สวัสดีครับ ผมปีเตอร์กวง ควงมือถือ พิธีกรรายการ “ล้ำหน้าโชว์” ซึ่งรายการนี้ผลิตและสร้างสรรค์โดย บริษัท ล้ำหน้าโชว์ จำกัด ที่เราทั้งสาม (พี่หลาม ปีเตอร์กวง อาจารย์ศุภเดช) ได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ด้วยกันเพื่อให้ผู้ชมได้บริโภคสาระดีๆ ที่ให้ความรู้ด้านไอทีและเทเลคอม บวกความบันเทิงตามสไตล์แบบของพวกเราไปด้วย โดยออกอากาศทางช่อง Nation Channel (เนชั่นแชนนอล) ดูได้ทั้งทางทีวีดาวเทียมทางช่อง 32 และทีวีดิจิตอลช่อง 22 ทุกวันอาทิตย์ ออกอากาศสด เวลา 15:00-16:00 อยากให้ติดตามกันเยอะๆ นะครับ แล้วบ่ายวันอาทิตย์ของคุณ จะมีความหมายมากกว่าเดิม… สำหรับตัวผมเองก็ยังประจำการใน What Phone Magazine ทุกเดือนเหมือนเช่นเคยครับ เพื่อไขข้อข้องใจและเก็บตกข่าวคราวความเคลื่อนไหวในวงการเทเลคอม ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ สำหรับฉบับนี้จะมาพูดเรื่อง การประมูลคลื่นความถี่กันต่อ หลังจากที่การประมูลความถี่ย่าน 1800 MHz ได้เสร็จสิ้นไป และกำลังจะมีการประมูลคลื่น 900 MHz กันในวันนี้ (15 ธันวาคม)
คลื่น 1800 MHz ประมูลดุเดือดเกินคาด ได้เงินเข้าแผ่นดินทะลุเป้า
การประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz เกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้ประมูลก็มี 4 รายอย่างที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ อันได้แก่ AWN (Advance Wireless Network ในเครือ AIS) True Move H Universal, DTAC TriNet และ JAS (Jasmin International) โดยผู้บริหารทั้งสี่บริษัทได้ทยอยมากันแต่เช้าตามฤกษ์ของแต่คน การประมูลจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของ กสทช. เมื่อพร้อมแล้วก็มีการจับฉลากเลือกห้องที่จะใช้การประมูล รวมถึงการจับฉลากเลือกซอง Username, Password ในการใช้การประมูล ซึ่งการประมูลจะเป็นแบบ E-Auction นั่นก็คือทำการประมูลเคาะการเพิ่มมูลค่าในการประมูลผ่านระบบ คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เขียนใส่กระดาษ (แบบโบราณ) และเป็นการประมูลลับคือไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนเคาะ (ห้องใครห้องมัน) หรือใส่ตัวเลขเพิ่มมูลค่าในแต่ละรอบการประมูลกันแบบลับๆ นั่นเอง
การประมูลนั้นแต่ละรอบจะใช้เวลา 15 นาที ก่อนที่จะปิดรอบเพื่อประกาศราคาสูงสุดในรอบนั้นๆ และมีใครนำอยู่หรือไม่ กี่ราย โดยผู้เข้าประมูลมีสิทธิจะหยุดเคาะในการประมูลรอบใดๆ ได้อยู่ 3 ครั้งเท่านั้น เพื่อไม่ให้การประมูลยืดเยื้อเกินไป โดยการประมูลเริ่มต้นที่เวลา 10:00 ตรงเป๊ะ โดยราคาเริ่มต้นของใบอนุญาตทั้งสองใบอยู่ที่ 15,912 ล้านบาท และเคาะเพิ่มทีละ 796 ล้านบาท และเมื่อราคาการประมูลขึ้นไปถึง 19,980 ล้านบาท การเคาะเพิ่มทีละ 398 ล้านบาท (เพราะถือว่าถึงมูลค่าขั้นต่ำที่ทาง กสทช.วางเป้าหมายไว้) การประมูลดำเนินไปท่ามกลางความตื่นเต้นของนักข่าวที่มาเฝ้าทำข่าวและรายงานผลอย่างใกล้ชิด
