แอนดรอยด์เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนที่มีผู้ใช้งานเยอะที่สุดในโลก เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติที่เอามาใช้งานได้ฟรี มีการอัพเดทบ่อย สามารถเอาไปปรับใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทุกยี่ห้อ (ยกเว้น iPhone) ซึ่งพัฒนาโดยทีมของ Google ปัจจุบันได้มาถึงเวอร์ชั่น 7.0 แล้ว ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “Nougat” หรือที่บ้านเราเรียกว่า “ตังเม” แต่โลโก้ที่ Google เอามาใช้นั้นจะเป็นขนมตังเมตัดเป็นแท่งสีเหลี่ยม มีถั่วอยู่ตรงกลาง ต่างจะประเทศไทยที่เป็นแท่งกลมๆ เหนียวๆ ซึ่งมีรสชาติคล้ายๆ กัน ทานแล้วปวดฟันได้เหมือนกัน ส่วนเวอร์ชั่นก่อนหน้าก็มีขนมหลายแบบเรียงตามตัวอักษร A B C มาเรื่อยๆ มีทั้งโดนัท คัพเค็ก คิทแคท เจลลี่บีน เป็นต้น ทำให้เราพอจะเดาได้ว่าเวอ่ร์ชั่นต่อไปคือแอนดรอยด์ 8.0 จะต้องเป็นตัว “O” แน่นอน แต่จะเป็นขนมอะไรนั้นต้องรอดูกันต้นปีหน้าเลยครับ
ในการอัพเดทเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ 7.0 นี้มีความแตกต่างจากการอัพเดทแบบเดิมออกไปอย่างชัดเจน ซึ่งก็คือรูปแบบในการพัฒนาโปรแกรมที่ชัดเจนกว่าเดิมมาก Google ได้เปิดตัวว่าจะมีการทำแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ในเดือนมีนาคม โดยออกเวอร์ชั่นลดลงใช้ (Alpha) มาพร้อมกับตั้งชื่อว่า Android N Developer Preview 1 จากนั้นก็มีแผนในการพัฒนาออกมาอย่างชัดเจนว่าแต่ละเวอร์ชั่นจะปล่อยออกมาให้ทดสอบเดือนไหนบ้างจนถึงเวอร์ชั่นก่อนสุดท้ายคือ Android N Developer Preview 5 ที่ออกมาในเดือนกรกฎาคม 59 และมีแผนจะปล่อยเวอร์ชั่นเต็มในวันที่ 22 สิงหาคมพร้อมกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ออกมารองรับกันในชื่อ “Nexus” เมื่อถึงเวอร์ชั่นสุดท้ายแล้วก็จะใช้เวลา 2-3 เดือนในการเอาไปพัฒนาเป็นเวอร์ชั่นของแต่ละยี่ห้อ ปรับปรุงลูกเล่นต่างๆ จนพร้อมปล่อยให้ลูกค้าได้อัพเดท ซึ่งจะนานแค่ไหน หรือไม่มีการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่เลย ขึ้นอยู่กับสมาร์ทโฟนยี่ห้อนั้นๆ ว่ามีความใส่ใจในการอัพเดทมากแค่ไหน
หน้าจอการแจ้งเตือนสำหรับผู้ที่ใช้ Nexus 6P
กดเพื่อติดตั้งระบบแอนดรอยด์ 7.0
ระบบกำลังทำการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่
ข้อดีของการอัพเดทแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่
ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้นมีเป้าหมายในการพัฒนาให้ทำงานเร็วขึ้น ประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น มีลูกเล่นในการใช้งานที่ดีขึ้น และระบบรักษาความปลอดภัยของเราดีขึ้น ตั้งแต่ข้อมูลในเครื่อง การถูกโจมตีจากโฆษณา และแอพฯ ปลอม การติดตาม ล็อคเครื่อง เมื่อเครื่องหายได้ การอัพเดทเครื่องอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้เราใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องเดิมได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อเสียของการอัพเดทแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่
