VR เป็นอีกเทคโนโลยีที่มาแรงสุดๆ ปีนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างประสบการณ์แปลกใหม่สุดๆ ให้กับผู้ใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์ โดยที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่มอะไรมากมาย
VR ย่อจาก “Virtual Reality” ที่อาจแปลได้ว่า “ความเสมือนจริง” โดยที่ฮิตสุดตอนนี้คือเป็นแว่นครอบตา เว้นช่องว่างให้ใส่โทรศัพท์เข้าไปตามแนวนอนได้ จากนั้นจอโทรศัพท์เราก็เล่นฉายภาพ หรือคลิป หรือเกม ที่มีการแบ่งจอแนวนอนออกเป็นตาซ้ายและตาขวา เพื่อแสดงภาพเสมือนจริงแบบสามมิติบนจอ และที่สำคัญยังเป็นภาพมุมกว้าง ถ้ามองตรงๆ ไม่ผ่านแว่นVR จะเบี้ยวๆ กว้างๆ คล้ายภาพที่ออกมาจากเลนส์ตาปลา แต่ถ้ามองผ่านแว่นVR จะเห็นเป็นปกติ แต่มีความพิเศษคือเมื่อหันซ้าย หันขวา ก้ม หรือเงย ก็จะเห็นภาพเปลี่ยนไปเสมือนไปอยู่ที่นั่นจริงๆ ตัวอย่างเช่นหากเป็นคลิปVR การขับรถล่ะก็ เมื่อมองขวาก็จะเห็นกระจกข้างและวิวด้านข้าง เงยหน้าก็จะเห็นเพดานรถนั่นเอง
มีตั้งแต่หลักหมื่น หลักร้อย ยันแจกฟรี !
แว่นVR นี้ก็มีหลายเกรด ขึ้นกับวัสดุ ความทนทาน ความใส่สบาย ระบบรองรับความชัดหรือช่วยเพิ่มความเนียนของการเล่นการเปลี่ยนมุมมองต่างๆ และรายละเอียดอื่นๆ อีกหลายอย่าง
แว่นVR ระดับแพงๆ ดีๆ ราคาหลายร้อยดอลล่าร์ขึ้นไปนั้น มักถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นเกม ไม่ใช่เพื่อเสียบสมาร์ทโฟนเข้าไป
ตัวอย่างเช่น Oculus Rift ที่ Facebook เพิ่งซื้อกิจการไป นั้นต้องต่อกับคอมพิวเตอร์พีซีสมรรถนะสูงๆ การ์ดจอดีๆ กัน แทนที่จะเป็นแค่สอดมือถือเข้าไปกันเลย นอกจากนั้นก็มี PlayStation VRที่ไว้ต่อกับเครื่องเล่นเกม
ส่วนแว่น VRที่ไว้เสียบมือถือดูได้ ที่เกรดดีๆ นั้น ก็เช่น Samsung GearVR, และล่าสุดก็คือ Google Daydream ที่ถึงกับหุ้มผ้าให้ดูเรียบหรูผิดจากคู่แข่ง แถมมีให้เลือกหลายสีตามรสนิยม แต่สิ่งที่น่าสนใจในเชิงธุรกิจจริงๆ กลับเป็นแว่น VRระดับล่างๆ ถูกๆ หรือแจกฟรี ที่น่าจะมาเป็นตัวช่วยเปลี่ยนโลกให้เข้าสู่ยุคVR ในอนาคตอันใกล้แบบเร็วกว่าที่คาดกันไว้
จุดกระแส ด้วย VR เอื้ออาทร
กระแส “VRเอื้ออาทร” นี้ถูกริเริ่มโดยกูเกิ้ล ซึ่งทำ “Google Cardboard” จากกระดาษแข็งและเลนส์พลาสติกออกมาขายในราคาคิดเป็นเงินไทยแค่ไม่ถึง 200 บาท
จากนั้นก็เกิดกระแสทำแว่นVR กระดาษแข็งแจกฟรี เริ่มโดยฟาสต์ฟู้ดดังอย่างแมคโดนัลด์ในสวีเดน ที่เปิดตัวกล่อง Happy Meal รุ่นใหม่ กินหมดแล้วก็พับเป็นแว่นVR ได้ในชื่อแว่นว่า “Happy Goggles” สามารถสอดมือถือสมาร์ทโฟนเข้าไปดูภาพVR, เล่นคลิปVR ,หรือเล่นเกมVR ได้เลย ซึ่งงานนี้แมคโดนัลด์ก็แถมเกมสกีแบบVR มาให้ด้วย