การประมูลดำเนินไปถึงบ่าย ถึงเย็น ถึงดึก ก็ไม่มีทีท่าว่าจะจบลง ทาง กสทช. ก็เลยปรึกษาหารือในการหยุดประมูลชั่วคราวแล้วตื่นเช้าค่อยมาประมูลกันต่อ แต่ไม่สามารถออกจากห้องประชุมได้ พูดง่ายๆ ต้องนอนในห้องประมูลจนยันเช้านั่นเอง ผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด ตัดสินใจไม่ขอหยุด และต้องการประมูลต่อไปเลย แม้ต้องข้ามคืนก็ตาม ทำให้การประมูลในตอนดึกดำเนินไปอย่างคึกคัก โดยไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมแพ้แต่อย่างใด สังเกตจากกราฟของการเคาะราคาในแต่ละรอบที่ผ่านในช่วงตีหนึ่งถึงหกโมงเช้าว่ามีการเคาะสู้กันอย่างไม่ลดละ ทำให้กราฟชันขึ้นไปเรื่อย จนเช้าก็ไม่มีทีท่าจะจบ การประมูลก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงประมาณ 12:00 ทางทีมงาน กสทช. ได้ทำการพักการประมูลชั่วคราว และดำเนินต่อในช่วง 14:00 ถึงตรงนี้ก็เริ่มสังเกตและเห็นได้ว่าผู้ประมูลที่ยังต่อสู้กันอยู่นั้นเหลือเพียงสามรายจากสี่ราย มีหนึ่งรายที่หมอบไปตั้งแต่ตอนสายๆ ของวันแรกแล้ว
จากนั้นการประมูลก็ดำเนินมาจนถึงเวลา 19:57 ก็สิ้นสุดลงไปในที่สุด โดยไปจบที่รอบ 86 ใช้เวลาไป 29 ชั่วโมงเลยทีเดียว ราคาจบลงที่ ใบอนุญาต Lot 1 39,792 ล้านบาท โดยผู้ชนะคือ True Move H Universal Communication ส่วนใบอนุญาต Lot 2 40,986 ล้านบาท โดยผู้ชนะคือ Advance Wireless Network รวมสองใบอนุญาต มูลค่า 80,778 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ และดุเดือดเอามากๆ เกินความคาดหมายของทุกฝ่าย แน่นอนว่ามูลค่าสูงกว่าการประมูลใบอนุญาตความถี่ 2100 MHz ที่ประมูลกันไปเมื่อสองปีก่อนด้วย โดยเงิน 80,778 ล้านบาทที่ได้จากการประมูลนั้นก็จะถูกส่งมอบเข้าเป็นเงินของรัฐต่อไป เพื่อนำไปพัฒนาประเทศต่อไป
AIS นอนมาแต่เหนื่อยเอาเรื่อง True สู้เต็มที่เพื่อกันไม่ให้รายใหม่เข้าแข่งขัน
การประมูลครั้งนี้นั้นค่อนข้างชัดเจนมากๆ ว่าทาง AIS ต้องการความถี่นี้มากกว่าใครเพื่อน สืบเนื่องมาจากการที่ AIS มีแค่ความถี่ 2100 MHz ในการให้บริการลูกค้า 40 ล้านคนของตัวเอง ส่วนความถี่ 900 MHz ก็ต้องคืนแผ่นดินไปเพื่อการประมูลที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ทำให้การใช้คลื่นความถี่ 2100 MHz เพื่อการให้บริการลูกค้าในปัจจุบันนั้นไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง Peak Hour ที่มีการใช้หนาแน่นนั้น