โลกกำลังจะเต็มไปด้วยแอพพลิเคชั่นที่ขับเคลื่อนระบบอินเทอร์เน็ตในมือถือไปข้างหน้าและได้กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ของสื่อ, สิ่งบันเทิง และโปรแกรมมาสักพักแล้ว ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักพัฒนาจะวางแผนกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ให้ดีควบคู่ไปกับการพัฒนาเชิงนวัตกรรม
บริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ได้ทำนายไว้ว่าอุตสาหกรรมโฆษณาทางมือถือในเอเชีย-แปซิฟิก จะเติบโตจาก 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2554 เป็น 6.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งข้อมูลนี้แสดงถึงโอกาสสำหรับนักพัฒนาที่จะสร้างศักยภาพในการเพิ่มรายได้จากแอพฯ ของตน
ผู้เขียนมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างรายได้ให้กับนักพัฒนาแอพฯ บริษัท Vserv.mobi และได้แนวคิดที่น่าสนใจนั่นคือกฎทองสี่ข้อในการสร้างรายได้จากแอพพลิเคชั่นสำหรับนักพัฒนาแอพฯ เราลองไปดูกันเลยดีกว่าว่ากฎดังกล่าวนั้นมีอะไรบ้าง
กฎข้อ 1 : กลยุทธ์ในการเลือกวางโฆษณาที่เหมาะสม
มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับนักพัฒนาแอพฯ ที่จะเข้าใจส่วนประกอบที่เหมาะสมในการเลือกตำแหน่งและรูปแบบของโฆษณาที่ทำให้มีส่วนสำคัญที่จะประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้า กุญแจสำคัญคือต้องมั่นใจว่าโฆษณาจะไม่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้แอพฯ ลองนึกภาพว่าแอพฯ เป็นนิตยสารที่คุณชื่นชอบ พื้นที่ที่น่าจะมีผลมากที่สุดในแง่ของการสังเกตเห็นได้ และสร้างรายได้มากที่สุดก็คือหน้าแรกและหน้าสุดท้าย แล้วทำไมเราจะไม่ใช้วิธีเดียวกันนี้กับแอพฯ ของคุณล่ะ โฆษณาในช่วงเริ่มเข้า และช่วงออกจากแอพฯ จะมีประสิทธิภาพสูงมาก โดดเด่น และจะสร้างรายได้มากขึ้น เพราะเหล่าผู้โฆษณายินดีที่จะจ่ายเพิ่มสำหรับตำแหน่งนี้ นอกจากนี้โฆษณาในช่วงเปลี่ยนเลเวลของเกม หรือช่วงเบรคทั่วไปในแอพฯ ก็ดูจะมีผลสูงด้วย
กฎข้อ 2 : การเอาชนะอุปสรรคการเรียกเก็บเงิน
ต่างกับตลาดที่พัฒนาแล้ว ตลาดเกิดใหม่อย่างในเอเชียจะมีความท้ายทายที่ไม่เหมือนกัน ในขณะที่มือถือมีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 % ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ตามรายงานวิจัยในไตรมาสที่สองปี พ.ศ. 2555 ของบริษัท BMI และบริษัท Pricewaterhouse Coopers) แต่บัตรเครดิตมีการเติบโตเป็นเพียงเลขหลักหน่วยเท่านั้น การเติบโตของบัตรเครดิตที่ไม่สูงนี้มาพร้อมกับอัตรา GDP ต่อประชากรที่ต่ำด้วย ซึ่งหมายความว่าการขายแอพฯ ผ่านแอพฯ สโตร์ทั่วไปจะไม่สามารถสร้างรายได้ในตลาดเกิดใหม่ผู้ใช้ในตลาดนี้ไม่มีช่องทางในการจ่ายเงินให้แอพฯ การที่จะเอาชนะอุปสรรคท้าท้ายที่จะลดความยุ่งยากของผู้ใช้ให้สามารถทำธุรกรรมกับแอพฯ ได้นั้น นักพัฒนาจำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกับบริษัทโทรศัพท์มือถือโทรคมนาคม และเชื่อมต่อกับระบบการเรียกเก็บเงินของตน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อจากแอพฯ สโตร์ได้โดยใช้ยอดเงินชำระล่วงหน้าจากค่าโทรศัพท์ของพวกเขา (Prepaid) หรือการเรียกเก็บเงินปลายเดือนในบิลค่าโทรศัพท์ (Postpaid)
กฎข้อ 3 : ไปให้เหนือรูปแบบการสร้างรายได้แบบดั้งเดิม
นักพัฒนาจำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์รูปแบบในการสร้างรายได้จากแอพฯ กลุ่มผู้ใช้เป้าหมายกลุ่มหนึ่งคือผู้ที่ยินดีจ่าย (สำหรับอัพเกรดฟีเจอร์เพิ่มเติม ยกเลิกโฆษณา และอื่นๆ) และยังต้องนึกถึงผู้ใช้อีกกลุ่มที่ชอบแอพฯ ฟรี (ซึ่งเป็นกลุ่มหลักในตลาดใหม่เสียด้วย) การผสมผสานของทั้งสองส่วนนี้จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่นักพัฒนาในแง่ของการเข้าถึงและรายได้รูปแบบที่ผู้ใช้สามารถดาวโหลดได้ฟรี ซึ่งเราจะมีรายได้ผ่านทางโฆษณา ในขณะเดียวกันผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์พิเศษก็สามารถอัพเกรดได้จากตัวแอพฯ เอง ในรูปแบบนี้นักพัฒนาจะสามารถเข้าถึงผู้ใช้แอพฯ จำนวนมากซึ่งจะสามารถสร้างรายได้จากการขายโฆษณา และยังมีรายได้เพิ่มเติมจากลูกค้าที่ต้องการจ่ายเพื่ออัพเกรด
กฎข้อ 4 : เลือกแพลตฟอร์มการจัดการโฆษณาที่เหมาะสม
นักพัฒนาแอพฯ จะต้องเข้าใจความจริงที่ว่าแอพฯ ไม่ได้มีความยืดหยุ่นเหมือนกับเว็บไซต์ เมื่อแอพฯ ถูกดาวน์โหลดแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะอัพเดตอีกหรือเปล่า ถ้านักพัฒนาแอพฯ ใส่ข้อมูลที่ไม่ทำให้สร้างรายได้มากนัก มันก็จะติดอยู่อย่างนั้น ด้วยเหตุผลนี้เราจึงแนะนำให้นักพัฒนาใช้เซิร์ฟเวอร์แพลตฟอร์มการจัดการโฆษณาซึ่งสามารถตัดสินใจและจัดการตัวเองได้ แพลตฟอร์มนี้ควรจะสามารถให้พวกเขาเลือกที่จะเพิ่ม หรือแก้ไขเครือข่ายโฆษณา และสร้างรายได้จากหลายๆ เครือข่ายจากการตั้งค่าของเขาเอง และในขณะเดียวกันจำเป็นที่จะต้องมีทางเลือกให้พวกกลับไปเลือกเครือข่ายโฆษณาได้ใหม่โดยไม่ต้องยุ่งยากในการตั้งค่าแต่ละครั้ง นักพัฒนายังควรจะสามารถเรียกแสดงผลโฆษณาของตนเอง ซึ่งจะช่วยให้เพิ่มการใช้แอพฯ ถัดไปได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่เพิ่มค่าประสิทธิภาพการโฆษณา eCPM ไปด้วย