สำหรับข้อเสียที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือแอพฯ หลายๆ แอพฯ นั้นไม่รองรับการใช้งานกับระบบใหม่ๆ ที่มีเข้ามา บางแอพฯ ผู้พัฒนาเลิกทำไปแล้ว บางแอพฯ ก็ยังมีการอัพเดทใหม่ทุกวัน แต่ทางผู้พัฒนาแอพฯ ก็ยังทดสอบกับระบบใหม่ไม่ครบทำให้การใช้งานมีปัญหาอยู่เรื่อยๆ เห็นได้ชัดจากแอพฯ Facebook ถึงแม้ว่าจะมีการอัพเดทใหม่อยู่เกือบทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ทั้งหมด จากการทดสอบกับแอนดรอยด์ 7.0 พบว่า Facebook ไม่สามารถกดเข้าไปดูการแจ้งเตือนของเพจได้ หรือกดเข้าเพจจากหน้าหลักได้ ต้องทำการค้นหาเพจนั้นๆ แทน ซึ่งเป็นปัญหาที่ค้างคามาเดือนหนึ่งแล้วก็ยังไม่แก้ไข คากว่าแอพฯ อื่นๆ ก็มีปัญหาด้วยเหมือนกัน เช่น Sygic แอพฯ แผนที่ชื่อดังเปิดในแอนดรอยด์ 7.0 ไม่ได้เลย
มาดูลูกเล่นใหม่ๆ ในแอนดรอยด์ 7.0 กันดีกว่า
แถบการแจ้งเตือนแบบใหม่
ถือว่าเป็นส่วนที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนมากในเวอร์ชั่นใหม่นี้ การแจ้งเตือนถูกปรับปรุงใหม่ให้มีไอค่อนแอพฯ แบบย่ออยู่ด้านบนด้วย เมื่อเราเลื่อนแถบแจ้งเตือนลงมาด้านล่างจะเห็นไอค่อนการตั้งค่าต่างๆ ให้เรากดใช้ได้เลยทันที แต่ถ้าเราลากแถบแจ้งเตือนลงมาอีกครั้ง (รวมเป็นลากนิ้วสองครั้ง) จะเห็นชุดไอค่อนทุกอย่างขึ้นมาครบถ้วนพร้อมบอกสถานะบนไอค่อน เช่น ระดับแบตเตอรี่ ไว-ไฟที่เชื่อมต่ออยู่เป็นต้น แต่ถ้าเราต้องการดูข้อมูลมากกว่านั้นก็กดที่ไอค่อนเหล่านั้นได้เลย
- เปลี่ยนไว-ไฟได้ง่ายขึ้น ถ้าเป็นการเชื่อมต่อไว-ไฟกดที่ไอค่อนจะเป็นการปิดไว-ไฟนั้นๆ แต่ถ้ากดที่ตัวหนังสือข่างล่างจะเป็นการเลือกใช้ไว-ไฟจุดอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวเรา
- ดูแบตเตอรี่ก็ทำได้ ในส่วนของแบตเตอรี่ก็กดเพื่อดูอัตราการใช้พลังงานของเครื่อง และเปิดโหมดประหยัดพลังงานได้ด้วย
- เครือข่าย นอกจากชื่อเครือข่ายที่เราใช้งานอยู่แล้ว ยังบอกให้เราทราบด้วยว่ามีการใช้งานอินเตอร์เน็ตไปแล้วกี่ GB ในรอบบิลนั้นๆ
หน้าจอแถบการแจ้งเตือนแบบใหม่
หน้าจอแจ้งเตือนแบบย่อ
กดเปลี่ยนผู้ใช้งานก็ทำได้
กดเปลี่ยนไว-ไฟได้ทันที
กดดูระดับแบตเตอรี่ และการตั้งค่าได้
กดดูข้อมูลมือถือที่ใช้งานไป
กดแก้ไขเพื่อเลื่อน เปลี่ยนตำแหน่งได้ตลอดเวลา
รายการแจ้งเตือนแบบใหม่