สัญญาณจะตกลงไปมาก ความเร็วในการใช้อินเตอร์เน็ตก็ค่อนข้างช้า ทำให้ลูกค้าจำนวนมากได้ย้ายออกจาก AIS ไปอยู่กับค่าย True Move H, dtac ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จึงไม่ต้องคิดเลยว่า AIS จะต้องการความถี่นี้มากแค่ไหน ซึ่งเรื่องเงินงบประมาณตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นของ AIS เลย เพราะ AIS เองเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านผลประกอบการของการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไทยอยู่แล้ว ปีหนึ่งๆ AIS มีรายได้กว่า 150,000 ล้านบาท เงินประมูลค่าใบอนุญาตที่สามารถใช้ได้นานถึง 18 ปี แม้ว่าต้องจ่ายกว่า 40,000 ล้านบาท ก็ไม่ระคายผิว AIS แต่อย่างใด (หารออกมาต่อปีแค่ 2,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น เทียบกับรายได้ต่อปีก็เป็นค่าใช้จ่ายประมาณแค่ 1.5% ของรายได้เท่านั้นเอง เล็กน้อยมาก)
แต่ที่บอกว่าเหนื่อยเอาเรื่องก็เพราะว่าคู่แข่งที่ประมูลแข่งกันนั้น ไม่มีใครยอมใครเลย การประมูลเลยยืดเยื้อไปกว่า 29 ชั่วโมง ทำเอาผู้บริหารระดับสูงของ AIS ไม่ได้หลับได้นอนกันไป แต่ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่อีกด้านหนึ่งของ AIS ก็ได้ทำสัญญาร่วมการงานกับ TOT ในการเป็นผู้บริหารจัดการความถี่ 2100 MHz ที่ทาง TOT ถืออยู่ในมืออีก 15 MHz เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยทาง TOT คาดว่าจะได้รายได้ส่วนนี้จากทาง AIS กว่า 4,500 ล้านบาท แต่มองตรงนี้ AIS ถือว่าฉลาดมาก เพราะจะได้มีสิทธิในการให้ลูกค้าของตัวเองเข้ามาใช้ความถี่ในย่าน 2100 MHz เพิ่มอีกถึง 15 MHz เลยทีเดียว นั่นแปลว่าตอนนี้ AIS มีทั้งความถี่ 2100 MHz จำนวน 15 MHz ของตัวเอง และอีก 15 MHz ที่ร่วมกับ TOT ล่าสุดได้ 1800 MHz อีก 15 MHz รวมทั้งหมดกว่า 45 MHz ทำให้มั่นใจได้ว่า AIS จะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมในเรื่องการให้บริการ 3G, 4G อย่างมีคุณภาพอย่างแน่นอน
ส่วนผู้ชนะในการประมูลอีกรายก็คือ True Move H ที่ได้ความถี่ Lot 1 ไปในราคาใกล้เคียงกันกับทาง AIS (ต่างกันแค่ 1,194 ล้านบาท) ก็ถือว่าสมใจของทาง True Move ที่ต้องการได้ความถี่ 1800 MHz จำนวน 15 MHz เพื่อเสริมขีดความสามารถในการให้บริการด้าน 4G ของตัวเองให้แกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม จากที่มีความถี่ 2100 MHz อยู่ 15 MHz ความถี่ 850 MHz อยู่อีก 10 MHz งานนี้ True Move H ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ทั้งชนะ dtac อย่างที่ต้องการ และอีกด้านหนึ่งก็กันไม่ให้รายใหม่ (วงการมือถือ) อย่าง JAS ให้หลุดวงโคจรแรกในการประมูลไปก่อน เพราะถ้า JAS ได้ใบอนุญาตนี้ขึ้นมา True Move H เองจะเหนื่อยมากกับการต้องต่อสู้ในเชิงธุรกิจกับคู่แข่งอีกรายที่มีอะไรคล้ายๆ กัน (JAS มีบริการ Fixed Line Internet, WiFi) แทนที่จะมีผู้ให้บริการมือถือแค่สามราย แต่กลายเป็นต้องแข่งขันเพิ่มอีกรายคงจะเหนื่อยน่าดู
