สำหรับใครหลายๆ คนในยุคนี้คงจะรู้จักคำว่า เซลฟี่ กันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งการเซลฟี่โดยความหมายที่แท้จริงแล้วคืออะไร มีความเป็นมากอย่างไร สมาร์ทโฟนที่เน้นเซลฟี่ในปัจจุบันมีรุ่นใดบ้างและแต่ละรุ่นมีจุดเด่นอย่างไร วันนี้ ทาง Whatphone ก็จะพาทุกคนไปเรียนรู้การเซลฟี่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะเป็นอย่างไรนั้นไปชมพร้อมๆ กันเลยครับ
ที่มาของคำว่า Selfie (เซลฟี่) และประวัติความเป็นมา
ภาพถ่ายเซลฟี่ภาพแรกของโลก
คำว่า Selfie (เซลฟี่) ถูกบัญญัติขึ้นในพจนานุกรมฉบับออกซ์ฟอร์ดฉบับปี 2013 มีความหมายว่า “รูปถ่ายที่ถ่ายด้วยตัวเอง ซึ่งถ่ายจากกล้องของสมาร์ทโฟนหรือกล้องของเว็บแคมและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย” แต่ในความเป็นจริง การเซลฟี่มีมานานกว่านั้นเป็นร้อยปีแล้ว (คำว่าเซลฟี่ยังไม่เกิดขึ้นในตอนนั้น) การเซลฟี่ครั้งแรกของโลกโดยที่มีการจดบันทึกและหลักฐานยืนยันเกิดขึ้นเมื่อปี 1839 ซึ่งเป็นภาพของ Robert Cornelius ซึ่งถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม พร้อมกับเขียนข้อความที่ด้านหลังภาพถ่ายว่า “ภาพที่ถ่ายด้วยแสงครั้งแรกในปี 1839 (The first light Picture ever taken. 1839)”
ภาพถ่ายที่ได้จากการใช้ไม้เซลฟี่ครั้งแรกของโลก
ต่อมาในปี 1983 Hiroshi Ueda เป็นชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในบริษัทผลิตกล้องถ่ายภาพยักษ์ใหญ่อย่าง Minolta ได้จดสิทธิบัตรของไม้เซลฟี่สำหรับกล้องถ่ายรูปเป็นครั้งแรกของโลก สิทธิบัตรมีผลบังคับใช้ในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1985 ซึ่งแน่นอนว่าการจำหน่ายไม้เซลฟี่ในยุคนั้นไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
การเซลฟี่ในยุคก่อนๆ ยังไม่เป็นที่นิยมนัก เนื่องจากกล้องถ่ายรูปที่ใช้มีน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก, ขั้นตอนการถ่ายภาพที่ซับซ้อน, ระบบอัตโนมัติที่ยังไม่แม่นยำและรวดเร็วเท่าสมัยนี้, ไม่มีจอให้มองในขณะเซลฟี่ และเหตุผลสำคัญคือ หากใช้กล้องฟิล์มเมื่อถ่ายพลาดจะเสียภาพไปหนึ่งฟิล์ม ซึ่งเป็นการสิ้นเปลือง
การเซลฟี่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นด้วยการมาของสมาร์ทโฟนที่มีกล้องดิจิตอลในตัว ซึ่งมีข้อดีตรงที่
- ใช้งานง่ายไม่ว่าใครก็ใช้เป็น
- สมาร์ทโฟนมีขนาดที่เล็กกว่ากล้องดิจิตอล จึงพกพาได้สะดวก
- สามารถถ่ายกี่ครั้งก็ได้จนกว่าหน่วยความจำจะเต็ม
- ลบภาพถ่ายโดยไม่เสียหน่วยความจำซึ่งต่างจากการใช้ฟิล์ม
- ปรับแต่งภาพถ่ายแบบง่ายๆ บนสมาร์ทโฟนได้
- แชร์ผ่านโซเชียลมีเดียได้โดยไม่ต้องอัดภาพลงบนกระดาษก่อน
ด้วยจุดเด่นเหล่านี้ ทำให้มีสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นเน้นเอาใจผู้ใช้ที่ชอบเซลฟี่ด้วยการทำกล้องที่หมุนได้/พับได้ เพื่อให้ได้มุมองศาในการถ่ายภาพและเซลฟี่ตามความต้องการ อีกทั้งเป็นจุดขายหนึ่งที่ผู้ผลิตใช้ในการโฆษณาในแบบที่ไม่เหมือนยี่ห้ออื่นอีกด้วย สำหรับสมาร์ทโฟนที่เน้นเซลฟี่และมีกล้องที่หมุนได้/พับได้ มีดังต่อไปนี้
Nokia N90
ในบรรดาโนเกียตระกูล N มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่เป็นสมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้ หนึ่งในนั้นคือโนเกีย N90 ที่มาพร้อมกับกล้องดิจิตอลความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมดิจิตอลซูมสูงสุด 20 เท่า นอกจากจอจะหมุนได้แล้ว กล้องยังหมุนได้มากถึง 180 องศาอีกด้วย จะถ่ายรูปธรรมดาหรือจะเซลฟี่ก็ไม่มีปัญหา ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมของโนเกียที่คนส่วนใหญ่ (ในยุคนั้น) จดจำกันได้ดีอีกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
Nokia 3250 / 3250 Xpress Music
