สวัสดีครับ ผมปีเตอร์กวงควงมือถือ จากรายการ “แบไต๋ไฮเทค เดลี่ไฟว์ไลฟ์” ที่ถ่ายทอดสดออกอากาศ ตรงจาก Beartai Digital Gateway Studio ชั้น 4 Digital Gateway สยามสแควร์ ทุกวันศุกร์, เสาร์, อาทิตย์, จันทร์ และอังคาร และออกอากาศไปยังสถานีทีวีดาวเทียมต่างๆ อีก 5 ช่อง ไม่ว่าจะเป็น Dude TV ในวันศุกร์ Voice TV ในวันเสาร์ Nation Channel ในวันอาทิตย์ Mango TV ในวันจันทร์ และ Gang Cartoon Channel ในวันอังคาร (วันธรรมดา 19:00, วันหยุด 16:00) โดยผมมาประจำการใน What Phone Magazine ทุกเดือน เพื่อไขข้อข้องใจและเก็บตกข่าวความเคลื่อนไหวใน วงการเทเลคอมทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ สำหรับฉบับนี้จะมาพูดถึง Screen 3 กับ แนวโน้มของการออกแบบโทรศัพท์ มือถือ อย่างที่เราเห็นตอนนี้จะมีโทรศัพท์มือถือออกแบบใหม่ๆ มามีขนาดหน้าจอที่ใหญ่โตกว่าที่เคยเป็น ขณะที่รุ่นเล็กๆ ก็ยังคงมีให้เลือกอีกหลากลาย แล้วแท็บเล็ตเองก็ยังมีขนาดใหม่ๆ เป็นทางเลือกให้อีก สิ่งเหล่านี้ได้อิทธิพลมาจากอะไร วันนี้ ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
Screen 3 – ที่มาของจอที่สามสำหรับทุกคน
แนวความคิดของ Screen 3 นี่เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7-8 ปีก่อน โดยบริษัท Motorola Inc. อดีตยักษ์ใหญ่ของวงการโทรศัพท์ มือถือ และเป็นบริษัทแรกที่พัฒนาโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมา และจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงทศวรรษ 80 นู่นเลย ทำให้เราได้มีโทรศัพท์มือถือใช้กันมาจนถึงวันนี้ Screen 3 พูดถึงการที่มนุษย์เรานั้นเกิดมาจากเจ้า “Screen” หรือ “จอภาพ” เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิต เราอยู่ 3 อย่าง Screen แรกก็คือ “โทรทัศน์” (ทีวี) ซึ่งทุกคนเกิดมาบนโลกส่วนใหญ่ก็จะคุ้นเคยกับ Screen แรกอย่างทีวีกันทั้งนั้น ทีวีนั้นเป็นจอภาพที่เราทุกคนใช้เพื่อรับสัญญาณของ Content หรือข้อมูลข่าวสารมาจาก ผู้แพร่ภาพ ข้อมูลข่าวสารเหล่านั้น เป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีทุกบ้าน และสำคัญมากกับพวกเราทุกคน มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข่าวสาร หนังหรือภาพยนตร์ การ์ตูน สารคดี และความบันเทิงต่างๆ ซึ่งก็ยังมีธุรกิจมากมายยังทำ Content เพื่อนำไปสู่เชิงพาณิชย์ อยู่เป็นหลัก ก็เพราะว่าทีวีเป็นสิ่งที่มีมาช้านาน และไม่ซับซ้อนแต่อย่างใดๆ ทุกวันนี้ทีวีก็ยังเป็น “Screen 1” ที่ พวกเรา ทุกบ้านทุกครัวเรือนขาดไม่ได้ ยิ่งมีทีวีดาวเทียมเกิดขึ้นมาอีกเป็นร้อยๆ ช่องอีก ทำให้ทางเลือกของ การเสพสาระของทีวียิ่งมากขึ้นไปอีก
