เชื่อว่าท่านที่กำลังอ่านคอลัมน์นี้ได้ทราบรีวิวรายละเอียด “ความใหม่” ของระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ของแอปเปิ้ลอย่าง iOS7 ในคอลัมน์อื่นๆ กันไปแล้ว แต่สำหรับ Mobile Insider ฉบับนี้เราจะขอมาเจาะลึกถึงกึ๋นของผู้ออกแบบ ลง iOS7 ว่ากว่าจะเป็นเมนูสีสดในนี้ เขามีปรัชญาการออกแบบอย่างไร?
“บางคนไม่รู้หรอกว่าตัวเองต้องการอะไร จนกว่าจะได้เห็นสิ่งที่ดีกว่า” ครั้งหนึ่งวาทะก้องโลกจากสตีฟ จ็อบส์ อดีตซีอีโอ และผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์นี้ ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง เพราะ “ไอโฟน” และ “ไอแพด” ถือเป็นสมาร์ทโฟนแบบใช้นิ้วสัมผัสได้คล่องตัวที่สุดตั้งแต่เคยมีการผลิตโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบนโลก! และสิ่งนี้ก็ตอบโจทย์ว่า การใช้งานอุปกรณ์มือถือแล้วใช้ปากกาสไตลัสเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันอย่างยิ่ง!
ซึ่งบุคคลที่อยู่เบื้องหลังสินค้าล้ำดีไซน์ของแอปเปิ้ลหลายต่อหลายชิ้นนั้นมีนามว่า “Jonathan Ive” ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Senior Vice President Industrial Design ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Ive ก็ได้ออกแบบฮาร์ดแวร์ยอดฮิตของโลกตั้งแต่ iMac, iPod, Macbook Pro, Mac book air, iPhone, iPad, iPad Mini และล่าสุดก็ได้สวมหมวกอีกใบมาจับงานใหม่ที่ท้าทายกว่าอย่างการออกแบบซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์เคลื่อนที่ของบริษัทแอปเปิ้ล ที่เราคุ้นชื่อกันดีว่า iOS และ iOS7 คือ ระบบปฏิบัติการล่าสุดที่แอปเปิ้ลการันตีว่าปฏิวัติดีไซน์ทั้งหมดของ iOS ที่มีตำนานมาก่อนหน้านี้ถึง 6 รุ่น!
และวันนี้หลายคน (ที่เป็นกูรูด้านการออกแบบ) ที่ได้เห็นดีไซน์ของ iOS7 ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผลงานดีไซน์ของ Ive ทำได้ดีกว่า iOS ก่อนหน้านี้จริงๆ และนี่ก็เป็นบทพิสูจน์ว่าคำพูดอมตะของจ็อบส์ในข้างต้นนั้นเป็นจริง
ก่อนจะมาเป็น ลง iOS7
Ive ถือเป็นนักออกแบบที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำเทคโนโลยียากๆ ให้ใช้งานง่ายๆ ซึ่งทุกผลงานออกแบบของเขาเข้าตำราหลักการออกแบบที่เรียกว่า “น้อยแต่มาก (Minimalist)” และที่ผ่านมาตลอด 6 ปีการออกแบบซอฟท์แวร์ของแอปเปิ้ล เน้นไปที่การเลียนแบบของจริง (skeuomorphism) เช่น ชั้นไม้ ลายผ้า เฟืองเหล็ก กระเป๋าหนัง ซึ่งเป้าหมายก็คือ ต้องการให้ผู้ใช้ที่ไม่คุ้ยเคยกับไอค่อนใดๆ สามารถที่จะอ้างอิงถึงสิ่งที่ตัวเองรู้จักอยู่แล้ว เพื่อคาดเดาว่าฟังก์ชั่นของโปรแกรมนั้นๆ ทำงานอย่างไร?
