ผ่านมาได้ปีกว่าๆ แล้วสำหรับ Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะจาก Apple ล่าสุดก็ได้มีการเปิดตัวรุ่นที่ 2 เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อรุ่นใหม่นี้ว่า Apple Watch Series 2 โดยรุ่นนี้มีการปรับปรุงสเปคภายในให้ดีขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว และตอบรับกับการออกกำลังกายมากขึ้นด้วยการใส่ GPS เข้ามาในตัว ทำให้ไม่ต้องพก iPhone ไปออกกำลังกายพร้อมกันได้
อุปกรณ์ที่มาในกล่อง
กล่อง Apple Watch Series 2 ยังคงดีไซน์เดิมที่เป็นกระบอกสี่เหลี่ยมยาว ภายในชุดจัดจำหน่ายมีนาฬิกาวางอยู่ด้านใน พร้อมกับอแดปเตอร์, แท่นชาร์จไร้สาย เป็นแม่เหล็กดูด และคู่มือการใช้งาน
ดีไซน์ภายนอก
หน้าตาดีไซน์ยังคงดีไซน์เดิม หากมองผ่านตาแล้วแทบจะไม่รู้เลยว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นใหม่แล้ว ลักษณะหน้าจอยังคงเป็นสี่เหลี่ยมมีความโค้งมนตามมุมต่างๆ กระจกเป็นขอบจอโค้ง ตัวเรือนใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมที่มีน้ำเบาแต่แข็งแรง ขนาดตัวเรือนจะมีให้เลือกได้ 2 ขนาดเหมือนเดิมคือ หน้าปัด 38 มิลลิเมตรสำหรับผู้หญิงและ 42 มิลลิเมตรสำหรับผู้ชาย โดยขนาดสายที่ใช้กับทั้ง 2 รุ่นนี้ก็ต้องแยกกัน
ในการใช้งานสามารถแตะหรือกดหน้าจอลงไปได้ เพราะหน้าจอได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับแรงกดเพื่อเรียกเมนูหรือเป็นคำสั่งการใช้งานเพิ่มเติมเหมือนกับ iPhone 6s, iPhone 7 ที่มี 3D Touch นั่นเอง หน้าจอแสดงผลใช้เป็นแบบ OLED พร้อมระบบปรับความสว่างตามสภาพแสงให้อัตโนมัติทำให้สามารถแสดงผลในที่สว่างหรือแสงจ้าได้ชัดเจนมากกว่า Apple Watch รุ่นแรกได้ถึง 2 เท่า
ด้านขวามีปุ่ม Digital Crown ที่ใช้หมุนสำหรับเลื่อนหน้าจอ และกดเพื่อเรียกเมนูหน้าจอรวมแอพพลิเคชั่น ถัดมาอีกปุ่มเป็นปุ่ม Power เปิด/ปิดเครื่องด้วยการกดปุ่มนี้ค้างไว้ ถ้ากดครั้งเดียวจะเป็นการเข้าหน้า Dock หน้ารวมแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานล่าสุดไว้
ด้านซ้ายมีช่องลำโพงที่ตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเป็น 2 ช่อง ทำให้ได้ยินเสียงเตือนดังขึ้นกว่าเดิม และมีช่องไมโครโฟนสำหรับใช้งานการสั่งงานด้วยเสียง
ด้านหลังด้านหลังของตัวเรือนจะเป็นส่วนของเซนเซอร์แสงสำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heartrate Monitor) ใช้วัสดุฝาหลังเป็นเซรามิค และมีจุดสำหรับกดเพื่อถอดเปลี่ยนสายนาฬิกา
โดยรวมแล้วแทบจะมีดีไซน์ไม่ต่างจากเดิม ที่ดูเปลี่ยนไปคือช่องลำโพงเท่านั้น หากไม่สังเกตหรือเข้ามาดูใกล้ๆ ก็จะไม่รู้เลยว่ามีการใช้รุ่นใหม่อยู่ แต่ด้วยจุดนี้ทำให้ Apple Watch รุ่นใหม่นี้สามารถใช้อุปกรณ์เสริมของ Apple Watch รุ่นแรกได้อยู่
Apple Watch Series 2 ใช้งานร่วมกับ iPhone ได้อย่างลงตัว
Apple Watch Series 2 รองรับการใช้งานกับ iPhone 5 และระบบปฏิบัติการ iOS 10 ขึ้นไป โดยการใช้งานจำเป็นที่จะต้องผูก Apple ID เข้ากับนาฬิกา ซึ่งการเชื่อมต่อจะเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ด้วยแอพพลิเคชั่น Watch ที่ติดมากับเครื่องอยู่แล้ว การเชื่อมต่อนี้ก็ไม่ยาก เพียงแค่เอาเอามาส่องกับนาฬิกาและทำตามขั้นตอนก็สามารถเชื่อมต่อได้แล้ว
