สำหรับชื่อแบรนด์ OnePlus น่าจะยังเป็นชื่อแบรนด์ที่น่าสนใจสำหรับใครที่ต้องการสมาร์ทโฟนเจ๋งๆ ราคางามๆ ไม่ซีเรียสเรื่องแบรนด์ว่าต้องใช้แบรนด์ฮอตฮิต ประกอบกับรุ่นเรือธงของค่ายอย่าง OnePlus 7T Pro ที่เปิดตัวมาด้วยราคาไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งราคาสมาร์ทโฟนระดับนี้ส่วนใหญ่ต่างก็พากันทะลุกันไปไกลแล้ว แต่เมื่อรุ่นนี้เปิดตัวมาคู่กับรุ่นน้อง OnePlus 7T ที่เปิดตัวแบบฟาดๆ ราคาไม่เกิน 2 หมื่น! งานนี้ซื้อ 7T ก็พอ หรือข้ามไป 7T Pro เลยดีนะ
รุ่นใหญ่จัดหนัก OnePlus 7T Pro
ภายใต้งบ 3 หมื่นแบบเหลือๆ แต่อยากได้รุ่นใหญ่ใช้งานยาวนาน ตัวเลือกเจ๋งๆ คงหนีไม่พ้น OnePlus 7T Pro รุ่นนี้นี่เอง ตั้งแต่หน้าจอรีเฟรชเรต 90 เฮิร์ตซ์ ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ไร้ติ่งไร้ขอบใดๆ ใช้ชิฟเซ็ตตัวแรง Snapdragon 855+ ใส่ RAM มา 8GB พื้นที่ตัวเครื่อง 256GB และแอนดรอยด์ 10 ต้องมาแน่นอน กล้องหลังสามเลนส์และกล้องหน้าแบบป๊อปอัพ ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ก็ใส่มาที่ 4,085 มิลลิแอมป์พร้อมระบบชาร์จเร็ว Warp Charge ถึงจะไม่ได้มีฟีเจอร์แบบล้ำๆ แต่เรื่องพื้นฐานทั่วไปนี่คือจัดหนักใช้ได้
- หน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2K+ (3100 x 1440 พิกเซล) รีเฟรชเรต 90 Hz รองรับ HDR10+
- รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแสดงผล
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855+
- RAM : 8 GB
- พื้นที่ตัวเครื่อง : 256 GB แบบ UFS 3.0 (ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้)
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Oxygen OS 10
- กล้องหน้าเซลฟี่แบบ Pop-up ความละเอียด 16 MP พร้อมกันสั่น EIS
- กล้องหลังสามเลนส์
- ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 พร้อมระบบกันสั่น OIS + EIS
- ความละเอียด 16 MP แบบมุมกว้าง 117 องศา รูรับแสง f/2.2
- ความละเอียด 8 MP แบบ Telephoto สำหรับการซูมภาพ 3 เท่าไม่เสียความละเอียด รูรับแสง f/2.4
- ถ่ายภาพระยะใกล้สุด 2.5 ซม. ด้วย Macro Mode
- ถ่ายวีดีโอ Super Slow-motion 960 fps ได้ (ความละเอียด 720p )
- Nightscape เวอร์ชั่นใหม่ ถ่ายภาพกลางคืนดีขึ้น
- แบตเตอรี่ความจุ 4,085 มิลลิแอมป์ พร้อมระบบชาร์จเร็ว Warp Charge 30T
- ลำโพงสเตอริโอคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
รุ่นเล็กสเปคเล่นใหญ่ OnePlus 7T
แต่กลายเป็นว่า หลายคนน่าจะฮือฮากับ OnePlus 7T รุ่นธรรมดาด้วยซ้ำ ที่เปิดตัวด้วยราคาไม่เกิน 2 หมื่นบาท ดูโดดเด่นกว่ารุ่นพี่ด้วยการจัดวางกล้องสามเลนส์ดีไซน์ใหม่แบบวงกลม ส่วนเรื่องฟีเจอร์ รุ่นนี้ได้หน้าเจอรีเฟรชเรต 90 เฮิร์ตซ์ในตัว แต่ยังมีติ่งเจ้ากล้องหน้าเข้ามาขอเกี่ยวเล็กน้อย ได้ชิปเซ็ต Snapdragon 855+ มาทันที! กล้องสามเลนส์พร้อมเลนส์มุมกว้าง ซูมภาพแบบออปติคอลได้ 2 เท่า สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอก็ได้ ลำโพงสเตอริโอและระบบเสียง Dolby Atmos ก็มี ส่วนใครที่รอรีวิวฉบับเต็ม ขอให้ไปดูการแกะกล่องพอเป็นน้ำจิ้มไปก่อนนะ