ระบบการแจ้งเตือนของแอนดรอยด์ได้ถูกยกเครื่องใหม่เพราะแต่ละแอพฯ นั้นเริ่มมีการแจ้งเตือนเยอะมากขึ้น เห็นได้ชัดจาก Facebook ที่บางครั้งเผลอวางเครื่องทิ้งไว้อาจจะมีแจ้งเตือนเข้ามาจนเต็มหน้าจอไปหมด สำหรับเวอร์ชั่นใหม่นี้ได้มีการจัดเรียงการแจ้งเตือนใหม่ คือถ้ามีการแจ้งเตือนเกิน 3 อันต่อแอพฯ ก็จะมีการจัดรวมกลุ่มให้ทีเดียว เมื่อต้องการดูการแจ้งเตือนทั้งหมดก็กดเพื่อขยายออกได้ เมื่อต้องการปิดการแจ้งเตือนแอพฯ ก็ทำได้โดยการลากนิ้วไปทางด้านขวาแล้วจะเห็นไอค่อนโผล่ออกมา กดเพื่อตั้งค่าให้ปิดการแจ้งเตือนเฉพาะแอพฯ นั้นๆ ได้
การแจ้งเตือนแบบใหม่ที่มัดรวมเอาไว้เป็นแอพฯ
กดดึงขยายการแจ้งเตือนออกมาได้
หน้าจอล็อคก็มีสรุปการแจ้งเตือนให้เราทราบด้วย
ลากนิ้วไปด้านขวาเพื่อตั้งค่าเพิ่มเติม
เลือกวิธีการแจ้งเตือนได้หลายแบบ
ที่ดูจะน่าสนใจมากกว่าคือ คือการตอบกลับจากแถบแจ้งเตือนได้ บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องกดเข้าไปในแอพฯ นั้นๆ ก็ได้ แต่สามารถตอบกลับข้อความแชตได้ทันทีเพียงแค่กดตอบกลับ จะมีแถบสีเขียวขึ้นมาให้กดเพื่อพิมพ์ข้อความเพื่อตอบกลับได้เลยทันที แต่ถ้าเป็นแอพฯ Facebook Messenger จะมีปุ่มกด Like ให้เราด้วย ทำให้ตอบกลับเป็นกดชอบโดยไม่ต้องเข้าไปที่้หน้าจอแอพฯ นั้นอีกเลย
ข้อความแจ้งเตือนจากแอพฯ
กดตอบกลับเพื่อพิมพ์ข้อความตอบได้ทันที
ย่อขยายหน้าจอได้ตามขนาดที่เหมาะกับเรา
สำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องสายตา การมองเห็นที่ไม่ค่อยชัดเจน บางท่านอาจจะสายตายาว บางท่านอาจจะสายตาสั้น อยากได้ขนาดหน้าจอที่พอดีกับตัวเอง แอนดรอยด์ 7.0 มีระบบปรับขนาดหน้าจอเพิ่มมาให้แล้ว การปรับขนาดไม่ใช่แค่การปรับตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้นแล้วเมนูต่างๆ มีขนาดเท่าเดิม แต่เป็นการขยายหน้าจอไปเลยซึ่งสามารถปรับขนาดได้หลายระดับตามที่หน้าจอของสมาร์ทโฟนนั้นรับได้ คือขยายได้ไม่เกิน 320 dpi (ขนาดหน้าจอที่เล็กที่สุดที่แอนดรอยด์จะทำงานได้) แต่ข้อเสียของการขยายหน้าจอคือการดูรูปภาพ วิดีโอต่างๆ ภาพก็จะขยายไปด้วย ทำให้ดูไม่คมเท่าไหร่ กลับกันใครสายตายาวก็ทำการลดขนาดหน้าจอลงให้ตัวหนังสือ และเมนูต่างๆ เล็กลงได้ด้วย แล้วแต่ความถนัดของคนนั้นๆ
เข้าการตั้งค่าแล้วเลือกเมนูการแสดงผล
ขนาดหน้าจอตามปกติ
ปรับขนาดจอเป็นขนาดใหญ่
ปรับหน้าจอให้เล็กที่สุด
ปรับหน้าจอให้ใหญ่ที่สุด
ระบบความปลอดภัยตั้งแต่เปิดเครื่อง
ในเวอร์ชั่นใหม่นี้มีระบบที่เรียกว่า Direct Boot ซึ่งเป็นการเปิดเครื่องขึ้นมาแต่ยังไม่เปิดระบบทั้งหมด ทำให้เราไม่สามารถดึงข้อมูลอะไรออกได้จนกว่าจะใส่รหัสผ่านที่ถูกต้องเสียก่อน เป็นการป้องกันการขโมยข้อมูลออกไป ต่างจากเมื่อก่อนที่เปิดเครื่องมาจนพร้อมใช้งานแล้วจึงค่อยใส่รหัส ทำให้แอพฯ บางอย่างเช่น เฟสบุ๊ค ไลน์ เด้งเตือนขึ้นมาแล้ว มีการดึงข้อมูลมาแล้วทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้ใส่รหัสอะไรเลย ระบบใหม่ถ้าไม่มีรหัสก็จะดึงข้อมูล หรือเปิดแอพฯ อะไรได้เลย