อีกมุมหนึ่งที่การได้ใบอนุญาตใบนี้ ทำให้ True Move H มีความมุ่งมั่นไปอีกขั้นในการที่จะช่วงชิงอันดับ 2 จาก dtac ให้ได้ หลังจากที่ตอนนี้ทาง True Move H มีลูกค้าแบบรายเดือนแซงหน้าทาง dtac ได้มาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่จำนวนลูกค้าแบบเติมเงิน ยังมีจำนวนห่างจาก dtac อยู่มากพอสมควร ก็ต้องดูกันต่อไปว่า เมื่อ True Move H ได้ความถี่ 1800 MHz มาแล้ว จะสามารถแย่งชิงตำแหน่งที่สองจาก dtac ได้หรือไม่…
JAS สู้สุดกำลังเกือบพลิกเกม ส่วน dtac หมอบเร็วเกินคาดเพราะอะไร…
ในการประมูลครั้งนี้ แน่นอนว่ามีผู้สมหวังสองราย และต้องมีผู้ผิดหวังอีกสองรายเช่นกัน เพราะการประมูลมีผู้เข้าร่วม 4 บริษัท ซึ่งสิ่งหนึ่งรายที่ทำให้หลายๆ คนประหลาดใจนั่นก็คือ การต่อสู้แบบไม่ลดละของ JAS กับผู้ชนะประมูลอีกสองรายอย่าง AIS, True Move H ที่ในตอนแรกแทบทุกสื่อและคนที่ติดตามการประมูลส่วนใหญ่ จะคิดว่าสามรายที่แข่งขันกันจนยกสุดท้ายตลอด 29 ชั่วโมงนั้นน่าจะเป็น AIS, dtac, True Move H แต่กลับกลายเป็นว่าบริษัทที่ยืนหยัดสู้จนพ่ายแพ้การประมูลไปแบบตื่นเต้นนั้นเป็น JAS หรือ จัสมิน อินเตอร์นั่นเอง แทนที่จะเป็นยักษ์ใหญ่อย่าง dtac ทำให้ JAS ได้ใจคนไทยที่ติดตามการประมูลไปมากอยู่โข จนหลายๆ คนลุ้นต่อว่า JAS จะได้ความถี่คลื่น 900 MHz ที่จะประมูลในเดือนธันวาคมนี้หรือไม่
การร่วมต่อสู้ของ JAS ในการต่อกรกับ AIS, True Move H เพื่อช่วงชิงใบอนุญาตคลื่นความถี่ 1800 MHz นั้นถือว่าไม่ธรรมดา เพราะราคาสุดท้ายที่ JAS เคาะไปนั้นอยู่ 38,996 ล้านบาท (เท่ากับมูลค่าหุ้นของบริษัท JAS ในตลาดหลักทรัพย์เลย!!) แพ้ True Move H ไปเพียง 796 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับความห่างเพียงสองเคาะการประมูลเท่านั้น!! งานนี้ต้องขอชื่นชมกับหัวใจของทีมผู้บริหารระดับสูงของ JAS ที่ถึงแม้จะมาเพียง 5 คนเท่านั้น (บริษัทอื่นๆ มาครบโควตา 10 คน) แต่ก็แสดงให้เห็นความใจสู้ในการที่ต้องการเป็นผู้ชนะในเกมการประมูลคลื่นความถี่นี้ไม่แพ้รายอื่นๆ (ไม่งั้นการประมูลก็คงจบไปตั้งแต่วันแรกแล้ว ถ้า JAS ไม่สู้ขนาดนี้) เพราะถ้า JAS ได้คลื่นความถี่ 1800 หรือจะ 900 MHz ก็ตาม นั่นจะทำให้ทาง JAS ก้าวไปสู่การให้บริการด้านการสื่อสารที่ครบถ้วนเต็มรูปแบบอย่างที่มุ่งมั่นเอาไว้ แต่ไม่เป็นไร JAS ก็ยังหวังในการประมูลความถี่ 900 MHz ที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ว่าจะต้องกระชากเอาความถี่นี้มาเป็นของตนให้ได้ ทุกๆฝ่ายเชื่ออย่างนั้น
