Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดจากซัมซุง ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในคืนวันที่ 1 มีนาคม 2558 ที่งาน MWC 2015 ที่ผ่านมา สำหรับทั้ง 2 รุ่นนี้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้วัสดุ, เพิ่มฟีเจอร์, ปรับปรุงหน้าตา, การใช้งาน และมีอะไรที่น่าสนใจมากมาย วันนี้ WhatPhone จะมาสรุปให้เหลือ 6 จุดเด่นที่น่าสนใจใน Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge กันครับ
กรอบโลหะ พร้อมกระจกหน้า-หลัง
Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge นั้นมีการออกแบบใหม่ ที่เรียกว่า Project Zero และเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่พรีเมี่ยมขึ้น นั่นก็คือ กรอบโลหะ โดยเป็นการขึ้นรูปจากโลหะ high-strength 6013 aluminum ชิ้นเดียว และใช้กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass 4 เหมือนกับ Samsung Galaxy Note 4 และ Samsung Galaxy Alpha แต่ทั้ง 2 รุ่นนี้จะใช้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง สำหรับหน้าจอโค้งของ Samsung Galaxy S6 edge จะผ่านกระบวนการการขึ้นรูปจากแป้นพิมพ์ด้วยความร้อน 800 องศาเซลเซียส ขึงเกิดความโค้งที่พอดีกับตัวเครื่อง พร้อมเคลือบสารให้ความเงาและแสดงผลได้สวยงามและชัดเจนขั้นด้วยกระบวนการ nano-thin multi-coating ทั้งนี้ซัมซุงยังเคลมว่ามีความแข็งแกร่งขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 50% และไม่งออย่างแน่นอน
ชิปเช็ตใหม่ Exynos 7420
ซัมซุงได้นำชิปเช็ตประมวลผลตัวใหม่มาใช้ใน 2 รุ่นนี้ด้วย Exynos 7420 ชิปประมวลผลตัวแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี 14 นาโนเมตรในการผลิต พร้อมเทคโนโลยีแบบใหม่ที่เรียกว่า FinFET ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นกว่าเดิม 20% และลดการใช้พลังงานได้ 35% เมื่อเทียบกับชิปรุ่นเก่าที่ผลิตระดับ 20 นาโนเมตร Exynos 7420 ประกอบด้วย หน่วยประมวลผลแบบ Quad-core Cortex-A57 ที่ความเร็ว 2.1GHz และ Qaud-core Cortex-A53 ที่ความเร็ว 1.5GHz พร้อมชิปประมวลผลกราฟิก GPU Mali-T760 และ RAM 3GB แบบ DDR4 ที่เร็วกกว่า DDR3 ถึง 80%
กล้องถ่ายภาพที่ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
ถึงแม้กล้องหลังจะมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซลเท่ากับ Samsung Galaxy S5 รุ่นก่อน แต่ว่าใน Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge นี้ ได้เพิ่มรูรับแสงกว้างถึง f/1.9 จึงทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น พร้อมกับระบบลดการสั่นไหวขณะถ่ายภาพ OIS (Optical Image Stabilization) โหมด Real-time HDR ที่มีการปรับให้เห็นกันก่อนถ่ายภาพ และโหมด Tracking AF ที่จะคอยจับโฟกัสวัตถุอัตโนมัติ ไม่ว่าวัตถุจะขยับไปไหนก็ตาม นอกจากนี้การเรียกใช้งานกล้องของ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ใช้เวลาเพียง 0.7 วินาที ก็พร้อมที่จะถ่ายรูปแล้ว ส่วนการบันทึกวิดีโอนั้นก็รองรับที่ระดับ 4K
แบตเตอรี่อึดขึ้น, ชาร์จได้เร็วขึ้น, รองรับการชาร์จไร้สาย
ถึงแม้ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge จะมีความจุแบตเตอรี่ที่ลดลงจากรุ่นก่อน เหลือ 2550mAh แต่สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นเนื่องจากใช้ชิปเซ็ต Exynos 7420 ที่กินไฟน้อยลงนั่นเอง และที่สำคัญชาร์จไฟได้เร็วขึ้นด้วย โดยชาร์จ 10 นาที สามารถสแตนด์บายได้ถึง 4 ชั่วโมง และยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายตามมาตรฐาน WPC 1.1 และ PMA 1.0 โดยทางซัมซุงยังต้องการเน้นให้การชาร์จแบบไร้สายนั้นเป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟน
TouchWiz ใหม่ บน Android 5.0 Lollipop
ในวันเปิดตัวทางทีมซัมซุงได้มีการพูดถึง TouchWiz ใหม่บน Android 5.0 Lollipop ด้วย และได้มีการตัดหลายๆอย่างที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ดูสะอาด และเรียบง่ายมากขึ้น
ขอบจอโค้ง 2 ข้างบน Samsung Galaxy S6 edge
ซัมซุงได้เคยโชว์ขอบจอโค้ง Edge screen ใน Samsung Galaxy Note Edge ไปแล้ว และได้นำมาใช้ในรุ่น Samsung Galaxy S6 ด้วย โดยเพิ่มถึง 2 ข้างเลยทีเดียว และเรียกรุ่นนี้ว่า Samsung Galaxy S6 edge พร้อมกันนี้ยังใส่ฟีเจอร์ของ Edge screen เพิ่มขึ้น เช่น People edge ที่เราสามารถใส่ได้ 5 รายชื่อเพื่อตั้งเป็นช็อตคัทได้ และเรียกการใช้งานได้ทันที และเมื่อมีใครใน 5 รายชื่อนี้โทรเข้ามาก็จะแจ้งเตือนด้วยสีที่จอ Edge screen
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ยังมาพร้อมการบริการใหม่จากซัมซุง Samsung Pay ที่สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่าน NFC ได้เลย แต่บริการนี้จะเปิดให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาและเกาหลีก่อน
Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge จะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 10 เมษายน 2558 สำหรับ 20 ประเทศก่อน ซึ่งต้องลุ้นกันว่า ประเทศไทย จะเป็นกลุ่มที่อยู่ใน 20 ประเทศแรกนี้หรือไม่? ต้องติดตามกันต่อไปครับ