้นที่มากขึ้นสำหรับภาพถ่ายและวิดีโอจำนวนมาก
ลงตัวในทุกมิติกับความงามแบบคลาสสิกผ่านลวดลายพีระมิด Clous de Paris และดีไซน์วงแหวนล้ำสมัย
HUAWEI Mate 50Series มาพร้อมการนำรูปแบบ Clous de Paris ที่มีลักษณะเหมือนพีระมิดฐานสี่เหลี่ยมปลายแหลมทับซ้อนกัน ที่มักถูกนํามาใช้ในครื่องประดับหรูหรา เช่น นาฬิกาข้อมือเพชรพลอย และเครื่องประดับอื่นๆ ผสมผสานการออกแบบ Space Ring เข้ากับการออกแบบที่สมมาตร เผยให้เห็นพื้นผิวที่ดูสะดุดตาในทุกสภาพแสง กระบวนการที่ละเอียดทำให้โมดูลกล้องของ HUAWEI Mate 50Series สวยงามคล่องตัว ตลอดจนเพิ่มพื้นที่ว่างและสร้างความงามแบบเลเยอร์รูปแบบใหม่ได้อย่างไร้ที่ติ ขณะที่วัสดุด้านหลังของ HUAWEI Mate 50 Series ผลิตจากกระจกคุณภาพสูง ขึ้นชื่อในเรื่องความแฃ็งแรงทนทานและให้สัมผัสที่พรีเมียม มาพร้อม 2 สี ได้แก่ Sliver และ Black
HUAWEI Mate 50 Series สะท้อนสีสมจริงในทุกรายละเอียด เพราะรองรับช่วงสีกว้าง P3 และการหรี่แสงด้วย PWM ความถี่สูง 1440Hz ช่วยลดการสั่นไหวของหน้าจอ ถนอมสายตาจากความเมื่อยล้าและมอบประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อดวงตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้แสงสลัว นอกจากนี้ยังรองรับการกันน้ำระดับ IP68[7] ที่ความลึกสูงสุด 2 เมตรใต้น้ำอีกด้วย ทำให้สามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมที่ชื้นและมีฝุ่นได้อย่างง่ายดาย ด้าน HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.74 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช 120 Hz ขณะที่ HUAWEI Mate 50 นั้นมีขนาดหน้าจอ OLED อยู่ที่ 6.7 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช 90 Hz
HUAWEI Mate 50 Pro มาในราคา 43,990 บาท และ HUAWEI Mate 50 ราคา 36,990 บาท และติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์อันน่าตื่นเต้นได้ในวันที่ 23 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2565 สำหรับผู้ที่สั่งจองช่วงพรีออเดอร์รับฟรี HUAWEI Sound Joy มูลค่า 4,999 บาท พร้อมด้วยการใช้งานแอปพลิเคชันฟรี HUAWEI Mobile Cloud Storage 200 GB 6 เดือน HUAWEI Music Premium 3 เดือน HUAWEI Video VIP 1 เดือน และ HUAWEI Video Movie Pass 2 เดือน มูลค่ารวม 1,180 บาท รีบต่อคิวเป็นเจ้าของก่อนใครได้ที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada และแอปพลิเคชัน My HUAWEI
ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Facebook Huawei Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน AppGallery
หมายเหตุของสมนาคุณ
- หัวเว่ยสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงประเภทของแถมเป็นของขวัญที่มีมูลค่าใกล้เคียงกัน โดยจะต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- ของแถมในกิจกรรมนี้ให้สิทธิ์ตามลำดับก่อน–หลังจนกว่าของจะหมด
[1] เมื่อเทียบกับ HUAWEI Mate 40 Pro ข้อมูลอ้างอิงจากผลการทดสอบของ Huawei Lab
[2] ค่าปกติ ความจุสูงสุดของแบตเตอรี่คือ 4600mAh
[3] 66W คือกำลังการชาร์จสูงสุด และสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเมื่อใช้ที่ชาร์จและสาย HUAWEI SuperCharge เฉพาะ 66W เท่านั้น 50W คือพลังงานการชาร์จแบบไร้สายสูงสุด และสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเมื่อใช้แท่นชาร์จไร้สาย HUAWEI SuperCharge (สูงสุด 50W) ซึ่งเป็นการซื้อแยกต่างหาก ประสิทธิภาพการชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไป
[4] ข้อมูลมาจาก Huawei Labs
[5] จำเป็นต้องมีการปรับแต่งเกมที่เล่น โปรดพิจารณาจากการใช้งานจริง
[6] ข้อมูลมาจาก Huawei Labs และอิงตามการทดสอบกับรุ่น HUAWEI Mate 50 Pro ROM 256 GB
[7] การกันน้ำระดับ IP68 ทำการทดสอบในห้องแล็บ โดยการกันน้ำจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริงอีกครั้ง อาจจะกันได้มากน้อยเมื่อใช้งานในบางสถานการณ์ ไม่แนะนำให้ชาร์จสมาร์ทโฟนในที่ชื้นและเปียก อุณหภูมิในน้ำและสมาร์ทโฟนต้องต่างกันไม่ถึง 5 องศาเซลเซียส