นอกจากกล้องความละเอียดที่สูงถึง 108 ล้านพิกเซลแล้ว Samsung Galaxy S20 Ultra 5G ยังมีเซ็นเซอร์กล้องขนาดใหญ่อีกด้วย ทำให้การถ่ายภาพในสภาวะแวดล้อมต่างๆ ทำได้ดีขึ้น และยังมีเทคโนโลยี Nona-Binning มาช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และ Re-mosaic ที่จะเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ 2 เทคโนโลยีนี้กันครับ
ทำความรู้จักเทคโนโลยี Nano-Binning และ Re-mosaic
ด้วยเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มีขนาด 1/1.33 นิ้ว ทำให้ Samsung Galaxy S20 Ultra 5G นั้นจะได้รูปภาพที่ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มีขนาดพิกเซล 0.8 ไมครอน ซึ่งขนาดพิกเซลที่เล็กนี้ เวลาถ่ายรูปทำให้ได้เม็ดพิกเซลที่มีขนาดเล็กเก็บรายละเอียดได้มาก แต่เวลาในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะทำได้ไม่ดี เพราะพิกเซลมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้ซัมซุงได้นำ 2 เทคโนโลยีนี้มาใช้งาน
Nona-binning เพื่อรูปภาพที่สว่างสดใสแม้ถ่ายในที่แสงน้อย
สำหรับเทคโนโลยี Nona-binning นี้จะเป็นการรวม 9 พิกเซลมาเป็น 1 พิกเซล ดังนั้นการใช้เซ็นเซอร์ 108 ล้านพิกเซลถ่ายรูปภาพ พิกเซลทั้งหมดก็จะถูกรวมมาเป็นรูปภาพความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ก็จะได้พิกเซลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 2.4 ไมครอน ทำให้ได้ภาพที่สีสันสดใสสวยงาม
ซึ่งการถ่ายภาพในที่แสงน้อย Samsung Galaxy S20 Ultra 5G ยังมาพร้อม Night Mode ที่ทำการเก็บรูปภาพ 14-30 เฟรม ใน 5 วินาที แล้วนำมาซ้อนทับกันเพื่อให้ได้รูปภาพที่มีความสว่างสดใส ชัดเจน และลด Noise ลงไปให้ได้มากที่สุด
Re-Mosaic เพื่อแสดงรายละเอียดได้ชัดเจนมากขึ้น
เมื่อถ่ายรูปภาพด้วยเซ็นเซอร์ 108 ล้านพิกเซล จะทำให้ได้รูปภาพที่มีพิกเซลจำนวนมาก เพื่อที่จะให้แสดงรายละเอียดของรูปภาพได้ชัดเจนขึ้น ทางซัมซุงจึงได้พัฒนาเทคโนโลยี Re-Mosaic ขึ้นมา โดยการทำงานของเทคโนโลยียนี้จะเป็นการจัดเรียงพิกเซลความละเอียด 108 ล้านพิกเซลให้มาอยู่ในรูปแบบของ RGB ใหม่ เพื่อแสดงรายละเอียดได้ดีและชัดเจนขึ้น ซึ่งการถ่ายรูปภาพด้วยความละเอียด 108 ล้านพิกเซลนี้จะเหมาะสำหรับการถ่ายในที่สว่างหรือกลางแจ้ง และจะได้ไฟล์ขนาดใหญ่กว่าปกติด้วย
ที่มา Samsung
ซื้อ SAMSUNG Galaxy S20 Ultra 5G (128GB, สี Cosmic Black) คลิกที่นี่