ซึ่งที่ผ่านมา ผู้รับผิดชอบการออกแบบซอฟท์แวร์ทั้งหมดของแอปเปิ้ลตั้งแต่ iOS1 ไปจนถึง iOS6 นั้น คือ Scott Forstall หนุ่มใหญ่ที่เก่งเรื่องการทำงานภายใต้ความกดดัน แต่ก็ทำพลาดอย่างยิ่งใหญ่เมื่ออัปเกรดระบบแผนที่ในระบบปฏิบัติการ iOS6 ที่ไม่เลือกใช้ของกูเกิล แต่ไปใช้ของ TomTom และซื้อบริษัทสตาร์ทอัปที่ทำด้านแผนที่อีก 3 บริษัทมาร่วมทีม แต่ก็ไร้ความแม่นยำอย่างเหนือความคาดหมาย
ทำให้ชื่อของแอปเปิ้ลโดนยำเรื่องมาตรฐานที่ตกลงไป และเมื่อเขาไม่ยอมรับความผิดพลาดครั้งนี้ ทิม คุก จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องไป ซึ่งผู้ที่จะมาแทนจะเป็นใครไม่ได้นอกจากลูกหม้อคนเก่งอย่าง Jonathan Ive
สำหรับ Ive มองว่า ตลอด 6 ปีของการใช้ iOS ทำให้เห็นว่าลูกค้าแอปเปิ้ลเก่งขึ้นแล้ว ไอเดียการออกแบบเก่าๆ อย่าง skeuomorphism นี้ก็ดูเฝือไปเสียแล้ว ดังนั้น ทันทีที่เขาได้รับตำแหน่งใหม่เพิ่มเป็นหัวหน้าทีมงานออกแบบ Human Interface หรือการปรับปรุงหน้าตาของ iOS แล้ว เขาก็ได้เชิญทีมการตลาดและการสื่อสารการตลาดมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ iOS ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการระดมสมองด้านดีไซน์ไอค่อน และโทนสี
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ว่าสีสันสดใสสไตล์รุ้งๆ นั้นมีที่มาอย่างไร? เพราะคนครีเอทีฟ ก็มักชอบสีสันสดใส ที่มองแล้วกระตุ้นให้เกิดจินตนาการใหม่ๆ นั่นเอง
iOS7 ขึ้นชื่อเรื่องความง่าย ชัดเจน และมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นด้านดีไซน์โฉมใหม่หมดจรดของ iOS7 มีรายละเอียดดังนี้…
* ไอค่อนที่ถูกออกแบบมาอย่างเป็นระบบ ระเบียบ และสมดุล พร้อมสีสันสดใส
* แบบอักษรปรับใหม่ให้ดูบางลงด้วยแบบอักษรที่ชื่อว่า Helvetica Neue Ultra Light (สำหรับภาษาไทยใน iOS7 ก็เป็นแบบไร้หัว ชื่อว่า “สุขุมวิท (Sukhumvit Set)” ออกแบบโดยบริษัท คัดสรรดีมาก จำกัด แต่ในแอพฯ Mail เน้นการใช้แบบอักษรที่มีหัวอย่าง Thonburi เหมือนเดิม เพื่อง่ายต่อการอ่านข้อความยาวๆ )
* โทนสีมาตรฐานใหม่ เน้นแบบการไล่สีอ่อนแก่ (Gradient) เน้นสีสดสว่าง (Neon Color) ให้ความรู้สึกสดชื่น และมีชีวิตชีวา
* เน้นการใช้พื้นที่โปร่ง เพื่อให้เห็นมิติระหว่างแบคกราวด์ ไอค่อน และเนื้อหาต่างๆ ชัดเจนขึ้น ซึ่งรูปแบบการออกแบบที่เน้น UI ให้ช่วยขับเนื้อหาเด่นขึ้นนี้เรียกว่า “deference” ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์การออกแบบยอดนิยมแห่งปี 2013 ด้วย
* เพิ่มภาพอนิเมชั่น ที่มิใช่แค่สวย แต่เน้นใช้ในการอธิบายข้อมูลให้ชัดเจนขึ้น เช่น แอพฯ พยากรณ์อากาศ จะเห็นกลุ่มเมฆฝนเคลื่อนไหว แสดงถึงพายุเข้า เป็นต้น
Ive กับไอดอล Dieter Rams
คนที่เชี่ยวชาญในวงการออกแบบอุตสาหกรรมรู้ดีว่า ดีไซน์การออกแบบของ Ive ที่จริงแล้วไม่ใหม่เสียทีเดียว เพราะหลายผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ล “ได้รับแรงบันดาลใจ” จากผลงานการออกแบบของ Dieter Rams หัวหน้าทีมออกแบบสินค้าจากแบรนด์ Braun ซึ่ง Ive ก็ประกาศต่อสาธารณะชนเสมอว่าผลงานการออกแบบชั้นครูของ Rams นั้นทำให้เขาได้เปิดโลก และได้ไอเดียใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
มาดูกันดีกว่าว่าผลงานเหล่านั้นมีอะไรกันบ้าง?
ที่ผ่านมาเรารู้จักผลงานสร้างสรรค์ของ Jonathan Ive กันอย่างจุใจแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นการเล่าถึงประวัติส่วนตัวของเขากันบ้าง ซึ่งสรุปได้สั้นๆ ว่า ความเป็นฮีโร่ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่วันเดียว!