หลังจากที่มีการเชื่อมต่อกันแล้ว ก็จะสามารถรับการแจ้งเตือนแอปพลิเคชั่นต่างๆ จาก iPhone ได้ และมีการแจ้งเตือนเมื่อมีสายโทรเข้า iPhone พร้อมกับสามารถกดรับสายได้ทันที
Apple Watch Series 2 สามารถสั่งงาน iPhone ได้ ไม่ว่าจะเป็นรีโมทกล้อง, บังคับเล่นเพลง, สั่ง Siri ให้โทรออก, ค้นหาแผนที่ด้วยการกดปุ่ม Digital Crown ค้างไว้แล้วพูดคำสั่งเข้าไปที่ไมค์ โดยสามารถสั่ง Siri เป็นภาษาไทยได้แล้ว
GPS ในตัว สำหรับการออกกำลังกายที่หลากหลาย
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า Apple Watch รุ่นนี้มี GPS ภายในตัว เหมาะสำหรับการออกกำลังกายมากขึ้น แต่การใช้ GPS นั้น จะต้องทำการหยุดเชื่อมต่อกับ iPhone เสียก่อน และใช้ในโหมด Outdoor เพื่อจับเส้นทางการวิ่งหรือเดินออกกกำลังกายของเรา เมื่อกลับมาเชื่อมต่อกับ iPhone เราจะเห็นเส้นทางการออกกำลังกายของเราในแอปพลิเคชั่น Activity
นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานแบบ Stand alone เชื่อมต่อ Bluetooth กับหูฟังแบบไร้สายได้ โดยในตัวของนาฬิกาจะมีหน่วยความจำมาให้ 4 GB สามารถซิงค์เพลงหรือเพลย์ลิสต์ต่างๆ จาก iTunes มาเก็บไว้ฟังตอนออกกำลังกาย โดยไม่ต้องพก iPhone แล้ว
กันน้ำ และลงน้ำได้ 50 เมตร
มีการปรับสเปคใหม่ จากเดิมที่ป้องกันแค่เหงื่อและละอองฝนนั้น มารุ่นนี้ได้เพิ่มสเปคให้สามารถกันน้ำได้มากขึ้นถึงขั้นสวมใส่ลงไปว่ายน้ำได้เลย โดยจะกันน้ำได้ถึง 50 เมตร (ไม่แนะนำให้ใส่ลงไปดำน้ำ) แน่นอนว่ามีโหมดออกกำลังกายสำหรับว่ายในสระ (Pool Swim) และเล่นน้ำทะเล, แม่น้ำ (Open Water) ไว้ให้เราจับสถิติการออกกำลังกายของเรา พร้อมกันนี้ยังสามารถเลือกล็อคหน้าจอตอนลงน้ำได้อีกด้วย
ใช้คู่กับแอพพลิเคชั่น Activity และ Apple Health
Activity เป็นศูนย์รวมข้อมูลการออกกำลังกายของ Apple Watchโดยจะแบ่งการเก็บข้อมูลเป็น 3 หมวดหลักใหญ่ๆ คือ แคลอรี่ที่เผาผลาญ, การออกกำลังกาย และการยืน โดยจะแสดงผลเป็นวงกลม 3 เส้น 3 สี ซึ่งทาง Activity เองจะแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที ลุกขึ้นยืนและเคลื่อนไหวอย่างน้อยชั่วโมงละ 1 นาที ซึ่งทางแอพฯ ก็จะมีการแจ้งเตือนผ่านมายัง Apple Watch ให้มีการขยับเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันการเกิดโรค Office Syndrome
แอพพลิเคชั่น Apple Health หรือ สุขภาพ ที่มากับ iPhone อยู่แล้ว แอปพลิเคชั่นนี้จะทำการรวบรวมข้อมูลสุขภาพจากทุกแอปพลิเคชั่นมาไว้ที่เดียว และถ้าใช้งานร่วมกับ Apple Watch ข้อมูลต่างๆ ก็จะถูกส่งเข้ามาให้ใน Apple Health แบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นก้าวเดิน, แคลอรี่, กิจกรรม, อัตราการเต้นของหัวใจ และอื่นๆ
สรุป
Apple Watch Series 2 มีการปรับปรุงแก้ไขจากรุ่นแรกเกือบหมด ทั้งการทำงานที่รวดเร็วขึ้นด้วยหน่วยประมวลผลแบบ Dual-core ทำให้การทำงานต่างๆ ลื่นไหลมากขึ้น และที่สำคัญสามารถทำงานแบบ Stand Alone ได้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา iPhone ตลอดเวลาแล้ว และด้วย GPS ที่มีมาในตัว และกันน้ำได้ ทำให้การออกกำลังกายต่างๆ สะดวกมากขึ้นด้วย อีกทั้งแบตเตอรี่ก็อึดขึ้นกว่าเดิมมาก