ในแถบเอเชียมีแอพฯ ด้านค้นหาเพื่อนใหม่ๆ หรือจับคู่ผ่านแอพพลิเคชั่นอยู่หลายราย วันนี้เรามาฟังมุมมองของ Dipify หนึ่งในตัวแทนจากไทย ผู้พัฒนาแอพฯ หาคู่จาก “ความสนใจร่วมกันด้วยการดูวิดีโอ” ว่ามีมุมมองของตลาดแอพฯ แนวนี้อย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวและประวัติคร่าวๆ ของ Dipify?
สวัสดีครับผม คริส CEO ของ Dipify ผมเคยทำงานในอีเว้นท์แนวจับคู่ที่ฝรั่งเรียกกันว่า “Singles Events” ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งที่แคนนาดา โดยทำหน้าที่หลักอย่างการสร้างและอิมพลีเม้นต์งานนี้ สนับสนุนให้คนที่มางานมีปฏิสัมพันธ์กันและหาคนที่มีความสนใจตรงกันผ่านทางกิจกรรมต่างๆ สำหรับท่านอื่นๆ ในทีมเราประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายแขนง ซึ่งเข้าใจลักษณะของผู้คนอีกทั้งรู้วิธีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในการทำกิจกรรมร่วมกัน และอีกส่วนหนึ่งของทีมนั้นประกอบไปด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทั้ง iOS, Android และเว็บไซต์
Dipify คืออะไร? ทำไมคุณถึงสร้างบริการนี้ขึ้นมา?
Dipify เป็นบริการจับคู่ผ่านทางแอพฯ บนมือถือและเว็บไซต์ โดยใช้หลักเกณฑ์พื้นฐานของแต่ละบุคคล และการทำกิจการต่างๆ ในโลกโซเชียลแบบเรียลไทม์ที่คล้ายคลึงกัน เช่นการดูวิดีโอผ่าน YouTube หรือความชอบที่เหมือนๆ กันในตัวโพสของ Facebook เรานำเสนอวิธีการใหม่ๆ ในการจัดคู่ พูดคุย พบปะคนที่ใช้ในเวลาที่เหมาะสม
เราได้สร้างบริการนี้ขึ้นมาเพราะเราเห็นว่า Singles’s events กิจกรรมแบบนี้ขยายตัวได้ยาก ค่าใช้จ่ายของสมาชิกค่อนข้างสูงเลยทีเดียวนั่นคือประมาณ 5,000 เหรียญสหรัฐฯ /ต่อปี จึงทำให้หลายๆ คนไม่สามารถจะจ่ายได้ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะทำแอพฯ ที่มีระบบการจับคู่ที่เป็นลักษณะเฉพาะของเราเอง พร้อมเปิดให้ใช้ฟรีครับ
ปัจจุบัน Dipify ใช้โมเดลแบบ Freemium รายได้หลักจะมา In-App Purchase อาทิเช่น Filters (กรุ๊ปเลือด), Virtual Products (สติ๊กเกอร์น่ารักๆ) ในแอพฯ และเว็บไซต์ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงรสนิยม ความชื่นชอบและคนกลุ่มไหนที่พวกเขาอยากพบ ในขณะที่แต่ละ Premium Feature จะมีราคาตั้งแต่ระดับ 1.99 เหรียญฯ ไปจนถึง 9.99 เหรียญฯ และสำหรับ Free user จะเห็นโฆษณาบนมือถือซึ่งเป็นที่มาของรายได้อีกช่องทางหนึ่งของเรา นอกจากนี้เราจะมีรายได้ที่มาจากการโฆษณาแบบทั่วๆ ไป, แบบกำหนดเป้าหมายและแบบ Affiliate จากคู่แข่งของเราในวันที่เรามีฐานผู้ใช้ที่มากขึ้น
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการพัฒนาแอพฯ แนวจับคู่ค่อนข้างมาก อะไรคือจุดเด่นของคุณ?