นอกจากนั้น Coca-Cola ที่อเมริกาก็เปิดตัวแพ็คที่ไว้ใส่โค้ก 12 กระป๋อง ซึ่งสามารถพับเป็นแว่น VRได้กับเค้าด้วยเช่นกัน …และตามมาด้วยอีกสารพัดสารพันแบรนด์อื่นๆ ที่ทยอยทำบ้าง
แม้แว่นกระดาษแข็งบวกเลนส์พลาสติกเหล่านี้จะสู้บรรดา “แว่นดี แว่นทน แว่นแพง” ไม่ได้ในทุกด้าน ..แต่ก็ถือว่าเป็น “VRมหาชน” ให้ทุกคนสามารถลองเล่นลองสัมผัส เผื่อว่าชอบใจก็จะจัดของดีของแพงกันต่อๆ ไป …ถือว่ามาช่วยจุดกระแสให้ VRกลายเป็นอีกสื่อมาตรฐานของโลกในอนาคตอันใกล้
โซเชียลดัง แห่รองรับ VR
เริ่มต้น YouTube ซึ่งตั้งแต่ปีที่แล้วก็เริ่มรองรับวิดีโอแบบ 360 องศา ซึ่งถ้าชมผ่านจอธรรมดาก็ต้องแตะนิ้วค้างหรือคลิกค้างแล้วเลื่อนเปลี่ยนมุม แต่ถ้าใส่แว่น VRก็ใช้การหันหน้าหรือก้มเลยได้เลย
จากนั้นก็เป็น Facebook ซึ่งรองรับความ 360 องศาทั้งภาพนิ่งและคลิป โดยดูได้จากทั้งจอทั่วไปผ่านการแตะเลื่อน และดูได้ผ่านแว่นVR ( กดเลือก “View in VR” ) ด้วยการหันซ้ายขวา และก้มเงย ได้เช่นกัน
Facebook นั้นจริงจัง กับVR ไม่แพ้กูเกิ้ล ดูได้จากการที่ไปซื้อกิจการบริษัท Oculus Rift ซึ่งเป็นแว่นVR สมรรถนะสูงมาด้วย
นอกจาก 2 ยักษ์ใหญ่นี้ ก็มีอีกหลายเว็บหลายแอพรองรับสื่อ 360 องศา และVR กันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มองกันว่า Social network ในอนาคตนั้น ผู้คนอาจจะแชร์ประสบการณ์กันได้อย่างถึงอกถึงใจ
เช่นถ้าไปเที่ยวทะเลก็ไม่ได้แค่ลงรูป ลงคลิป หรือ Live ธรรมดา แต่ว่าจะลงกันแบบ 360 องศา ชนิดที่ว่าเพื่อนๆที่ใส่แว่นVR แล้วกดดูนั้นจะเสมือนได้ไปนั่งข้างๆ เพื่อนริมหาด มองฟ้า และย่ำทราย ด้วยกันเลยทีเดียว
ใครๆ ก็ถ่าย VR ได้ ด้วยแอพฯ เดิมๆ หรือ “กล้อง 360 องศา”
โลก VRบนสังคมออนไลน์อย่างที่จินตนาการไว้ข้างบนนั้น โอกาสเกิดได้จริงมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแอพฯ ถ่ายรูปต่างๆ หรือมือถือรุ่นใหม่ๆ และกล้องรุ่นใหม่ๆ นั้นรองรับโหมด 360 องศาและรองรับการเก็บภาพเป็นแบบ VRมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นแอพฯ Google Street View ที่ใช้สำรวจถนนหรือที่ทางใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยไป เพื่อไปแล้วจะไม่หลงทางนั้น หลายคนยังไม่รู้ว่ามันใช้ถ่ายรูปแบบ 360 องศาได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ถ้าใครพอมีทุนทรัพย์ล่ะก็… กล้อง 360 องศารุ่นใหม่ๆ นั้นราคาไม่แพง คือด้วยราคาราวๆ หมื่นเดียวก็จะได้กล้องที่รูปร่างคล้ายไมโครโฟนมือถืออันเล็กๆ ซึ่งด้านบนสุดเป็นเลนส์มุมกว้าง 2 ทิศทางหน้าหลัง กดถ่ายครั้งเดียวเก็บภาพได้ทุกมุมไม่ว่าจะภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหว ใช้ง่ายและได้ภาพเนียนกริบคุณภาพดีกว่าการถือโทรศัพท์แล้วค่อยๆกวาดเก็บภาพรอบตัวมาก
ปฏิวัติวงการข่าวทีวี VS ปฏิวัติโรงหนัง !
