Samsung S Pen ชื่อนี้หลายคนคุ้นหูกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับคนที่ใช้มือถือของแบรนด์ในตระกูล Galaxy Note หรือแท็บเล็ตอย่าง Galaxy Tab มาวันนี้ก็เป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง หลังจากการเปิดตัวของ Galaxy Note 9 สดๆร้อนๆ ที่ความสามารถของมันถูกขยายเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากแค่การขีดๆเขียนๆบนหน้าจอ เราขอพามารู้จักกับมันแบบละเอียดกันหน่อยดีกว่า ว่ามันทำงานยังไง แล้วมีเทคโนโลยีอะไรอยู่เบื้องหลังบ้าง
Samsung S Pen ตำนานที่มีเบื้องหลังอย่าง Wacom
ย้อนกลับไปในยุคสมัย พ.ศ. 2554 กว่า 7 ปี ที่เราได้รู้จักกับมือถือ Samsung Galaxy Note ตัวแรก มาพร้อมกับปากกา ให้เราได้ใช้วาดเขียนลงบนหน้าจอได้ จนมันกลายเป็นส่วนนึงของ Samsung มาตั้งแต่นั้น แม้ว่าว่าจะมีการใช้กันมาตั้งแต่เครื่อง PDA จอขาวดำนู่นแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะปฏิเสธไม่ได้ ว่ามันเป็นอุปกรณ์สำคัญชิ้นนึง ที่ช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์พกพาที่มีหน้าจอได้เป็นอย่างดี
Samsung ได้ Partner สำคัญ ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะมาช่วย คือ Wacom (บริษัททำเมาส์ปากกาสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์) เป็นผู้นำด้านปากกาดิจิตอลเจ้าดังเลย ใช้ชื่อเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Active Digitizer ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงใช้อยู่บน Galaxy Note 9 นี้ด้วย
ในเครื่องมือถือหรือแท็บเล็ตที่รองรับปากกา S Pen จะมีการใส่ระบบ Active Digitizer ไว้ใต้หน้าจอ คอยส่งสัญญาณสนามคลื่นแม่เหล็กออกมา เมื่อเราเอาปากกาไปใกล้หรือแตะลงไป มันจะทำการสื่อสารกับตัวปากกาทันที ซึ่งพลังงานทั้งหมด จะถูกส่งผ่านแบบไร้สายจากหน้าจอไปยังตัวปากกา ให้ทำงานต่างๆอย่างการบอกตำแหน่งหัวปากกา และโดยเฉพาะกับงานยากที่สุดอย่างการบอกระดับแรงกดจากมือของเรา ตัวเครื่องจะได้รู้ว่าเส้นที่ลากนั้นต้องหนักเบาแค่ไหน และมันดีงามมากๆตรงที่การทำงานทั้งหมด ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่เลย ปากกาก็เลยเบาหวิวได้อย่างที่เห็น
S Pen Note 9 ขั้นกว่าของปากกาตัวเดิม
มาดูปากกาตัวล่าสุดกันบ้าง เพราะมันเป็นอะไรที่ดูง่ายดาย แต่ก็คิดไม่ถึงจริงๆ Samsung ใส่เทคโนโลยีที่เรารู้จักกันดีเพิ่มเข้าไปตัวนึงคือ Bluetooth ทีนี้ตัวปากกาก็จะสามารถคุยกับตัวเครื่องได้ไกลกว่าเดิมมาก โดยปกติ สเปคของเทคโนโลยีไร้สายนี้จะอยู่ที่ราวๆ 10 เมตร อันนี้เรายังไม่ได้ลองทดสอบว่าได้ถึงมั้ย เดี๋ยวจะมาอัพเดทเพิ่มเติมกันอีกที แต่ที่แน่ๆคือเราใช้มันได้แม้ว่าจะอยู่ห่างออกมาจากตัวเครื่องแน่ๆ
และนั่นก็ทำให้เราใช้ปุ่มตัวเดิมบนปากกา มาใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์กล้องจากระยะไกลได้ ใช้เป็นปุ่มควบคุม หยุด/เล่น วิดีโอบน YouTube ได้ หรือจะเอาไว้ใช้เลื่อนสไลด์นำเสนอ PowerPoint ก็ได้เหมือนกัน และคาดว่ามันน่าจะมีความสามารถกับแอพฯอีกหลายตัวตามมาด้วย
บางคนที่รู้เรื่องเทคโนโลยีมากๆอาจจะสงสัยว่า เอ้า แล้วตัวปากกามันไปเอาพลังงานจากไหนมาใช้ส่งสัญญาณ Bluetooth ล่ะ มันมีแบตเตอรี่ข้างในเหรอ คำตอบคือใช่แล้ว แต่ว่ามันไม่ได้เป็นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่อะไรมากมาย มันเป็นเพียง Supercapacitor ตัวเล็กๆในการเก็บประจุพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้ส่งสัญญาณนั่นเอง เลยทำให้มันไม่ได้มีน้ำหนักมากขึ้นอะไรมากมาย ความรู้สึกในการใช้งานไม่แตกต่างไปจากเดิมเลย