- หน้าจอ Fluid AMOLED Display ขนาดใหญ่ 6.55 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ มีรีเฟรชเรต 90 Hz
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้
- กล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- กล้องหลัง 3 เลนส์แบบ Triple Camera
- ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.6
- เลนส์เทเลโฟโต้ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
- เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
- ชิปเซ็ต Qualcomm SnapdragonTM 855+ และ Qualcomm AI Engine
- RAM 8GB
- พื้นที่ตัวเครื่อง 128GB แบบ UFS 3.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับได้ OxygenOS เวอร์ชั่นล่าสุด
- ระบบเสียง Dolby Atmos และลำโพงสเตอริโอ
- แบตเตอรี่ความจุ 3,800 มิลลิแอมป์ รองรับระบบชาร์จเร็ว Warp Charge 30T
เทียบสเปคทั้งสองรุ่น
จากตารางสเปคข้างต้นจะเห็นว่า OnePlus รุ่นโปร จะได้เปรียบในเรื่องของขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ไม่มีติ่งกล้องหน้า พื้นที่ตัวเครื่องเยอะกว่ารุ่น 7T ถึงเท่าตัว ได้กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซลแบบป๊อปอัพคูลๆ และแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่า แต่นั่นก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่แพงกว่ารุ่นน้องถึง 9,000 พันบาทเลยทีเดียว
ถ้าใครมีงบประมาณจำกัดก็เล็ง OnePlus 7T ไว้เป็นหลักได้เลย เพราะทั้งสองรุ่นต่างก็ได้หน้าจอใหญ่ รีเฟรชเรต 90 เฮิร์ตซ์เหมือนกัน ชิปเซ็ตสแนปดรากอน 855+ เหมือนกัน แอนดรอยด์ 10 ก็ได้เหมือนกันอีกต่างหาก แต่อย่าลืมว่าทั้งสองรุ่นนี้ไม่รองรับหน่วยความจำภายนอกนะจ้ะ ถ้าใครคิดว่า 128GB ใช้งานเหลือๆ ก็ซื้อรุ่น 7T ก็น่าจะพอ แต่ถ้าใครขอพื้นที่เยอะๆ ก็ต้องข้ามไป 7T Pro
สรุปและความเห็นจากวอทโฟน
OnePlus 7T Pro เหมาะกับผู้ที่มีกำลังทรัพย์หรืองบแบบเหลือๆ ด้วยราคาเปิดตัว 26,990 บาท แต่ก็ถือว่ายังไหว ในยุคที่ราคาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ พุ่งทะลุเกิน 3 หมื่นบาทเข้าไปแล้ว และเหมาะกับผู้ที่อยากได้สเปคแบบขั้นสุด (ถ้าไม่นับเวอร์ชั่น McLaren) มีพื้นที่ในตัวเครื่องเยอะๆ หายห่วงแม่จะเพิ่มความจำภายนอกไม่ได้ แบตเตอรี่ก็เยอะกำลังดี กล้องสามเลนส์ มีทั้งเลนส์มุมกว้างและซูมภาพ รวมถึงฟีเจอร์ด้านอื่นๆ ที่ถือว่าสุดยอดอยู่แล้ว
ส่วน OnePlus 7T นี่ก็ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะในราคา 17,990 บาท แต่ได้อะไรที่ถือว่าเกินพอแล้วเมื่อเทียบกับราคา ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอใหญ่ รองรับ 90 เฮิร์ตซ์ ชิปเซ็ต Snapdragon 855+ กล้องสามเลนส์ถ่ายภาพสนุก ลำโพงสเตอริโอ สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอได้ แต่ใครที่ใช้พื้นที่มือถือเยอะๆ ก็หมั่นสำรองข้อมูลหน่อยแล้วกัน เพราะเผลอๆ 128GB อาจน้อยเกินไปสำหรับยุคนี้และอนาคตก็เป็นได้ แต่ถ้าถามว่ารุ่นนี้เหมาะที่จะซื้อไหม เราก็ตอบได้เต็มปากเลยว่า เหมาะ!