ส่วนพวกสตูดิโอมืออาชีพนั้น ก็มีกล้อง 360 องศาหรือกล้องVR ระดับเทพราคานับแสนนับล้านผลิตกันออกมาหลายเจ้า ซึ่งให้ความชัดความเนียนชนิดที่ขึ้นจอใหญ่ได้หรือใส่แว่นVR แล้วเหมือนได้ไปสถานที่จริงมากขึ้นไปอีก
ฉะนั้นการรายงานข่าวยุคหน้า สารคดียุคหน้า หรือแม้แต่หนังโรงยุคหน้า ก็เป็นไปได้สูงว่าผู้ชมจะใส่แว่น VRดู แล้วเสมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงพร้อมๆ กับนักข่าว หรืออาจเข้า “โรงหนังVR” ไปใส่แว่น VRคุณภาพสูงพร้อมหูฟังระดับเทพ แล้วผจญภัยไปเรื่องราวต่างๆ ชนิดที่ลืมหนังแบบเดิมๆ ไปเลย !
พลิกโฉมสื่อโฆษณา และบูทกิจกรรมการตลาด
อีกวงการที่ขานรับยุค VRกันอย่างตื่นตัว ก็คือวงการ Event กิจกรรมการตลาดต่างๆ เช่นบูทหมู่บ้านและคอนโด บางรายก็เริ่มจัดแว่นVR ให้ผู้เข้าชมใส่เพื่อดูบรรยากาศในหมู่บ้านได้ดุจไปสถานที่จริง หรือบูทบริษัททัวร์หรือบูทโรงแรมรีสอร์ทก็จัดแว่นไว้ให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้เห็นบรรยากาศที่เที่ยวที่พักกันได้ถึงอกถึงใจกว่าการยืนดูโบรชัวร์แบบเดิมๆ อย่างลิบลับ
นอกจากนี้ VRยังถูกเอาไปใช้กับกิจกรรมการตลาดอีกมากมายหลายรูปแบบ ในชื่อเรียกรวมๆ ว่า “VR marketing”, หรือ “VR activation”, หรือ “Experiential marketing VR”, …และอีกหลายคำ
เราเห็นภาพรวมการแจ้งเกิดและศักยภาพของ VRกันแล้ว ซึ่งแต่ละด้านแต่ละวงการนั้นเจาะลึกลงรายละเอียดไปได้อีกมากมาย มีเทคนิคความรู้ที่น่าสนใจอีกมากมี และมีตัวอย่างดีๆ ที่น่าสนใจอีกสารพัด ฉะนั้นเราจะทยอยเลือกจัดมาให้คุณผู้อ่านในโอกาสหน้าต่อๆ ไป โปรดติดตามครับ !
ภาพจาก
androidcentral.com/how-smartphone-based-vr-works
androidcentral.com/samsung-gear-vr-face
cnet.com/products/samsung-gear-vr
wsj.com/articles/these-360-degree-cameras-capture-everything-around-you-1464113657
imglive.com/creating-img-live-way-at-the-nfl-draft
shiftvr.com/blog
