หลังจากที่ GoPro Hero 8 Black เปิดตัวเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา สานต่อการออกแบบสรีระแบบ Hero 7 Black และเติมฟีเจอร์ใหม่ๆ ทำให้กลายเป็นกล้องแอคชั่นแคมขนาดพกพาที่ทำอะไรๆ ได้เยอะขึ้น งานนี้ต้องหยิบรุ่นพี่อย่าง Hero 7 Black มาเปรียบเทียบสเปคและการใช้งานกันสักหน่อย
ขนาดและน้ำหนัก
สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคือ เจ้าโกโปร ฮีโร่ 8 แบล็ค บางกว่า Hero 7 Black แต่ในเรื่องของความสูงและความกว้างนั้นกลับขยายใหญ่ขึ้น แต่ความแตกต่างตรงนี้จะหายไปเมื่อใส่กรอบหรือเคสกันน้ำ ซึ่งโกโปร Hero 8 Black ไม่ต้องใส่กรอบเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมอื่นแล้ว ในส่วนของน้ำหนัก การที่ฮีโร่ 8 แบล็ค ไม่จำเป็นต้องใส่กรอบแล้วยิ่งทำให้ Hero 8 Black กระทัดรัดและเบากว่าเดิมเข้าไปอีก
ชิปเซ็ต แบตเตอรี่ และโหมดต่างๆ
ด้านเทคนิค กล้องทั้ง 2 ตัวใช้ชิปเซ็ต GP1 ที่ให้พลังประมวลผลภาพที่สูงมาก ซึ่งโกโปร ฮีโร่ 8 แบล็ค โดดเด่นที่การอัดวีดีโอที่บิตเรต 100 Mb ต่อวินาทีระหว่างการถ่าย 4K ซึ่งทำให้ภาพที่ได้จะมีรายละเอียดที่มากขึ้น นอกจากนี้กล้องทั้ง 2 ตัวมีแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนออกมาชาร์จกับแท่นชาร์จได้ได้ ความจุ 1220 มิลลิแอมป์ อาจสรุปได้ว่ากล้องทั้ง 2 ตัวนี้มีความใกล้เคียงกันมากในแง่เวลาการใช้งาน เช่น สามารถอัดวีดีโอได้เกือบ 90 นาทีใน 4K/30i ต่อวินาทีได้เท่ากัน และกล้องทั้ง 2 รุ่นมีหน้าจอแสดงผลในตัวและระบบซูมแบบสัมผัสมาให้ ส่วนเรื่องการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ Hero 8 Black ไม่จำเป็นต้องสวมกรอบหรือเฟรมใดๆ ส่วนฮีโร่ 7 แบล็คจำเป็นต้องใช้กรอบเพิ่มเติมหากต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริม
ส่วนโหมดการใช้งาน อย่างเช่นโหมด Protune ก็จะปรับแต่งให้ผู้ใช้สามารถปรับภาพต่างๆ ได้ ซึ่งมีทั้งในรุ่นฮีโร่ 7 แบล็ค และฮีโร่ 8 แบล็ค แต่รุ่น 8 มีฟีเจอร์ใหม่อย่าง ความสามารถที่จะอัดวีดีโอมุมแคบได้ ซึ่งรวมแล้วจะมี 4 โหมดภาพ (SuperView, Wide, Linear และ Narrow) ต่างจาก Hero 7 ที่มีแค่ 3 โหมดภาพเท่านั้น นอกจากนี้ ในรุ่นฮีโร่ 8 แบล็ค ยังสามารถเซฟการตั้งค่ากล้อง ณ ขณะนั้นเป็น preset ได้ และปรับแต่งทางลัดบนหน้าจอได้ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่รุ่นเก่าไม่มี
ความสามารถทั่วไป
ความสามารถโดยทั่วไป โกโปร ฮีโร่ 8 แบล็ค มีความสามารถด้านการผลิตสื่อที่มากขึ้น เช่น สามารถต่อไมโครโฟนภายนอกได้ ต่อไฟ LED รวมถึง จอนอกเพื่อดูภาพตัวเองจากกล้องก็ยังได้ ซึ่งความสามารถเหล่านี้เหมาะมากสำหรับการผลิตคอนเทนต์ดีๆ อย่าง vlog และด้วยความเป็น Action Camera ทั้ง 2 รุ่นกันน้ำที่ความลึก 10 เมตร ส่วนกล้องทั้ง 2 รุ่นในสถานะเมื่อใส่กล่องดำน้ำ สามารถลงน้ำได้ลึกถึง 60 เมตร ความสามารถสั่งการด้วยเสียง GPS ในตัว และการอัดเสียงแบบ RAW นับเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของ GoPro อยู่แล้ว
ข้อควรระวัง การต่ออุปกรณ์เสริมภายนอกของโกโปร ฮีโร่ 8 แบล็คจำเป็นต้องซื้อ Media Mod เพื่อให้มีพอร์ต HDMI และช่องต่อไมค์ ไม่เช่นนั้นก็ต้องใช้หัวแปลงสำหรับไมค์หากไม่มี Media Mod
