มาแล้วววว โดรนรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งหากจะเรียกโดรนธรรมดาก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะเดี๋ยวนี้โดรนรุ่นใหม่ๆ นั้นแสนฉลาด มีระบบอัจฉริยะต่างๆ มากมาย ซึ่ง DJI ก็ถือว่าเป็นผู้ผลิตโดรนแถวหน้าของโลก สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวไปคือ DJI Mavic Air ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆ จนมีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถพับแขนใบพัดทั้ง 4 ด้านให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม พกพาได้ไม่เกะกะ โดยการผสมผสานเทคโนโลยีของ Mavic Pro และ Spark เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังมีดีไซน์ใหม่ดูล้ำสมัย พร้อมกล้องความละเอียดสูง และยังมีฟีเจอร์ในการถ่ายภาพต่างๆ ให้เลือกใช้งานมากมาย
DJI Mavic Air สมาร์ทโดรนรุ่นใหม่ล่าสุด
จุดเด่นหลักๆ ของ Mavic Air นอกจากจะเป็นดีไซน์ที่ดูทันสมัยแล้ว ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นถือว่าเป็นจุดเด่นที่มีมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ สำหรับรุ่นนี้มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มี Gimbal 3 แกนที่ช่วยรักษาระดับของกล้องถ่ายภาพไม่ให้ภาพไม่สั่นไหว โดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอที่นิ่งมาก มีโหมดถ่ายภาพแบบใหม่คือ Sphere panorama โดยตัวโดรนจะถ่ายภาพรอบตัว 180 องศาทั้งหมด 25 ภาพ แล้วนำมาต่อให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะให้ภาพความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล มีโหมด Quick shot, Smart capture, Tab fly
ส่วนการถ่ายคลิปวิดีโอถ่ายได้ที่ความละเอียด 4k 30 เฟรมต่อวินาที มีโหมดถ่ายภาพแบบ HDR, ถ่ายวิดีโอแบบสโลโมชั่น 120 เฟรมต่อวินาที
ตัวโดรนสามารถพับเก็บแขนใบพัดทั้ง 4 ด้านได้ รวมไปถึงรีโมทคอนโทรลที่สามารถพับเก็บเสาอากาศ และแขนยึดกับสมาร์ทโฟน เพื่อให้พกพาได้อย่างสะดวก โดยเมื่อพับเก็บตัวโดรนจะมีขนาด 168 × 83 × 49 มม. และเมื่อกางออกมาจะมีขนาด 168 × 184 × 64 มม. สามารถบินได้นาน 21 นาที หรือบินได้ระยะทาง 10 กิโลเมตร แต่ตัวรีโมทสามารถบังคับได้ไกล 4 กิโลเมตร ตัวเครื่องสามารถบินได้เร็วสูงสุด 68.4 กม./ชม. ในโหมดสปอร์ต บินต้านลมความเร็วได้ที่ 29-38 กิโลเมตร/ชั่วโมง
โหมดการบินอัจฉริยะ
หัวใจสำคัญของการบินคือมีระบบ GPS+GLONASS สามารถจำตำแหน่งที่ขึ้นบินเพื่อให้เครื่อง บินกลับอัตโนมัติได้ ตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์ช่วยตรวจจับสิ่งกีดขวางทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และใต้เครื่องตรวจจับสิ่งกีดขวางได้ที่ระยะ 0.5-12 เมตร และจะหยุดอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ ช่วยลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับตัวโดรนได้
ในโหมด Return Home จากรุ่นก่อนที่เมื่อเครื่องหลุดสัญญาณ ตัวเครื่องจะบินกลับตรงโดยอัตโนมัติ ซึ่งโอกาสที่จะบินชนสิ่งกีดขวางเป็นไปได้สูง แต่สำหรับรุ่นนี้จะมีระบบบันทึกเส้นทางบิน และบินกลับเส้นทางเดิมได้โดยอัตโนมัติ และยิ่งมีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางมาช่วยด้วยก็จะช่วยลดอุบัติเหตุได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีระบบบินอัตโนมัติเหมือนกับรุ่นก่อนๆ ที่จะช่วยลดภาระการบังคับ ซึ่งจะทำให้ผู้บินไปโฟกัสกับการปรับแพนมุมกล้องได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องพะวงที่จะต้องคอยบังคับเครื่องไปด้วย แพนมุมกล้องไปด้วย
สำหรับราคาเปิดตัวทาง Dealer ในไทยก็เริ่มประกาศราคากันแล้ว โดยราคาจะอยู่ที่ 30,000 บาท และในรุ่น Combo ราคา 37,500 บาท เริ่มวางจำหน่าย กพ. นี้
รายละเอียดที่มา https://www.dji.com/mavic-air