ในยุคที่ใครๆ เมื่อพูดถึง Gadget ก็คงนึกไปถึงสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตกันเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้กำลังจะมี Gadget ประเภทใหม่ที่กำลังเป็นกระแสที่ถูกจับตาเป็นอย่างมาก และเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา แม้แต่ Mary Meeker Genernal Partner ของ Kleiner Perkins Caufield & Byers หรือ KPCB ที่มักออกมาคาดการณ์ถึงเทรนด์ต่างๆ ก็ได้กล่าวถึงการเติบโตอันรวดเร็วของอุปกรณ์ประเภทนี้เอาไว้ในงานวิจัยล่าสุดในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วย เราไปทำความรู้จักกับ Wearable Device ที่ว่ากันดังกล่าวดีกว่า
Wearable Device คืออุปกรณ์ที่่เข้ามาเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตร์ของมนุษย์เรา โดยเราสามารถนำมาสวมใส่ ทำงานและควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ล่าสุดผู้เขียนได้ซื้ออุปกรณ์ด้านนี้มามีชื่อว่า UP จาก Jawbone ลักษณะภายนอกจะเป็นเสมือนกำไลข้อมือ เมื่อนำมาใส่แล้วจะสามารถนับก้าวเดินของเราว่าวันหนึ่งๆ เราเดินไปทั้งหมดกี่ก้าวแล้ว ถ้าออกวิ่งก็สามารถตรวจสอบก้าวที่เราวิ่งได้ เผาผลาญไปกี่แคลอรี่ ยามที่จะนอนสามารถที่จะตั้งเพื่อตรวจสอบได้ว่าเรานอนหลับลึก หรือไม่ลึกแค่ไหน ตั้งปลุกตอนเช้าได้โดยการสั่นที่ข้อมือเรา ตรวจสอบอาหารที่เรากินเข้าไปนั้นกี่แคลอรี่ เมื่อเรานำอุปกรณ์ดังกล่าวมาเชื่อมกับที่เสียบหูฟังเครื่อง iPhone ที่เราลงแอพพลิเคชั่น UP เอาไว้ ข้อมูลต่างๆ ของเราก็จะ Sync และนำมาแสดงผลในแอพฯ ใครอยากแบ่งปันใน Social Network ให้เพื่อนๆ ของเราที่ใช้ UP ด้วยกันเห็นก็ได้เช่นเดียวกัน
ในช่วงกลางปีที่ผ่านมาทาง Jawbone ก็ได้ออกมาแชร์ตัวเลขของผู้ใช้ในหนึ่งวันซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะมาก บ่งบอกถึงความสำเร็จของอุปกรณ์ดังกล่าว อย่างเช่น ในหนึ่งวันสามารถนับได้ว่ามีคนเดินกว่า 1,000 ล้านก้าว ชั่วโมงการนอนจากทุกๆ คนในหนึ่งวันรวมกันได้สูงถึง 700,000 ชม. ละสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับแต่ละคนสูงกว่าแอพฯ อื่นๆ กว่า 5 เท่าตัว
อุปกรณ์ Wearable Device ยังมีอีกหลายประเภท ถ้าได้มีโอกาสแวะเวียนไปที่ Apple Store ที่สหรัฐอเมริกา คุณจะพบว่ามีอุปกรณ์ Wearble Device ต่างๆ เยอะแยะมากมาย อาทิเช่น Nike FuelBand ที่เน้นสำหรับคนที่รักการจอกกิ้งโดยเฉพาะ
SEAL อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นสร้อยข้อมือช่วยมอนิเตอร์ลูกน้อยที่กำลังว่ายน้ำอยู่ถ้าเกิดมีเหตุฉุกเฉินเด็กจมน้ำหยุดการเคลื่อนไหวจะมีสัญญามาบอกอุปกรณ์ที่ฝั่งให้ผู้ใหญ่ช่วยเหลือได้ทันการ
PocketFinder อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ติดตามลูกน้อย ไปจนถึงติดตามสุนัขด้วย GPS กรณีที่เกิดพลัดหลงหรือหายตัวไป และสามารถนำไปใช้กับการค้นหารถที่หายไปได้ด้วย
Whistle สำหรับผู้รักสุนัขโดยเฉพาะ เพียงเอาเซ็นเซอร์ไปติดที่ปลอกคอของสุนัขที่คุณรักก็สามารถตรวจจับกิจวัตรประจำวันของมันได้ ไม่ว่าจะเดิน เล่น พักผ่อน นอนหลับสนิทหรือไม่ ทำให้คุณเข้าใจสุนัขของคุณมากยิ่งขึ้น และรู้ที่จะดูแลเอาใจใส่มันอย่างไร
อีกหนึ่ง Wearable Device ที่ถูกจับตามองจากทั่วทุกมุมโลกว่านี่อาจจะเป็นแนวทางของนวัตกรรมใหม่ที่มาทดแทนสมาร์ทโฟนในอนาคตอย่าง Google Glass ที่มีคุณสมบัติตั้งแต่การถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ วิดีโอคอลล์ การสั่งแปลภาษา เข็มทิศ GPS เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ระบบการค้นหาข้อมูลด้วยเสียงคำสั่งของเรา แม้ตอนนี้จะยังเป็นช่วงแรกๆ ของการเปิดตัว และยังคงต้องใช้เวลาในการพัฒนาไปอีกมาก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่จะชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้
และอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจมากๆ และเทคโนโลยีก้าวล้ำขึ้นไปอีกคือ ThalmicLabs ที่ให้กล้ามเนื้อของมนุษย์สามารถสั่งการสิ่งต่างๆ ได้แบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเกม โทรศัพท์ เป็นต้น แนะนำให้เข้าไปดูที่เว็บไซต์นี้เพื่อให้เห็นรายละเอียดมากขึ้น https://www.thalmic.com
อุปกรณ์อย่าง Wearable Device กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่ใช่เรื่องแปลกหรือไกลตัวอีกต่อไป เราจะได้เห็นอะไรที่คาดคิดไม่ถึงอีกมากมายตามแต่จินตนาการของมนุษย์จะสร้างสรรค์ขึ้นมา และหวังว่าจะมีนักพัฒนาไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์พัฒนาบริการเหล่านี้เพื่อสร้างรายได้ขึ้นมาด้วยเช่นกัน