ถือเป็นอีกสองรุ่นที่มาพร้อมกับตัวเครื่องที่หมุนได้ ไม่ใช่แค่หมุนเพื่อควบคุมเพลงผ่านปุ่มพิเศษได้เท่านั้น แต่ยังบิดหมุนเครื่องเพื่อถ่ายรูปธรรมดา, เซลฟี่และอัดวิดีโอได้อีกด้วย เป็นรุ่นหนึ่งในตระกูล Xpress Music ที่สาวกโนเกียจดจำกันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเป็น Nokia Symbian รุ่นแรกๆ ที่รองรับ microSD อีกด้วย
Nokia 5700 Xpress Music
รุ่นนี้จะมีดีไซน์และการหมุนเครื่องที่คล้ายคลึงกับ 3250 / 3250 Xpress Music มาพร้อมกับกล้องดิจิตอลความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่นอกจากจะบิดหมุนเครื่องเพื่อควบคุมเพลง ถ่ายรูป หรือเซลฟี่ได้แล้ว แต่เนื่องจากรุ่นนี้รองรับ 3G จึงรองรับการโทรผ่านวิดีโอได้อีกด้วย
Oppo N1
เป็นรุ่นแรกของออปโป้สำหรับสมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้ อย่าง Oppo N1 ซึ่งมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีออโต้โฟกัส ระบบจดจำใบหน้า นอกจากนี้กล้องยังหมุนได้มากถึง 206 องศา ทำให้กล้องตัวเดียวใช้ได้ทั้งการถ่ายรูปปกติ, ถ่ายเซลฟี่ และวิดีโอคอลด้วยนั่นเอง
Oppo N1 Mini
เป็นรุ่นที่ราคาย่อมเยาลงมา สำหรับ Oppo N1 Mini ที่หน้าจอเล็กลง ชิพเซ็ตที่ลดความเร็วลง แต่กล้องยังคงเท่าเดิม 13 ล้านพิกเซล หมุนกล้องได้ 206 องศา ให้ประสบการณ์ที่ไม่ต่างจาก N1 มากนักสำหรับรุ่นนี้ จึงเหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการเครื่องไซส์เล็กกะทัดรัดในการถ่ายรูป, เซลฟี่และวิดีโอคอลได้อย่างสะดวก
Oppo N3
เป็นการกลับมาอีกครั้งสำหรับสมาร์ทโฟนกล้องหมุนอย่าง Oppo N3 มาพร้อมกับกล้องดิจิตอลขนาด 16 ล้านพิกเซล, เลนส์ Schneider, ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงถึง 4K และที่สำคัญ ใช้ Gesture ในการหมุนกล้อง จึงไม่ต้องใช้มือหมุนกล้องเองอีกต่อไป! นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชิพเซ็ตตัวแรงในขณะนั้นอย่าง Snapdragon 801 เรื่องประสิทธิภาพจึงไม่ต้องพูดถึง
Oppo Find X
แม้จะไม่ได้ใช้วิธีหมุนกล้องแบบตระกูล Oppo N ซีรี่ส์ แต่สำหรับ Find X แล้ว มีวิธีที่ควบคุมกล้องที่เหนือชั้นกว่านั้น ซึ่งใช้วิธีสไลด์กล้องแบบอัตโนมัติทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง นอกจากจะใช้ถ่ายรูปและถ่ายเซลฟี่แล้ว ยังใช้ในการสแกนใบหน้าโดยใช้เวลาเพียงแค่ 0.5 วินาทีเท่านั้นเอง! นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกล้องคู่ความละเอียด 20+16 ล้านพิกเซล กล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล และชิพเซ็ตตัวแรงในปัจจุบันอย่าง Snapdragon 845 เรียกได้ว่า 4 ปีที่เงียบหายไปของรุ่นนี้ ไม่ทำให้แฟนๆ ออปโป้ต้องผิดหวังเลยแม้แต่น้อย
Huawei Honor 7i
ไม่เพียงแต่แบรนด์จีนอย่างออปโป้เท่านั้นที่ทำสมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้ หัวเว่ยก็ส่งสมาร์ทโฟนกล้องพับได้มาชิมลางในตลาดกับเขาบ้างสำหรับ Huawei Honor 7i ที่มาพร้อมกับกล้องดิจิตอลความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมเซ็นเซอร์ของโซนี่ ทีเด็ดอยู่ที่กล้องพับได้ 180 องศา เรียกได้ว่ากล้องตัวเดียวใช้คุ้มทั้งถ่ายรูปทั้งเซลฟี่ แบบที่ไม่มีรุ่นใดเหมือนอย่างแน่นอน
Vivo NEX / NEX S
เป็นอีกสองรุ่นที่เพิ่งจะเปิดตัวกันไปไม่นานสำหรับ Vivo NEX / NEX S ที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่แทบจะไร้ขอบจอเกือบ 100%, ราคาขายก่อนเปิดตัวที่สูงลิบลิ่ว (แม้ว่าราคาจริงจะไม่ถึงขนาดนั้น) และกล้องหน้าแบบ Pop-Up ที่ซ่อนได้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล หากใครคิดว่า NEX S แพงไปก็มีรุ่น NEX ที่ราคาย่อมเยากว่ามาให้เลือกอีกด้วยนะ
ก็จบกันไปแล้วสำหรับความเป็นมาของการถ่ายเซลฟี่ รวมไปถึงสมาร์ทโฟนกล้องหมุนได้/พับได้ สำหรับถ่ายเซลฟี่โดยเฉพาะ หวังว่าบทความนี้จะให้ท่านผู้ชมได้มีตัวเลือกในการซื้อสมาร์ทโฟนเหล่านี้ไม่มากก็น้อย หากทาง Whatphone มีเรื่องราวเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนแปลกๆ จากทั่วทุกมุมโลก ก็ไม่พลาดที่จะอัพเดตให้ท่านผู้ชมได้ทราบกันอย่างแน่นอนครับ