แต่ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ วันนี้คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในเมืองใหญ่มัก จะเป็นลักษณะ “ไม่ดูทีวี” กันแล้ว เพราะคนรุ่นใหม่หันไปใช้ “Screen2” นั่นก็คือคอมพิวเตอร์ วันนี้เราต้องยอมรับเลยว่า “Screen2” นั้นเราแทบจะมีกันคนละเครื่องเลย เราต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานต่างๆ มากมาย หรือแม้จะใช้เพื่อ ความบันเทิง ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือจะใช้เพื่อสร้างสรรค์ Content เพื่อ “Screen1” ด้วยซ้ำ และสิ่งที่เปลี่ยนโลกกับ “Screen2” นั่นก็คือ Internet นั่นเอง คอมพิวเตอร์เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ก่อนเจ้า โทรศัพท์มือถือเสียอีก จนกระทั่งวันนี้ คอมพิวเตอร์ก็เริ่มถึงจุดที่อิ่มตัว จะซื้อจะหาก็ไม่ยาก ราคาถูกลงมากๆ แล้ว ขณะที่การเกิดมาของ Screen ที่สามนั้น มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ คู่ไปกับการพัฒนาที่ถึงขีดสุดอย่างคอมพิวเตอร์ จากที่เราใช้โทรศัพท์มือถือ เพื่อในการสื่อสาร ด้วยเสียง โทรคุยติดต่อสื่อสารกันในระยะไกล แต่วันนี้โทรศัพท์มือถือมาถึงยุคของ 3rd Generation (3G) และ 4th Generation (4G-LTE) ทำให้ปลดล็อคและติดปีกให้กับโทรศัพท์มือถือ สามารถติดต่อข่าวสารผ่านอินเตอร์เนตความเร็วสูง รวมกับการเกิดขึ้น
โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ทำให้โทรศัพท์มือถือวันนี้กลายเป็น “Screen ที่ 3” ที่มีบทบาทอย่างมาก เพราะวันนี้แทบทุกคนต่างก็มีโทรศัพท์มือถือกันทั้งนั้น ยิ่งตอนนี้สมาร์ทโฟนกำลังมาแรงด้วย ทำให้ผู้ผลิตต่างๆ ยิ่งใส่ พัฒนาการเข้าไปมากยิ่งขึ้น ทำให้โทรศัพท์มือถือวันนี้มีลูกเล่นมากมาย เราแทบจะใช้โทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน แทนคอมพิวเตอร์ในหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้โทรศัพท์มือถือเข้าสู่อินเตอร์เนต แทนที่จะใช้คอมพิวเตอร์อยู่ในบ้าน แต่ใช้เจ้าโทรศัพท์มือถือแทน ในทุกๆ ที่ๆ เราไปได้ ใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อสื่อสารทางอีเมลล์ในการทำงาน ฟังเพลง ดูหนัง เข้าถึงข่าวสาร เล่น Facebook, Instagram, Twitter และอื่นๆ มากมาย แทบจะใช้แทนคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกง่ายดายมาก เพราะ ติดอยู่กับตัวเราตลอดเวลา ไปไหนก็เอาไปด้วย ยิ่งมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นแล้วติดตั้งเข้าไปในสมาร์ทโฟนได้ ไม่ต่างอะไรกับ คอมพิวเตอร์ ยิ่งทำให้เจ้า “Screen3” อย่างโทรศัพท์มือถือนั้นเกิดความสมบูรณ์อย่างที่สุด โดยกลายมาเป็นระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ของธุรกิจเครื่องมือสื่อสารเหล่านี้ นั่นเป็นเหตุที่วันนี้ยอดขายของสมาร์ทโฟน ถึงเกิดขึ้นสูงมาก ขณะที่ Tablet ก็เข้ามาเป็นส่วนเติมของพัฒนาการจากโทรศัพท์มือถือเข้ามาอีกดูไปก็คือ การเอา สมาร์ทโฟนมาทำจอให้ใหญ่ขึ้นนั่นเอง เพื่อให้ การใช้งาน “Screen 3” นี้เป็นไปด้วยความสะดวกและสบายมากยิ่งขึ้น เพราะ จอใหญ่ก็เห็นง่ายขึ้น เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น
Fonblet / Phablet โทรศัพท์มือถือลูกผสมพันธุ์ใหม่
