ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วที่มี iPhone OS ครั้งแรก (iOS1) ในตอนนั้นมีการออกแบบให้มีความเรียบง่าย สามารถใช้งานฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่างโทรศัพท์, อินเตอร์เน็ต และ iPod ที่สามารถเอาไว้ฟังเพลงได้ ซึ่งตอนนั้น 3 ความสามารถนี้ทำให้ iPhone มีหน้าตาที่ดูเรียบง่ายตามคอนเซ็ปต์ของ Steve Jobs ซึ่งต่อมาถึงแม้จะมี App Store เพิ่มเข้ามา แต่ Interface หน้าตาของ iOS ยังคงเหมือนเดิม
ผ่านมา 7 ปี การมี Android เป็นคู่แข่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่ Apple จะทำอะไรแบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป เพราะนับว่า Android ก็จะยิ่งมีความแปลกใหม่ให้ผู้ใช้สนใจกันตลอดเวลา แต่กลับกัน iOS6 เมื่อปีที่แล้วก็ยังคงมีหน้าตาเหมือนกับ iOS1 เมื่อหลายปีที่แล้ว ทำให้สุดท้ายมันไม่มีอะไรที่ดูแปลกใหม่ น่าตื่นเต้นในแง่รูปแบบการใช้งานเลย จนในที่สุดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมาทาง Apple ก็ได้ออกมาเปิดตัว iOS7 ที่มีหน้าตาแตกต่างออกไปจาก iOS เวอร์ชั่นเก่าๆ แบบหลายขุม
หน้าตาของ iOS7 มีอะไรมากมายที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ icon ที่ดูกุ๊กกิ๊กน่ารักมากกว่าเดิม เพิ่มสีสัน รูปแบบ icon ที่มีลักษณะแบนลง แต่จะเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ใช่แค่ icon ที่เปลี่ยนไป แต่ User Interface ภายในก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วย โปรแกรมพื้นฐานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Phone, Message, Browser, iPod และอื่นๆ ถูกเปลี่ยนหน้าตาไปหมดจนรู้สึกได้ระดับนึงเลยว่ามันแตกต่างไปจาก iOS รุ่นเก่า แต่ที่เก่งก็คือ มีรูปแบบการใช้งานที่เหมือนเดิม ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ให้มันยาก
ในแง่ความสามารถก็ยังมีเพิ่มเข้ามา แต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันกับหน้าตาใหม่ๆ ของมันทั้งนั้น อย่าง Multi-tasking ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบใหม่ให้ใช้งานง่ายกว่าเดิม แถมยังรองรับ Multi-tasking ทุก Apps แล้วอีกด้วย, Camera ที่เพิ่มโหมด Square เข้ามาเพื่อให้การถ่ายรูปออกมามีรูปแบบหลากหลายมากขึ้น รวมถึงการใส่ Filter ให้ภาพได้ทันทีหลังถ่าย
Photos ที่มีการใส่หัวอัลบั้มเข้ามาเพื่อให้ค้นหาภาพได้อย่างง่ายดายมากขึ้นรวมถึงความสามารถของ iCloud Sharing ที่เป็น Service อัพรูปภาพไปบน Social Network เหมือนกับ Instagram อีกด้วย, Safari ที่เพิ่มรูปแบบของระบบ Address ที่สามารถค้นหาได้เลยในช่อง รวมถึงความสามารถการ Share link ที่ถูกเพิ่มเข้ามา
Siri ที่สามารถสั่งการได้มากขึ้นทั้ง Bing, Twitter และการควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ของเครื่อง ที่ทำได้หลากหลายมากขึ้น และ Find My iPhone ที่อัพเกรดความสามารถที่น่าทำมานานแล้ว อยากการปิดความสามารถก็จำเป็นต้องใส่ Apple ID และ Password รวมถึงการ Restore ก็จำเป็นต้องปิด Find My iPhone ก่อนด้วยทำให้สามารถช่วยตามหาเครื่องได้ง่ายกว่าเดิม และยังเพิ่มโอกาสได้เครื่องกลับคืน เมื่อเครื่องหายได้มากขึ้นอีกด้วย
ความสามารถที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่อย่าง Airdrop ที่สามารถโอนไฟล์ระหว่าง iOS ด้วยกันเองได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ, วิดีโอและรายชื่อ โดยการแชร์สามารถทำได้ผ่าน Wi-Fi หรือ Bluetooth กับเครื่องรอบๆ ข้าง โดยที่ไม่จำเป็นต้องแตะเครื่องเพื่อเชื่อมต่อเลยแม้แต่น้อย
Notification Center ที่เปลี่ยนแปลงหน้าตาไป เพิ่มหมวดการทำงานมากขึ้น เอาพวก Agenda ของแต่ละวันมาขยายให้ใหญ่ขึ้น ทำให้แสดงผลข้อมูลได้หลากหลายมากกว่าเดิม นอกจากนี้ทาง Apple ยังได้เพิ่ม Control Center เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงระบบควบคุมการเชื่อมต่อต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ยังรวมถึงระบบควบคุมเพลง, แสงสว่าง และฟังก์ชั่นใช้งานเร่งด่วนอย่าง ไฟฉาย, เครื่องคิดเลข, กล้องและนาฬิกาปลุก
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เราจะเห็นได้ชัดเลยว่า Apple พยายามชูความสามารถของ User Interface ตัวใหม่ว่ามันมีความสามารถอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง แต่จริงๆ แล้วมันมีความสามารถใหม่ๆ ซ่อนอยู่อีกเยอะตามโปรแกรมต่างๆ ถึงจุดนี้ผมมองว่า Apple กำลังเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างที่ยังตอบยากว่าถูกทางรึเปล่า เพราะเหตุผลที่ผู้คนชอบ iPhone ก็คือมันดูเรียบง่าย, ระบบที่เสถียร แต่การมาของ iOS7 ที่ส่งผลกระทบกับคนทุกคนที่ใช้งาน iOS ซึ่งทุกคนต่างก็ชอบไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ต้องมองว่า iOS7 อาจจะกินทรัพยากรเครื่องมากขึ้นก็เป็นได้ แถมตอนนี้ยังเปลี่ยนกลับมาเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกด้วย เป็นเรื่องยากไม่น้อยสำหรับหลายคนที่จะเรียนรู้กับหน้าตาที่แปลกใหม่ (ถ้าว่ากันจริงๆแล้วรูปแบบการใช้งานมันก็เหมือนเดิม)
ดังนั้นขอสรุปว่า iOS7 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของ iOS เท่าที่เคยมีมา แต่ผู้ใช้จะจะอยากเปลี่ยนตามรึเปล่าอันนี้ก็ต้องรอดู ทั้งที่จริงแล้วก็มีกระแสรบเร้าให้ Apple เปลี่ยนแปลงมาได้ซักระยะแล้ว แต่ผลที่ออกมาแบบนี้อาจจะผิดคาดกับหลายๆ คน แต่กับอีกหลายๆ คนคงรู้สึกเฉยๆ เพราะชอบ iOS ที่ระบบ ยังไงผมขอจบกับ iOS7 ไว้เท่านี้ถ้ามีอะไรเปิดตัวใหม่สนุกๆอีกจะมาเล่าให้ฟังกันต่อครับ