เปิดตัวกันไปแล้วอย่างยิ่งใหญ่สำหรับ Samsung Galaxy Note 9 หากใครได้ดูงานเปิดตัวตั้งแต่ต้นจบจบก็จะรู้ว่า มีฟีเจอร์เด็ดๆ เพิ่มมามากพอสมควร บางคนตื่นมาอาจจะจำได้แค่ว่า S Pen ตัวใหม่ ส่วนอย่างอื่นนั้น ตื่นมาก็ลืมไปหมดแล้ว (ฮา) วันนี้เราก็จะขอเตือนความจำด้วยการสรุป 9 ฟีเจอร์สุดแจ่มของกาแล็กซี่โน้ต 9 กันอีกครั้ง ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลยครับ
9 ฟีเจอร์สุดแจ่มที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ของ Samsung Galaxy Note 9
ดีไซน์ที่เรียบหรู
สำหรับกาแล็กซี่โน้ต 9 นั้นใช้ดีไซน์แบบ Diamond Cut ผสมผสานสีเงากับสีด้านได้อย่างลงตัว ตัวเครื่องมีวางจำหน่าย 4 สี คือ Ocean Blue, Midnight Black, Metallic Copper และ Lavender Purple (ในไทยมีจำหน่ายแค่สามสีแรกเท่านั้น) ส่วนหน้าจอนั้นยังคงใช้ Super AMOLED แบบ Infinity Display ขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วน 18:5:9 ความละเอียด QHD+
S Pen ที่เชื่อมต่อ Bluetooth ได้
สำหรับกาแล็กซี่โน้ต 9 นั้นเป็นรุ่นแรกที่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธเข้ากับตัว S Pen และมีฟังก์ชั่น Bluetoth Low Energy (BLE) ในตัวจึงใช้พลังงานต่ำ ทำงานได้ไกลถึง 30 ฟุต จึงสามารถใช้งานในรูปแบบของรีโมทคอนโทรล เช่น ดู YouTube แล้วกด Pause ได้โดยไม่ต้องแตะเครื่อง หรือจะใช้เป็นรีโมทชัทเตอร์เพื่อถ่ายรูปก็ได้อีกเช่นกัน ส่วนการใช้พลังงานนั้น อย่างที่บอกแต่แรกว่าใช้ BLE จึงไม่ต้องห่วงเรื่องการชาร์จไฟ เพราะชาร์จแค่ 40 วินาที ทำงานได้นานถึง 30 นาที และที่สำคัญ เวลาใช้งาน Screen Off Memo (จดโน้ตในหน้าจอล็อค) สีของลายเส้นจะเปลี่ยนไปตามสีของปากกาที่เราใช้ เช่น ปากกาสีเหลือง ลายเส้นจะเป็นสีเหลืองด้วย (สีตายตัวเปลี่ยนไม่ได้) แต่ถ้าอยากได้ปากกาสีอื่น ทางซัมซุงก็มีมาจัดจำหน่ายด้วยเช่นกัน
ชิพเซ็ตตัวแรงอย่าง Exynos 9810
สมาร์ทโฟนระดับตัวท๊อปอย่างโน้ต 9 แน่นอนว่าต้องใช้ชิพเซ็ต CPU ตัวแรงที่ซัมซุงเองคัดเลือกมาเป็นอย่างดี กับ Samsung Exynos 9810 Octa-core (4×2.7GHz Mongoose M3 & 4×1.8GHz Cortex-A55) สถาปัตยกรรมขนาด 10 nm ส่วนชิพกราฟิกนั้นก็แรงสุดๆ อย่าง GPU Mali-G72 MP18 เมื่อเทียบกับโน้ต 8 จะพบว่า CPU แรงกว่า 33% และมี GPU ที่แรงกว่า 23% เช่นกัน
หน่วยความจำภายในขนาดมหึมา มากถึง 512 GB
จริงอยู่ที่ Huawei Mate RS ที่ออกมาก่อนนั้นจะมีความจุมากถึง 512 GB แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาค่าตัวที่สูงถึง $2,400 (ประมาณ 80,000 บาท) จึงทำให้กาแล็กซี่โน้ต 9 สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า เพราะมีราคาที่ถูกกว่าเกินครึ่ง! นอกจากนี้ โน้ต 9 ยังรองรับ microSD มากถึง 512 GB นั่นหมายความว่า โน้ต 9 เครื่องเดียวจะมีหน่วยความจำรวมกันได้สูงสุดถึง 1 TB เลยทีเดียว
โหมด DEX ที่ไม่ต้องพึ่ง Docking อีกต่อไป