ประวัติส่วนตัวของ Jonathan Ive
Jonathan Ive แท้จริงเป็นชาวอังกฤษ เกิดที่เมือง Chingford ตั้งอยู่ทางลอนดอนตะวันออก ได้พรสวรรค์การออกแบบจากบิดาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาจารย์สอนด้านการออกแบบมาก่อน ตัวเขาเองแม้จบการศึกษาจากอาชีวะศึกษา แต่ก็ได้รับมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลเมื่อปี 2003 ใช้ผลงานสร้างดีกรีให้กับตัวเอง ปีนี้เขาอายุ 46 ปี แต่งงานและมีภรรยากับลูกแฝดชาย 9 ขวบ
Ive เริ่มทำงานกับแอปเปิ้ลเมื่อปี ค.ศ. 1992 ในช่วง 3 ปีแรกของเขากับแอปเปิ้ลไม่ค่อยดีนัก (ยุคที่สตีฟ จ็อบส์ยังไม่ได้กลับเข้ามาเป็นซีอีโอ) เขาได้รับมอบหมายออกแบบพีดีเอที่ชื่อว่า Newton และออกแบบถาดรับกระดาษในเครื่องพริ้นเตอร์ ซึ่งฟังดูแล้วก็ต้องเซ็งใช่เล่น
แต่แล้วในที่สุด เมื่อปี 1998 เขาก็ได้ออกแบบผลงานเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนชะตาชีวิตของบริษัทแอปเปิ้ลด้วยการเปิดตัว iMac คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะระบบปฏิบัติการแมคที่มีหลายสีเหมาะกับวัยทีน (ว่ากันว่าราคาจริงสูงลิ่วถึง 270,000 บาท แต่ดั้มราคาขายเพียง 60,000 บาท เพื่อดึงดูดลูกค้า และเน้นปริมาณการขาย)
หลังจากจ็อบส์ กลับมาดำรงตำแหน่งซีอีโอ เขาก็มีโอกาสทำงานใกล้ชิด และรายงานตรงต่อซีอีโอคนเก่ง และด้วยผลงานที่เป็นที่โดดเด่น ทำให้สินค้าแอปเปิ้ลดึงดูดใจคนทุกเพศทุกวัยด้วยดีไซน์เรียบแต่เท่ ทำให้แอปเปิ้ลผันตัวเองจากการเป็นบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ มาเป็นบริษัทผลิตสินค้าเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค จึงทำให้เกิด ไอพอด ไอโฟน ไอแพด ฯลฯ ซึ่งสินค้าขนาดจิ๋วในยุคหลังมี Ive เป็นผู้กุมบังเหียนด้านดีไซน์ฮาร์ดแวร์ทั้งสิ้น
ในปี 2010 นิตยสารฟอร์จูนมอบตำแหน่งดีไซน์เนอร์ที่อัจฉริยะที่สุดในโลกให้กับเขา และเมื่อกลางปี 2012 เขาก็ได้รับเกียรติสูงสุดในชีวิตจากเจ้าหญิงแอน แห่งอังกฤษ ที่ทรงมอบตำแหน่งอัศวิน หรือ Knight Commander of the British Empire (KBE) ให้กับเขา จึงทำให้การเรียกชื่อทางการของเขาถูกเปลี่ยนเป็น Sir Jonathan Ive อย่างเต็มยศ
ตลอดชีวิตการทำงานด้านการออกแบบทั้งฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ ทำให้เขามีสิทธิบัตรด้านการออกแบบกว่า 300 ชิ้น และที่ผ่านมาเขาเคยได้ผลตอบแทนจากการทำงานหนักให้กับแอปเปิ้ลด้วยหุ้นของแอปเปิ้ลที่มีมูลค่าถึง 630 ล้านบาท แบบที่แหละที่เขาเรียกว่าเป็นยิ่งกว่าโบนัส
และเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาก็ได้รับตำแหน่งเพิ่มและท้าทายยิ่งกว่าเดิมคือ การเป็นหัวหน้าทีมออกแบบ Human Interface เพื่อมารับจ็อบสร้าง iOS7 นั่นเอง
3 เคล็ดลับของการเป็นนักออกแบบชั้นยอด
ถึงแม้ Ive จะให้สัมภาษณ์กับสื่อไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งเขาก็บอกถึงเคล็ดลับความสำเร็จของตัวเองให้กับคนรุ่นหลังทราบโดยเสมอ นั่นก็คือ
– จงยอมรับว่าคนเราผิดพลาดกันได้ และเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิด ก็ต้องลงไปดูลึกๆว่าสิ่งที่ผิดพลาดคืออะไร จากนั้นก็นำมันมาเป็นบทเรียนในการทำสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม
– รู้จักตั้งคำถาม
– รู้ว่าอะไรสำคัญ และอะไรโคตรจะสำคัญ ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ตัดอะไรที่ไม่สำคัญออกไปได้อย่างง่ายดาย และโฟกัสเฉพาะส่วนที่ต้องใช้งานจริงๆ
ขอปิดท้ายด้วย คำคมจาก Jonathan Ive “การจะทำให้ตัวเองต่างจากคนอื่นนั้นง่าย และทำให้ดีกว่าคนอื่นนั้นยากยิ่ง!” คำกล่าวนี้จะช่วยเคลียร์ข้อครหาที่ว่า iOS7 ก็อปปี้ดีไซน์ระบบปฏิบัติการอื่นนั้น จริงแท้แค่ไหน ก็ต้องรอดูเมื่อวันที่ iOS7 เปิดให้อัปเกรดอย่างเป็นทางการ แล้วผู้บริโภคก็จะเป็นผู้ตัดสินเองว่า iOS7 ดีไซน์ที่คล้ายกับคู่แข่งอื่นในตลาดนั้น ที่แท้จริงกลับช่วยให้การใช้งานไอโฟน ไอแพด ดีขึ้นจริงๆ หรือไม่!?!