ส่วนอีกบริษัทหนึ่งที่หลายๆ คนต้องประหลาดใจในการประมูลครั้งนี้ก็คือทาง dtac ที่ยอมหมอบไปตั้งแต่การประมูลรอบที่ 7 เท่านั้น โดยราคาสุดท้ายที่เคาะอยู่ที่ 17,504 ล้านบาท ทำให้เกิดคำถามมากมายว่าทำไม dtac ถึงหยุดเร็วขนาดนั้น (จนผู้บริหารต้องนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ในห้องประมูลกันแบบข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียวกว่าการประมูลจะจบเสร็จลงไป) หรือแม้แต่คำถามที่ว่าแล้ว dtac จะให้บริการได้อย่างไร เพราะประมูลแพ้คนอื่น โดยทาง dtac เองได้ตอบสู่สาธารณชนไปเรียบร้อยว่า dtac เองนั้นมีความถี่ 1800 MHz ที่ถือครองอยู่แล้วถึง 45 MHz ภายใต้สัมปทานกับ CAT Telecom ซึ่งใช้ได้อีก 3 ปี (หลังจากนั้นความถี่ 1800 MHz จำนวน 45 MHz จะถูกนำไปเข้าการประมูลเช่นเดียวกัน) โดยตอนนี้ dtac ได้เปิดให้บริการ 4G LTE แล้วบนคลื่น 1800 MHz ก่อนใครเพราะมีคลื่นนี้อยู่แล้วในครอบครอง นอกจากนั้นยังมีความถี่ 2100 อยู่แล้ว 15 MHz, 850 อีก 10 MHz นั่นก็มากพออยู่พอสมควร ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นยังมีความถี่ 900 MHz จำนวนอีก 10 MHz ให้ประมูลอยู่อีกยกนะครับ เชื่อว่า dtac เองก็คงสู้ไม่ถอยแน่สำหรับคลื่น 900 MHz ที่จะมีการประมูลกันในเดือนธันวาคมนี้
ประมูลคลื่น 900 MHz น่าจะสู้ดุเดือดกันอีกรอบ ใครนะที่จะพลาด
นอกจากการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่จบไป แน่นอนครับตามวาระของ กสทช. ได้เตรียมไว้นั้น จะมีการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz อีก 2 ใบอนุญาต ใบละ 10 MHz ซึ่งมากพอในการให้บริการสำหรับลูกค้าระดับ 20 ล้านคนทั่วไทย ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ การคาดเดาเกิดขึ้นมากมายว่าการประมูลครั้งหน้า จะเข้มข้นดังเช่นการประมูลความถี่ 1800 ไหม ส่วนตัวผมเชื่อว่าน่าจะยังเข้มข้นครับ แม้ว่าจำนวนความถี่จะน้อยกว่าก็ตาม คือมีอยู่ใบละ 10 MHz
แต่อย่าลืมว่าความถี่ต่ำอย่าง 900 MHz ก็มีข้อดีในการนำไปใช้เพื่อให้เกิดการกระจายสัญญาณไปได้ไกลกว่าความถี่สูงอย่าง 1800, 2100 อยู่หลายเท่า นั่นเป็นเหตุผลสนับสนุนความคิดนี้ว่า ยังไงก็ยังน่าประมูลต่อแม้ AIS จะได้ความถี่ 1800 ไปตุนแล้ว แต่ย่าน 900 MHz นี่ถือว่าเป็นความถี่เดิมที่ทาง AIS ใช้มายาวนานกว่า 20 ปี ซึ่งทาง AIS เองก็รู้ดีว่าถ้าได้ 900 MHz จะเอาไปทำอะไร (เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าจะแบ่ง 5 MHz ไปใช้เป็นบริการ Voice 2G GSM ต่อไปและนำเอาอีก 5 MHz ไปใช้เป็น 3G เพื่อให้บริการครอบคลุมได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ในประเทศไทย) ซึ่งถ้าพูดถึงงบประมาณที่ต้องใช้ประมูลอีกสัก 3-4 หมื่นล้านบาท ก็ไม่ใช่ปัญหาของยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งในเมืองไทยอย่าง AIS อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า AIS ต้องลุยต่ออีกยกเพื่อสะสมคลื่นความถี่มาให้บริการแก่คนไทยอย่างแผนที่ว่างไว้อย่างแน่นอน
มาที่ค่าย dtac เองผมก็เชื่อว่ามีความคิดไม่ต่างจาก AIS เท่าไรนัก ความถี่ต่ำนั้นยังเป็นอะไรที่หอมหวนให้ถวิลหามาเป็นเจ้าของเพื่อให้บริการและสัญญาณนั้นไปได้ไกลอย่างที่ต้องการ การที่มีความถี่ 2100, 1800, 850 อยู่ในมืออยู่แล้ว ถ้าได้ 900 MHz มาก็จะเติมเต็มอย่างแน่นอน ส่วนค่ายสีส้มอย่าง True Move H ที่แม้เพิ่งได้ 1800 มาในจำนวน 15 MHz แต่ก็มีความคิดในการที่จะสะสมคลื่นความถี่ต่ำย่าน 900 MHz นี้เช่นกัน เพียงแต่ว่าจะยอมที่จะเอาเงินอีก 3-4 หมื่นล้านมาสู้หรือไม่ เพราะ True Move H เองก็เพิ่งปลดหนี้ในบัญชีให้กลายเป็นตัวเขียวได้ไม่นาน และเพิ่งจะชนะประมูล 1800 ไปด้วยเงินเกือบ 40,000 ล้าน ก็น่าคิดว่าทางตระกูล เจียรวนนท์ จะยังสู้ต่ออีกยกไหม เพราะเป็นที่แน่นอนว่าตัวเลขทางบัญชีในปีหน้าไปนั้นก็อาจจะมีแนวโน้มกลับมาเป็นตัวแดงอีกครั้ง จากการที่ต้องจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 1800 แต่ถ้าต้องชนะอีกใบที่คลื่น 900 ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะต้องติดลบแดงแจ๋ในบัญชีอีกสักเท่าไร
ส่วนค่ายขวัญใจวัยโจ๋อย่าง JAS นั้น หลังจากที่เราได้เห็นศักยภาพในการต่อสู้การประมูลในรอบก่อน ก็สะท้อนให้เห็นว่า JAS เอาแน่และหน้าตักของ JAS ก็ไม่ใช่น้อยเพราะรอบก่อนทุ่มประมูลไปถึงเกือบ 40,000 ล้านบาท ถ้ารอบนี้ชี้เป็นชี้ตายของ JAS แล้วเชื่อว่า JAS ก็คงสู้แบบหลังชนฝา ลุยไม่ยั้งเหมือนรอบก่อนแน่นอน พูดง่ายๆ ว่าการประมูลคลื่น 900 ผมว่าจะดุเดือดมากกว่าการประมูลคลื่น 900 เสียด้วยซ้ำ เพราะถ้าใครพลาด ก็ต้องรอไปอีก 3 ปีนู่นถึงจะมีประมูลคลื่น 1800 MHz กันใหม่อีกครั้ง จับตาดูให้ดีครับ ไม่แน่การประมูลคลื่น 900 MHz อาจทำลายสถิติ 29 ชั่วโมงแบบยาวนานกว่าที่ใครจะคาดคิดก็เป็นได้ ส่วนใครจะชนะต้องมาตามลุ้นกันนะครับ 15 ธันวาคม ห้ามกระพริบตา…
สำหรับแฟนๆท่านใดที่มีคำถาม สามารถติดตามมาได้ที่ twitter ของผม @peter2514 นะครับ ส่วน facebook ตามมาได้ที่ จะติดตาม Instagram ก็ Search หา ID “peter2514” ได้นะครับ แล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้านะครับ ขอบคุณทุกการติดตามครับ