โหมดวีดีโอ
ทั้ง Hero 7 Black และ Hero 8 Black สามารถอัดวีดีโอ codec H.264 หรือ H.265 ได้เมื่อถ่าย 4K และทั้งสองรุ่นสามารถอัดวีดีโอ FullHD ได้แบบสโลว์โมชั่น 8 เท่า แต่เมื่อเปรียบเทียบกันชัดๆ GoPro Hero 8 Black มีฟีเจอร์น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาอีก เช่น กันสั่นแบบ HyperSmooth 2.0 ระบบอัลกอริทึ่มใหม่ทำให้สามารถปรับความนิ่งได้ 3 ระดับ “ใช้งาน” “ระดับสูง” และ “เพิ่มประสิทธิภาพ” ซึ่งระดับ “ระดับสูง” มีความสามารถเทียบเท่ากับ HyperSmooth ของ Hero 7 Black แล้ว ส่วน “เพิ่มประสิทธิภาพ” จะทำให้มุมภาพแคบลง แต่การกันสั่นจะนิ่งมากที่สุด ที่ยิ่งกว่านั้น Hero 8 สามารถทำให้ใช้ HyperSmooth ได้กับทุกความละเอียดและทุกเฟรมเรต
อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจและมีเฉพาะใน Hero 8 Black ก็คือ LiveBurst โดยกล้องจะจับภาพ 1.5 วินาทีก่อนและหลังกดอัดวีดีโอ และสามารถทำภาพ timelapse ตอนกลางคืนได้โดยตรงด้วยโหมดวีดีโอกลางคืน ส่วนการปรับปรุงอีกนิดหน่อยของ Hero 8 คือ การเลือก time interval สามารถเลือกได้ถึง 60 นาทีทั้งจากวีดีโอและโหมด TimeWarp ซึ่งเจ้า Hero 8 ก็มีโหมด TimeWarp 2.0 ซึ่งมีให้เลือก auto interval เพื่อปรับความเร็วอัตโนมัติ
สุดท้าย ความต่างของกล้องทั้ง 2 ตัวนี้ Hero 8 สามารถอัดวีดีโอ 4K 60 เฟรม ด้วยมุมภาพแบบ Linear
ตัวอย่างวิดีโอจาก GoPro Hero 7 Black
ตัวอย่างวิดีโอจาก GoPro Hero 8 Black
โหมดถ่ายภาพ
สำหรับเรื่องของการถ่ายภาพ ทั้ง GoPro Hero 7 Black และ 8 ดูไม่แตกต่างกันมากนัก สามารถถ่ายภาพได้ 12 ล้านพิกเซล และมีฟีเจอร์เซลฟี่ Self-timer ทั้ง 2 รุ่น ซึ่งโกโปรปรับให้ความถี่การจับภาพสำหรับ Burst mode และ accelerated mode เช่น เราสามารถถ่ายต่อเนื่อง 60 ภาพได้ภายใน 10 หรือ 6 วินาที การถ่าย accelerate photo intervals ถูกยืดให้ทำได้ถึง 60 นาทีแล้วบน Hero 8 Black ส่วน Hero 7 Black ทำได้เพียง 60 วินาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ โหมดถ่ายภาพของทั้ง 2 รุ่นมีชื่อมาจากฟีเจอร์ SuperPhoto เจ้า Hero 8 Black ก็พัฒนาเป็นเวอร์ชั่น 2.0 มีการพัฒนาเรื่องของ HDR ให้ดีขึ้น และสามารถถ่ายไฟล์ RAW ได้กับทุกโหมดถ่ายภาพแล้วในโกโปร ฮีโร่ 8 แบล็ค
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Hero 8 Black
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Hero 7 Black
สรุป
หากใครที่สนใจหรือคิดจะซื้อ GoPro Hero 8 Black ขอบอกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่เติมเต็ม และพัฒนาสิ่งที่ดีอยู่แล้วของ GoPro Hero 7 Black ให้เจ๋งมากขึ้นไปอีก และเจ้า Hero 8 Black ตัวใหม่นี้ ทำให้ GoPro มีเอกลักษณ์โดดเด่นของตัวเองต่างไปจาก action camera เจ้าอื่นในตลาดได้สำเร็จ แต่ถ้าใครจะซื้อ Hero 7 Black บนราคาที่ถูกลงก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดเช่นกัน เพราะฟีเจอร์หลายๆ อย่างก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไปแล้ว
ที่มา Gearbest