DEX เป็นฟังก์ชั่นหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้สามารถต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับมอนิเตอร์ เพื่อแสดงภาพอีกจอหนึ่งได้ ซึ่งในรุ่นที่ผ่านๆ มานั้น จะเป็นจะต้องมี Docking เพื่อทำให้ฟังก์ชั่นนี้ทำงาน ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงและยุ่งยาก สำหรับ Note 9 นั้นสามารถเสียบสายแปลง HDMI to USB-C ได้เลย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ Note 9 เป็น Trackpad พร้อมๆ กับต่อจอได้อีกด้วย
ระบบเตือนความสกปรกของเลนส์กล้องโดยอัตโนมัติ
สิ่งหนึ่งที่อาจจะเป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนบางรุ่น ก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ใกล้กล้องหลังมากๆ จนบางคนเผลอเอานิ้วแตะเลนส์กล้องโดยไม่รู้ตัว พอถ่ายภาพเสร็จถึงได้รู้ว่าภาพเบลอ จึงทำให้ใครหลายคนต้องเสียอารมณ์ไปตามๆ กัน (แต่ยังดีที่รุ่นนี้ย้ายเซ็นเซอร์ไว้ใต้กล้องแล้ว) ซัมซุงจึงได้แก้ปัญหาด้วยการเพิ่มระบบเตือนความสกปรกของเลนส์กล้องมาให้ เพื่อให้ผู้ใช้รู้ตัวและเช็ดเลนส์ก่อนถ่ายภาพ จริงอยู่ที่ฟีเจอร์นี้มีในกาแล็กซี่โน้ตรุ่นที่ผ่านมา แต่โน้ต 9 จะพิเศษกว่าหน่อยตรงที่มีการแจ้งเตือนในขณะเลนส์เกิดปัญหาภาพเบลอได้อีกด้วย
ระบบระบายความร้อนแบบ Water-Carbon
โน้ต 9 มาพร้อมกับการระบายความร้อน Water-Carbon ที่ทำหน้าที่เหมือน Heat Pipe แบบเดียวกับใน PC จึงทำให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกมกราฟิกหนักๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อนจนจับไม่ไหว (ซัมซุงเคลมว่าระบายความร้อนดีกว่าโน้ต 8 ถึง 21%) และมี Smart Performance Adjuster ที่จะคอยปรับแต่งการเล่นเกมให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นโดยอัตโนมัติ เพื่อการเล่นเกมที่ราบรื่นไม่กระตุกนั่นเอง
AR Emoji ที่รองรับ Live Message
หนึ่งในซิกเนเจอร์ของซัมซุงกาแล็กซี่ก็คือ AR Emoji สุดน่ารักน่าทะเล่นนั่นเอง สำหรับในโน้ต 9 นั้นได้เพิ่มลีลาท่าทางของอีโมจิให้มากขึ้นเป็น 54 แบบ และที่พิเศษสุดสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ก็คือ การนำ AR Emoji มาทำเป็นภาพ GIF โดยสามารถใช้ S Pen ขีดเขียนลวดลานเพิ่มเข้าไปให้ดูเฮฮามากขึ้น เพื่อส่งเป็น Live Message ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน!
แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,000 mAh
เมื่อใช้ชิพเซ็ตตัวท็อปตามที่เคยกล่าวไปแล้ว แน่นอนว่าแบตเตอรี่ก็ต้องมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งโน้ต 9 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่สุดอึดถึง 4,000 mAh ที่มากกว่ารุ่นก่อนๆ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะดูหนัง เล่นเกม ท่องอินเทอร์เน็ต ก็หายห่วง ส่วนการชาร์จก็ไม่ต้องรอนาน เพราะมีระบบ Quick Charge 2.0 ส่วนใครที่ไม่อยากเสียบสายชาร์จให้ยุ่งยากก็ยังรองรับการชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน Qi/PMA อีกด้วย