โทรศัพท์มือถือ นั้นเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ร่วม 30 ปีแล้ว พัฒนาการของโทรศัพท์ก็ผ่านมาสู่ยุคที่กลายมาเป็นสมาร์ทโฟน วันนี้ใครจะเลือกโทรศัพท์มือถือสักเครื่อง ก็คงต้องมองมาที่สมาร์ทโฟนเป็นทางเลือกแรก ซึ่งวันนี้ก็มีหลากหลายราคา มากมาย มีตั้งแต่สองพันกว่าบาทจนไปถึงสองหมื่นกว่าบาท หรือจะเลือกแบบ Tablet ก็สุดแล้วแต่ความต้องการ เพื่อการนำไปใช้งานที่หลากหลายอย่างที่ต้องการ หรือบางคน ก็อาจจะมีทั้งสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่ง และ Tablet อีกเครื่องหนึ่งเพื่อใช้งานการทำงานควบคู่ไปกับการสื่อสาร อย่างน้อยก็ให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานทั้งสองอุปกรณ์อยู่รอด ไปได้ทั้งวันเวลาที่ออกไปนอกบ้าน เพราะถ้าใช้เครื่องเดียวแบตเตอรี่คงหมดก่อนถึงบ้านเป็นแน่แท้
ขณะเดียวกันความต้อง การของมนุษย์ไม่ได้อยู่กับที่ พัฒนาการในด้านข่าวสาร ความบันเทิงต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เสพกัน ก็มีออกมามากมาย การพัฒนา “Screen ที่ 3” จึงถูกกระตุ้นต่อเนื่องต่อไป ผู้ผลิตเห็นถึงช่องว่างระหว่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจึงเกิดอุปกรณ์ ที่มาตอบสนองความต้องการตรงกึ่งกลางนั้น นั่นก็คือ “Fonblet” หรือจะเรียกว่า “Phablet” เป็นลูกผสมระหว่าง “Smartphone” กับ “Tablet” นั่นเอง นิยามของ “Fonblet” ก็คืออุปกรณ์ Smart Device ที่มีขนาดตั้งแต่ 5.0” – 7.0” ก็คือ ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน แต่เล็กกว่าแท็บเล็ต นั่นเอง
ถ้าดูไปก็ตอนนี้เริ่มมีออกมามาย อาทิเช่น Samsung Galaxy Mega 5.8 ซึ่งมีขนาดจออยู่ที่ 5.8”, Samsung Galaxy Mega 6.3 มีขนาดจอ 6.3”, Huawei Ascend Mate มีขนาดจอ 6.1”, Sony Xperia Z Ultra มีขนาดจออยู่ที่ 6.4”, LG Optimus G Pro มีขนาดจอ 5.5”, Samsung Galaxy Note II มีขนาดจอ 5.5” และยังมีอีกหลายยี่ห้อที่กำลังพาเหรดในการพัฒนา Fonblet ออกมาอีกมากมาย แทบทุกค่ายเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งถ้าใครได้ลอง สัมผัสมาเหมือนผม จะรู้สึกได้เมื่อจับขึ้นมาอยู่ในมือ ถามว่าใหญ่ไหม แน่นอนครับ ใหญ่มากๆ แต่ในการดีไซน์แล้วผมเข้าใจ ว่าทุกยี่ห้อได้ทำวิจัยกันมามากพอสมควร ในการวางดีไซน์ตัวเครื่องไม่ให้ใหญ่จนเกินไปสำหรับความกว้าง แต่ดีไซน์จะออก ไปทางสูงขึ้นมากกว่า
อีกสิ่งที่ทำได้คือทำให้ขอบรอบตัวเครื่องนั้นบางลงให้มากที่สุดเพื่อให้เครื่องมีความกว้างกระชับ มากขึ้น เหมาะกับการถือและใช้งานมือเดียวให้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าใช้มือเดียวคงไม่ถนัดเท่าไรนัก ความใหญ่และความ หนักแลกกับหน้าจอที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟน แต่ไม่ต้องถือเทอะทะแบบแท็บเล็ต น่าจะถูกใจหลายๆ คนเป็นแน่แท้ จอใหญ่ๆ แบบ Fonblet ทำให้การอ่านเว็บไซต์นั้นทำได้ดีมากยิ่งขึ้น มองเห็นง่ายขึ้น