แยกหน้าจอเปิดสองแอพฯ ได้แล้ว
ลูกเล่นในการใช้หน้าจอสองแอพฯ พร้อมกันนั้นเป็นลูกเล่นที่่ทาง Samsung พัฒนาขึ้นมาเองสำหรับใช้ใน Samsung Galaxy แต่สำหรับการอัพเดทล่าสุดนั้นมีลูกเล่นนี้ใส่เข้ามาในระบบเลย ทำให้เราสามารถใช้สองหน้าจอแยกกันอิสระพร้อมกันได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน โดยจะเป็นการแบ่งครึ่งหน้าจอ ไม่สามารถปรับขยายได้ว่าอยากให้แอพฯ ไหนขนาดเท่าไหร่ วิธีการใช้งานก็แค่เข้าแอพที่เราต้องการแบ่งจอ จากนั้นกดปุ่มสี่เหลี่ยมด้านล่างค้างเอาไว้จนมีอีกหน้าต่างให้มาเลือกด้านล่าง ต้องเป็นแอพฯ ที่เคยเปิดใช้งานมาแล้วเท่านั้นนะครับ ไม่สามารถเปิดแอพฯ ใหม่เพื่อเอามาใช้แบ่งหน้าจอได้ และแอพฯ ที่จะเอามาใช้แบ่งหน้าจะได้จะต้องรองรับกับระบบนี้ด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้พัฒนาแอพฯ ในการสร้างแอพฯ ให้รองรับ จากที่ทดสอบมาก Facebook และ Chrome สามารถใช้งานได้ปกติ แต่ LINE จะยังไม่สามารถใช้งานแบ่งหน้าจอได้ครับ
เข้าหน้าจอแอพฯ ที่เราต้องการ
กดปุ่มสีเหลี่ยมข้างล่างค้างเอาไว้
เลือกแอพฯ ที่เราต้องการแบ่งหน้าจอ
เสร็จแล้วก็จะได้หน้าจอครึ่งๆ แบบนี้
ลองเอาไปใช้งานกับแอพฯ อื่นๆ ได้
แป้นพิมพ์แบบใหม่เปลี่ยนสีได้เอง
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่จะมาพร้อมกับแอนดรอยด์ 7.0 แต่ก็มีให้อัพเดทสำหรับสมาร์ทโฟนทั่วไปแล้ว คือการเปลี่ยนสีของแป้นพิมพ์ได้ เพิ่มขอบสี และเปลี่ยนรูปภาพของแป้นพิมพ์ไปตามที่เราต้องการได้เลย หมดปัญหาเรื่องแป้นไม่สวย ไม่มีเส้นแบ่ง หรือดูยากกันเสียที ทั้งนี้มีลูกเล่นเพิ่มเข้ามาเช่นการสะกดคำ และอีโมจิที่กดส่งได้กว่าพันแบบ แถมยังมีไอค่อนสำหรับส่งให้เพื่อนๆ เยอะมากมายจริงๆ เครื่องใครยังไม่มีตรงนี้สามารถดาวน์โหลด Google Keyboard ได้มาลองก่อนได้เลยครับ
แป้นพิมพ์หน้าตาแบบใหม่
เลือกใช้งานมือเดียวได้โดยการกดที่ปุ่ม “.” ค้างไว้
เลือกธีมสีได้ตามที่เราต้องการ
ใส่ขอบปุ่มให้กดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เลือกรูปภาพที่เราต้องการก็ได้
ปรับความเข้มของรูปภาพนั้นๆ
AN-51 แค่นี้ก็ได้แป้นที่เป็นรูปของเราเองแล้ว
AN-56 AN-57 AN-58 AN-59 AN-60 AN-61 AN-62 AN-63 ตัวอย่างรูปไอค่อนอีโมจิแบบใหม่ที่มีกว่าพันแบบให้เลือก
การตั้งค่าที่แสดงข้อมูลในเครื่องให้ทันที
สำหรับหน้าการตั้งค่า “Settings” ก็ได้มีปรับปรุงใหม่โดยการแสดงข้อมูลของเครื่องในเมนูทันทีเลยไม่ต้องกดเข้าไปเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ในเมนูนั้นๆ บ้าง ข้อมูลส่วนใหญ่ก็คือ เราเปิดเข้าไปจะเห็นทันทีว่าเชื่อมต่อเครือข่ายอะไร ใช้เน็ตไปเท่าไหร่ ปรับความสว่างแบบไหน ติดตั้งแอพฯ ไปกี่แอพฯ ใช้พื้นที่เครื่องไปกี่ GB ระดับแบตเตอรี่ เหลือใช้งานได้อีกกี่วัน ความจำในเครื่อง ผู้ใช้ เจ้าของ บัญชี ภาษา ฯลฯ ทุกอย่างแสดงให้เราเห็นโดยไม่ต้องกดเข้าไปเมนูข้างในเลย ส่วนตัวแล้วคิดว่าตรงนี้ช่วยให้เราใช้งานได้สะดวกมากขึ้นด้วย นอกจากจะรู้ว่ามีการตั้งค่าอะไร เหลือพื้นที่เท่าไหร่แล้ว ยังช่วยให้เรารู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเมนูเหล่านั้นใช้ตั้งค่าอะไรบ้าง