ในธุรกิจการจับคู่และการเดทนั้น จะมีการทับซ้อนกันในตลาดกันอยู่ นั่นก็คือผู้ใช้งานไม่ได้ใช้แค่บริการใดบริการหนึ่งในคราวเดียว พวกเขาสามารถใช้หลายแอพฯ ได้เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาคนที่ใช่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นอกจากนี้บริการจับคู่อื่นๆ ผู้ใช้จะถูกจับคู่กับคนจำนวนมากและจะต้องใช้เวลานานในการพยายามหาบุคคลที่ต้องการเริ่มต้นการสนทนาด้วย
ความต่างของเราก็คือ Dipify จะจับคู่และแนะนำผู้ใช้ให้กับคนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม และนำเสนอจุดเริ่มในการสนทนาออนไลน์ที่เหมาะสม Dipify สะดวกและใช้งานง่าย โดยผู้ใช้ต้องทำการเชื่อมต่อโซเชียลมีเดียของพวกเขาก่อนและเริ่มต้นทำกิจกรรมต่างๆ ทางออนไลน์เหมือนดังเช่นปกติ ในกรณีที่มีคนทำสิ่งที่คล้ายๆ กันในเวลาเดียวกัน Dipify จะทำหน้าที่เป็นเสมือนเพื่อนที่จะแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ว่ามีคนที่ควรพบนะ ตัวอย่างเช่นเมื่อมีคนดูวิดีโอ YouTube เดียวกัน และการ Check in บน Facebook หรือแม้กระทั่งการกดไลค์โพสบน Facebook ในเวลาเดียวกัน บุคคลที่เราสนทนา ณ ขณะนั้นจะได้รับรู้ด้วย
Dipify มุ่งเน้นไปที่การเชื่อมปฏิสัมพันธ์ผ่านการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของแต่ละคน และตั้งใจที่จะหาวิธีการใหม่ในการช่วยผู้คนเริ่มต้นการสนทนาและสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว
แนวโน้มของธุรกิจนี้เป็นอย่างไร? ประเทศใดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีแนวโน้มจะใช้แอพฯ หาคู่มากที่สุด?
จากสิ่งที่พวกเรารู้ แนวโน้มในการใช้บริการออนไลน์ลักษณะนี้มีสูงขึ้น ตัวแอพฯ มีการดาวน์โหลดเป็นจำนวนมากจนกระทั่งพวกเขาจะหาคนที่ใช่สำหรับเขา ทั้งสิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์และไทยมีการเปิดรับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น จึงมีคนนิยมใช้บริการจัดหาคู่กันมากขึ้น ซึ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นอินโดนีเซียเนื่องด้วยจำนวนประชากรที่มากที่สุดประเทศหนึ่งนั่นเอง
ในความคิดของคุณนั้นจุดเริ่มต้นที่ยากที่สุดสำหรับการเป็น Startup คืออะไร? คุณทำอย่างไรในการแก้ไขกับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้น
ส่วนที่ยากที่สุดของ Startup คือการหาคนที่เหมาะสมกับการทำงานรวมถึงการจัดการทีมงาน Startup ไม่ค่อยมีคนพูดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ การจัดการกับความคาดหวังของผู้คนเป็นเรื่องที่ท้าทายที่สุด ความสำเร็จของทีมนั้นต้องอาศัยความซื่อสัตย์และความจริงใจด้วย
Start up ต้นแบบของคุณคือใคร เพราะอะไร?
Mark Cuban เขาคือนิยามของคำว่า Hustler ซึ่งเขาเป็นหนึ่งใน Hustler ที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลก อีกทั้งยังเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกด้วยการเริ่มต้นเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่อายุ 12 ปี
แผนถัดไปในตลาดไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างไร?
แผนต่อไปของ Dipify คือการเปิดตัวในไทยอย่างเต็มตัว เป็นตลาดที่เราเริ่มต้นและรับฟัง Feedback ของผู้ใช้เพื่อนำมาปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน จากนั้นเราวางแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ประเทศอินโดนีเซียและไต้หวัน ซึ่งตอนนี้พวกเราก็กำลังเปิดหานักลงทุนที่มีทิศทางเดียวกันเพื่อขยายธุรกิจออกไปครับ
ในช่วง 2-3 ปีหลังแอพฯ จับคู่ นับเป็นอีกธุรกิจประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมของผู้ประกอบการ Startup เรียกว่าผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเลยทีเดียว ซึ่งก็มีทั้งที่ยังอยู่และก็จากไป เมื่อผู้ใช้มีทางเลือกมากมายใครที่จะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดนี้ได้จริงคงต้องติดตามดูกันต่อค่ะ