การเล่นแอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยเฉพาะเกมก็ย่อมมีประสบการณ์ที่ดีขึ้นตามขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นด้วย การใช้งานในด้านการดูไฟล์วิดีโออย่าง YouTube หรือการโหลดหนังมาใส่เครื่องแล้วดูระหว่างอยู่นอกบ้านก็ให้อรรถรสที่เต็มตามากขึ้น โดยไม่ง้อที่จะต้องแบกแท็บเล็ต ออกจากบ้านอีกต่อไป ขณะที่บางคนอาจจะดาวน์โหลดการ์ตูนแบบ PDF ไฟล์ใส่ลงไปเพื่ออ่าน ก็เหมาะมือมากยิ่งขึ้นกว่า การใช้บนแท็บเล็ตเป็นไหนๆ อาจมีคำถามมาว่าแล้วแบตเตอรี่ล่ะ จะอยู่ทนหรือป่าว จอใหญ่ซะขนาดนี้ ต้องบอกว่าผู้ผลิต เองก็ทำการบ้านมาเยอะครับ แบตเตอรี่ที่ผมเห็นว่ามากับ Fonblet นั้นมีขนาดไม่ต่ำกว่า 3,000 มิลลิแอมป์กันเลยทีเดียว บางยี่ห้อก็ปาไปกว่า 4,000 มิลลิแอมป์ครับ (เทียบกับสมาร์ทโฟน iPhone 5 – 1,400 mAh, HTC One – 2,300 mAh, Galaxy S4 – 2,600 mAh เป็นต้น) ทำให้อยู่ได้กันเป็นวันๆ หรือกว่านั้น เพราะส่วนที่กินพลังงานมากที่สุดสำหรับโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตก็แล้วแต่ จะเป็นส่วนภาคโทรศัพท์ครับ ยิ่งถ้าโทรนาน เล่นเนตผ่าน 3G นานๆ แบตเตอรี่ก็จะหมดเร็วขึ้นครับ หน้าจอหรือ Wi-Fi ยังไม่ถือว่ากินไฟมากสุดครับ ในอนาคตผมเชื่อว่าเราก็จะเห็นเทรนด์ของ Fonblet ออกมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือต่างๆ ที่ออกมานั้นก็ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตต่างๆ ก็ให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าใหม่นี้กัน ทั้งนั้น ยังมีทางเลือกอีกมากมาย ค่อยๆ ดูกันไปนะครับ ถ้าจะดีก็แนะนำว่าไปตามร้านมือถือใหญ่ๆ แล้วไปลองเล่นลองจับ ดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจนะครับ เอาให้แน่ใจว่ามันเหมาะกับเราจริงๆ ไม่งั้นซื้อมาแล้วไม่ชอบก็เสียเงินเปล่าๆ
Smartphone / Tablet จะกลายพันธุ์ต่อไปหรือไม่
Smartphone และ Tablet วันนี้ถือว่ามีการแข่งขันที่สูงมาก จะเห็นได้จากที่ตอนนี้มีผู้ผลิตรายเล็กรายน้อยเกิดขึ้นมากมายเต็ม ไปหมด แต่คุณภาพที่ได้ก็ต้องบอกว่ามีความต่างกันอยู่ ขณะที่สินค้าที่มาจากยี่ห้อใหญ่ๆ ก็ยังมีราคาที่สูงกว่ายี่ห้อเล็กๆ เป็นปกติ หรือในบางรุ่นก็ต้องบอกว่ายี่ห้อเล็กๆ ก็ทำมาได้ดีมากพอที่จะทำให้คนยอมเลือกด้วยราคาที่ถูกกว่าร่วมครึ่ง แต่ก็ ต้องระวังสักนิดหนึ่ง เพราะยังมียี่ห้อเล็กๆ อีกมากมายที่ทำมายังไม่มีคุณภาพที่ดีพอ วันนี้เทคโนโลยีสมาร์ทโฟนเกิดขึ้นมา เป็นทางเลือกมากมายมีราคาต่างกันๆ ผู้ผลิตมากมายเหลือเกิน อันนี้ก็ต้องขอบคุณ Google ที่วางกลยุทธของ Android OS ให้เกิดมาเป็นแบบนี้ ใครใคร่ทำก็หยิบไปพัฒนาต่อ ไปทำออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ได้เลยโดยไม่มีต้นทุนของซอร์ฟแวร์ที่สูงแต่ อย่างใด จากนี้ไปก็คงอยู่ที่ว่าใครจะสามารถพัฒนาลูกเล่นอะไรเข้ามาใส่กับ Smartphone/Tablet เพื่อขยายขีดความสามารถ ของมันได้ต่อไปอีก วันนี้เราก็เริ่มเห็นแล้วบ้างแบบที่ผมขออนุญาตเรียกว่าแบบ “Hybrid” อาทิเช่น Samsung Galaxy Camera, Samsung