หน้าการตั้งค่าที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น แค่เลื่อนลงมาก็ดูรายละเอียดได้เลย
กดเข้าไปก็จะได้ข้อมูลที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลการติดตั้งแอพฯ ข้อมูลพื้นที่ต่างๆ แสดงให้เราเห็นทันที
ประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น
ในส่วนของแบตเตอรี่ได้มีการปรับปรุงในส่วนของการประหยัดพลังงานให้มากขึ้นในชื่อ Doze ซึ่งเป็นการแช่แข็งแอพฯ ที่ไม่ได้เปิดใช้งาน แอพฯ ที่เราเปิดทิ้งเอาไว้ ให้ไม่กินแบตเตอรี่ไปเรื่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน Doze จะจัดการพลังงานของเครื่องในระหว่างที่เราไม่ได้ใช้งานอุปกรณ์นั้นๆ เมื่อเครื่องถูกปิดจอไว้นานๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวของเครื่อง ไม่ได้ใช้งานอะไร มันก็จะทำการแช่แข็งระบบต่างๆ เอาไว้ไม่ให้ใช้แบตเตอรี่เพิ่มอีกต่อไป ยิ่งถ้าเป็นตอนที่เราหลับไปแล้วระบบจะปิด GPS, ปิดการค้นหาไว-ไฟ, ปิดการโอนถ่ายข้อมูลต่างๆ จนถึงเราหยิบเครื่องขึ้นมา มีการเคลื่อนไหวตัวเครื่องระบบจะกลับมาตื่นอีกรอบ ทั้งนี้มันจะดูพฤติกรรมการใช้งานของเราด้วยว่าเราใช้งานอะไรเป็นพิเศษ เช่น บางคนติดการแชต LINE มากๆ มันก็จะจำไว้ว่าแอพฯ นี้อย่าเพิ่งรีบแช่แข็งนะ ซึ่งทั้งหมดจะเกิดหลังจากที่ได้รู้จักพฤติกรรมการใช้งานของเราไปแล้วสักระยะหนึ่ง ส่วนการเปิดหน้าจอ เล่นเกม ออนไลน์ต่อเนื่อง ก็ยังใช้แบตเตอรี่มากตามปกติ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นลูกเล่นหลักๆ ที่เราจะได้ใช้งานในแอนดรอยด์ใหม่นี้ ซึ่งเริ่มให้บริการแล้วสำหรับสมาร์ทโฟน Nexus รุ่นใหม่ๆ แต่สำหรับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นมีข่าวมาว่าจะมี LG V20 เป็นรุ่นแรกที่แกะกล่องมาแล้วได้ใช้งานแอนดรอยด์ 7.0 ในตัว แต่อย่าลืมว่าการเอาแอนดรอยด์ไปปรับใช้งานกับสมาร์ทโฟนยี่ห้อต่างๆ นั้นมักจะมีการดัดแปลงให้มีหน้าตาเครื่องเป็นแบบฉบับของตัวเองซึ่งจะมีรูปแบบที่แต่ต่างกันออกไป เช่น Samsung ใช้ TouchWiz มาติดตั้งทับลงไป, Huawei ใช้ EmoUI ติดตั้งลงไป, OPPO แปลงระบบเป็น ColorOS และอีกหลายๆ ยี่ห้อ ที่พยายามดัดแปลงให้เป็นของตัวเอง แต่แกนกลางระบบของแอนดรอยด์นั้นก็จะยังคงลูกเล่นตามที่มีในแอนดรอยด์ 7.0 นี้ไว้เหมือนเดิม มาถึงจุดนี้สมาร์ทโฟนยี่ห้อไหนจะได้รับการอัพเดทเป็นยี่ห้อแรก เรามาคอยลุ้นไปด้วยกันครับ
