เวลาเลือกซื้อมือถือสักเครื่องนอกจากส่องสเปค หน้าจอ การออกแบบ วัสดุ ฯลฯ อีกสิ่งที่หลายคนให้สำคัญมากก็คือ ‘กล้อง (Camera)’ นั่นเองครับ ปัจจุบันต้องยอมรับว่าสามารถทดแทน ‘กล้องจริง’ ด้วยความพกพาง่าย ฟีเจอร์ใช้งานมากมาย แชร์ลง Social ง่ายเพียงปลายนิ้ว แถมคุณภาพเรียกว่า ‘มหาเทพ’ โดยเฉพาะรุ่นระดับ Flagship ผมนี่เลิกสะพายกล้องเลย
สำหรับปี 2018 คาดว่ารุ่น Flagship จากแบรนด์ต่างๆ จะมาพร้อมเทคโนโลยีกล้อง – การถ่ายภาพระดับ Pro เหนือกว่าที่เคยมี มาร่วมวิเคราะห์กันครับว่าเทรนด์กล้องมือถือปี 2018 ไปทิศทางใด : )
Triple-Camera
จากยุคกล้องเดี่ยว สู่กล้องคู่ (Dual-Camera) เปิดตัวจนเกลื่อนตลาด ล่าสุดมีข้อมูลว่า Huawei อาจเปิดตัว Flagship รุ่นใหม่ มาพร้อมกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ! ถูกต้องครับ รองรับการถ่ายภาพหลายสไตล์ คาดว่าจะเป็นชุดเลนส์ RGB+Monochrome กับเลนส์ Tele สำหรับถ่าย Portrait หรือซูม 2X ตรงนี้ต้องรอเปิดตัวจริงอีกที รับรองว่า Huawei มีของเด็ดซ่อนไว้แน่นอน
Variable Aperture
หลายท่านน่าจะทราบดีว่า กล้องมือถือไม่สามารถปรับค่า ‘รูรับแสง’ (Aperture) ด้วยตัวเอง เกือบทุกรุ่นมาแบบ Fixed-Aperture มีผลต่อความชัดลึกชัดตื้น รายละเอียดภาพถ่าย ฯลฯ ทำให้ผลลัพธ์ภาพถ่ายออกมาไม่เต็มร้อย
คำตอบของปัญหาคือ Variable Aperture ครับ ล่าสุด Samsung สามารถพัฒนา Camera Module รองรับฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว ณ ค่า F1.5 / F2.4 ปรับขึ้นลงตามสภาพแสง – โหมดถ่ายภาพ (เรียลไทม์) สมมติถ่ายภาพวิวกลางแจ้ง ระบบจะใช้ค่า F2.4 หากแสงน้อยก็ใช้ F1.5 เป็นต้น
ทั้งนี้ Variable Aperture บนกล้องมือถือ ไม่ใช่ของใหม่ซะทีเดียว เพราะ Nokia N86 (2009) เคยทำได้ แต่ปัจจุบันด้วยขนาด Module เล็กกว่าปลายนิ้วก้อย การนำเทคโนโลยี Variable Aperture กลับมาถือว่าเป็นนวัตกรรมเลยล่ะครับ
AI
กลายเป็นทุกค่ายต้องหยิบมาพูดถึงกับ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ สำหรับการถ่ายภาพ AI นำมาประมวลผล Mode ถ่ายภาพ – ระบบประมวลผลภาพถ่าย (Image Processing) ตามความเหมาะสม โดยเรียนรู้จากภาพถ่ายต่างๆ จนสามารถประมวลผลออกมาสมจริง ถูกต้องแม่นยำขึ้น ปัจจุบันมี 3 ค่ายนำ AI มาใช้จริงจังคือ Huawei, OPPO, Google และคาดว่า Samsung จะเปิดตัวเร็วๆ นี้เช่นกัน
Premium Optics
บนกล้อง SLR, Mirrorless สำหรับเลนส์ Professional Grade มักจะประกอบด้วยชิ้นส่วนเลนส์คุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำ เช่น Zeiss, Leica ฯลฯ เช่นเดียวกับมือถือ เลนส์เทพมีชัยกว่าครึ่ง อย่าง Huawei ร่วมกับ Leica พัฒนากล้องบน Flagship Model โดยเฉพาะ (ปัจจุบัน Leica 2.0) เช่นเดียวกับ Nokia ร่วมมือกับ Zeiss ตรงนี้ต้องรอดูยาวๆ ว่าจะมีของเล่นอะไรออกมาให้ยลโฉม
Super-Slow Motion
นอกจากภาพถ่าย วิดิโอเป็นอีกสิ่งที่ให้ความสำคัญมากเช่นกัน โดยเฉพาะลูกเล่น Slow Motion ที่ผ่านมามีข้อจำกัดตรงถ่ายความละเอียดต่ำ + คุณภาพไม่ค่อยดีนัก จนกระทั่ง Sony พัฒนากล้องสามารถถ่าย Super-Slow Motion ที่ความละเอียด HD (960 fps) ตัวอย่างสามารถหาชมทางออนไลน์ได้ครับ
ส่วน Samsung กำลังพัฒนาเช่นกันบน Flagship โมเดลใหม่ ความละเอียดระดับ FHD ! เทพขนาดไหนต้องรอติดตาม
Pro Mode
บางค่ายออกแบบ Camera UI เรียบง่ายที่สุด ถ่ายแตะเดียวจบ แต่บางค่ายก็เริ่มตอบสนอง User อยากถ่ายภาพเสมือนโปรด้วย Pro Mode อย่างของ Huawei-Nubia มาพร้อมโหมดถ่ายดาว / น้ำตก / ภาพซ้อน / กลางคืน ฯลฯ ขอบอกว่ารีดประสิทธิภาพกล้องออกมาเต็มที่จริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นกล้องมือถือครับ
Ultimate Selfie Shot
ปัจจุบันกล้องหน้า (Front Camera) มาไกลกว่าที่คุณคิด คาดว่าปี 2018 จะเป็นยุค Dual-Camera เต็มตัว รองรับการถ่ายภาพ 3 แบบคือ Standard, Wide-Selfie (ถ่ายครั้งเดียวเก็บทั้งกลุ่ม) และ Bokeh (หน้าชัดหลังเบลอ) พร้อมระบบ Beauty ซับซ้อนยิ่งขึ้น
อย่าง OPPO-vivo ก็นำระบบ AI มาช่วยประมวลผล Selfie ให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด หรือ Asus พัฒนาโหมด Beauty Live ประมวลผลเรียลไทม์ระหว่าง Live สดเลย อันนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
สำหรับคนชอบถ่ายภาพด้วยมือถืออย่างผม ต้องบอกว่าตื่นเต้นกับเทคโนโลยีกล้องปี 2018 หลายอย่างครับ โดยเฉพาะ AI หลายคนถึงกับอ้าปากค้าง ทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ? ทั้งนี้ สุดท้ายภาพถ่ายจะสวยหรือไม่ อยู่ที่ฝีมือ – มุมมองของ User เป็นสำคัญ ของแบบนี้ต้องฝึกเองนะครับ : )