Galaxy S4 Zoom ที่รวม เอาคุณสมบัติของกล้องดิจิตอลจริงๆ เข้ามาด้วยกัน มีชิ้นเลนซูม แบบกล้อง ดิจิตอล กลายเป็นลูกผสมของสมาร์ทโฟนที่มีกล้องคมชัดมากๆ หรือการที่เอาหลอดฉายโปรเจคเตอร์ขนาดเล็กไปใส่ อยู่กับสมาร์ทโฟน อย่าง Samsung Galaxy Beam ก็ทำให้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนของคุณกลายเป็นเครื่องฉายแบบเคลื่อนที่ไป เลยนำไปใช้ได้ในทุกทีที่ต้องการ ในอนาคตเราคงได้เห็นอะไรแบบนี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนเทรนด์ของหน้าจอก็เป็นอีกเรื่อง หนึ่ง ซึ่งตอนนี้เราก็ได้เห็นหน้าจอของสมาร์ทโฟนนั้นแทบจะซอยย่อยออกมากมายเลย ตั้งแต่ 3.0”, 3.2”, 3.5”, 3.7”, 3.8”, 4.0”, 4.3”, 4.5”, 4.7”, 4.8”, 5.0” อนาคตก็คงมีอีกแซมออกมาในไซส์ที่ยังไม่มีอีกมากมาย แล้วใส่กล้องความละเอียดที่สูงๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ อย่าง 13 MP, 16 MP, 20 MP กันเลยทีเดียว
ขณะที่แท็บเล็ตเองก็มีการพัฒนาเรื่องขนาดหน้าจอมาหลากหลาย เพิ่มขึ้น 7.0”, 7.7”, 8.0”, 10.1” อนาคตคาดกันว่าจะมีขนาดหน้าจอระดับ 12.0” ออกมากันอีก ไม่แน่อีกหน่อยอาจใหญ่ถึง 14.0” ก็เลยเป็นได้ แล้วเอามาใช้แทนคอมพิวเตอร์กันไป อีกมุมหนึ่งผมเชื่อว่าแท็บเล็ตเองยังสามารถพัฒนาให้มีความหลาก หลายในความสามารถต่างๆกันได้อีก แต่ในมุมหนึ่งของแท็บเล็ตนั้น ยังมีขนาดของตลาด (ยอดขายที่จำกัด) กว่าสมาร์ทโฟน หรือโทรศัพท์มือถือมาก ไม่ต่างอะไรกับที่เราซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งแล้วใช้กันไปสองสามปี เช่นกันการซื้อแท็บเล็ตหนึ่ง เครื่องใช้งานคงไม่หนักเท่ามือถือ เราคงไม่ได้ใช้ตลอดเวลา ไม่ได้หอบไปไหนตลอดเวลา อายุการใช้งานก็นาน
แท็บเล็ตแต่ละรุ่นที่ออกมาในปีที่ผ่านไปก็ไม่ได้มีพัฒนาการอะไรที่ต่างจากรุ่นเก่ามากกว่ากันมากนัก ทำให้ตลาดของแท็บเล็ตเองก็เลย ค่อนข้างจะเติบโตช้าลงแล้วในเวลานี้ ต่างจากโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่เราต้องพกพาไปด้วยตลอดเวลา ใช้ก็บ่อยกว่ามาก โดยเฉพาะการที่คนเราต้องเดินทางไปมา ติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างเราอยู่ไม่ขาด โอกาสเสียหาย ตกแตก พังก็มีมากเป็นเงาตามตัว แถมแต่ละปีก็มีรุ่นใหม่ๆ สวยๆ มายั่วเราได้ตลอดเวลา นั่นเป็นเหตุผลที่การแข่งขันในตลาดสมาร์ท โฟนถึงดุเดือดและมีสินค้ารูปแบบใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่องอยู่เสมอ “Screen ที่ 3” นี้ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับชีวิตของมนุษย์ อย่างเรากันต่อไปอีกนาน มารอดูกันว่าอนาคตจะมี “Screen ที่ 4” เข้ามาในชีวิตของเราอีกหรือไม่…แล้วมันจะเป็นอะไร??
สำหรับแฟนๆท่านใดที่มีคำถาม สามารถติดตามมาได้ที่ twitter ของผม @peter2514 นะครับ ส่วน facebook ตามมาได้ที่ www.facebook.com/Peerapol หรือจะอีเมลล์มาที่ peter.guang@yahoo.com ก็ได้นะครับ แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะครับ