ถ้ายังจำกันได้ HUAWEI วางจำหน่าย WATCH FIT และ HUAWEI Band ไปแล้วหลายต่อหลายรุ่น ล่าสุดก็เป็น WATCH FIT 2, Band 8 ซึ่งก็มีหน้าตาคล้ายกัน แตกต่างกันที่ฟังก์ชั่น หากเป็น WATCH FIT 2 ก็จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่า หรือหากเป็น Band 8 ก็จะตัดฟังก์ชั่นหลายๆ อย่างออกไป แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างทั้ง 2 รุ่นที่หลายๆ คนอยากได้อย่างเช่นตัวรับสัญญาณ GPS ของ Band แต่ไม่อยากได้สปีกเกอร์โฟนใน และขนาดที่ใหญ่จนเกินไปของ WATCH FIT 2 จน HUAWEI ได้พัฒนาออกมาเป็น WATCH FIT SE หรือ Special Edition ที่เป็นรุ่นกึ่งกลางระหว่าง 2 รุ่นที่วางจำหน่ายไปแล้ว มาชมรีวิวกันได้เลยครับ
แกะกล่อง HUAWEI WATCH FIT Special Edition
กล่องของ WATCH FIT SE จะมีรูปนาฬิกาเป็นสีเดียวกันกับที่อยู่ในกล่อง อย่างเครื่องที่เราได้มาทดสอบเป็นสี Starry Black ที่ด้านหน้าจะมีคุณสมบัติเด่นๆ บ่งบอกอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผล 1.64 นิ้ว AMOLED Display, มีระบบจัดการข้อมูลสุขภาพระดับมืออาชีพ และมีภาครับสัญญาณดาวเทียม GPS ระบุตำแหน่งในตัว ส่วนด้านล่างจะมีบอกว่ารุ่นนี้เป็น Special Edition นอกจากนี้ที่ด้านหลังยังมีบอกจุดเด่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดที่สามารถออกแบบเองได้, มีระบบติดตามการนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเส้นเลือด, มีตัวช่วยในการใช้ชีวิตแบบอัจฉริยะ, มีโหมดการออกกำลังกายมากกว่า 100 แบบ และกันน้ำที่ระดับ 5 ATM ส่วนอุปกรณ์จะมีอะไรบ้าง มาแกะกล่องดูกันเลย
อุปกรณ์ในกล่อง
- HUAWEI WATCH FIT SE สี Starry Black
- สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB
- คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน
ภายในกล่องมีเพียงอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างเช่นสายชาร์จมาให้เหมือนกับรุ่นก่อนๆ สามารถชาร์จกับพอร์ต USB-A ของคอมพิวเตอร์ หรือจากอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนทั่วไปได้เลย โดยอีกด้านเป็นที่ชาร์จกับ WATCH FIT SE มีแม่เหล็กคอยดูดหัวชาร์จให้ติดกับนาฬิกา ทำให้ไม่เลื่อนหลุดได้ง่ายๆ หากชาร์จผิดด้านก็จะมีแม่เหล็กหลักออกเพื่อไม่ให้ชาร์จ เมื่อชาร์จเสร็จก็เพียงแค่ดึงออกมาเท่านั้น สะดวกมากๆ
HUAWEI WATCH FIT SE มีจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 1.64 นิ้ว ความละเอียด 280 x 456 พิกเซล แตะสั่งงาน ปัดเลื่อนซ้ายขวา บนล่างเพื่อเลื่อนเมนูได้ ใช้จอภาพแบบ AMOLED ที่ให้สีสันสวยงาม รองรับการแสดงผลแบบ AOD (Always on Display) แสดงเวลาแบบติดตลอด หน้าจอไม่มืดดำ และแสดงกราฟฟิค Watch Faces, ข้อมูลสุขภาพในแต่ละวัน
ที่ด้านข้างขวามีเพียงปุ่มเปิดปิดเครื่องโดยการกดค้างไว้ประมาณ 2-3 วินาที และยังทำหน้าที่เป็นปุ่มเมนู และปุ่ม Home ไปด้วยในตัว ส่วนตัวเรือนที่เราได้รับมาทดสอบเป็นสี Starry Black ทำจากวัสดุไฟเบอร์โพลิเมอร์ที่แข็งแรง และทนทาน
ด้านหลังของตัวเรือนมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และเซ็นเซอร์วัดความเข้มข้นของระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ซึ่งจะเห็นการทำงานของมันด้วยการปล่อยแสงสีเขียว และสีแดงออกมาตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนบนผิวหนัง ส่วนจุด 2 จุดเป็น POCO Pin เป็นพอร์ตสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ มีแม่เหล็กคอยช่วยดูดให้สายชาร์จยึดติดกับตัวเครื่อง
สายนาฬิกาสี Starry Black วัสดุเป็นซิลิโคน ผิวสัมผัสนุ่ม ไม่ระคายผิว สวมใส่ได้สบาย สามารถใส่ได้ทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมง ไม่อึดอัดแม้ว่าจะใส่นอนทั้งคืนก็ตาม
การเปลี่ยนสายนาฬิกาสามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ใช้ปลายเล็บงัดสลักยึดสายนาฬิกา หรืออาจจะใช้เหล็กปลายแหลมงัดสลักขึ้นมาแล้วดึงสายออก เมื่อเปลี่ยนสายใหม่ก็เพียงแค่เสียบเข้าไปแล้วนำสลักกดล็อคเข้าไปก็ใช้งานได้ทันที ข้อควรระวังในการงัดสลักนี้อาจจะกระเด็นหลุดหลุดหายได้ ต้องใช้ความระมัดระวังไม่งัดแรงจนเกินไป
เชื่อมต่อง่ายดาย ใช้งานร่วมกับแอพฯ Huawei Health รองรับทั้ง Android และ iOS
แอปพลิเคชั่น HUAWEI Health รองรับระบบปฏิบัติการ EMUI ของ HUAWEI สามารถดาวน์โหลดได้จาก AppGallery หรือหากเป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการอื่นๆ อย่างเช่น Android ก็รองรับเช่นกัน แต่จะต้องสแกน QR Code ที่ข้างกล่องเพื่อดาวน์โหลดมาติดตั้ง เพราะใน PlayStore จะไม่มีให้ดาวน์โหลดเหมือนก่อน และควรระวังไม่ดาวน์โหลดจาก PlayStore เพราะจะมีแอปฯ ปลอมที่ทำมาเลียนแบบ มีไอคอนเหมือนกับ HUAWEI Health อาจจะดาวน์โหลดผิดได้ ส่วนระบบปฏิบัติการ iOS ก็สามารถดาวน์โหลดได้ที่ AppStore และ iOSในการเชื่อมต่อก็ไม่ยุ่งยาก
เมื่อชาร์จแบตเตอรี่ WATCH FIT SE จนเต็มพร้อมใช้งานแล้ว ให้เปิดเครื่องแล้วนำมาวางใกล้ๆ กับสมาร์ทโฟนจะมี Pop up เด้งเตือนที่หน้าจอเพื่อกดเชื่อมต่อ ใช้เวลาไม่นานก็เชื่อมต่อเสร็จเรียบร้อย หากมีอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ก็อาจจะต้องรอสักพัก เมื่ออัพเดทเสร็จเรียบร้อยก็พร้อมใช้งานทันที
สำหรับการปรับเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา หรือ Watch Faces ก็มีให้เลือกดาวน์โหลดฟรี และแบบเสียตังค์ซื้อ มีทั้งแบบเข็ม แบบตัวเลข และเป็นภาพกราฟฟิคแบบต่างๆ ให้เลือกมากมายกว่า 13,000 แบบ สามารถอุดหนุนนักพัฒนา และช่วยส่งเสริมการให้นักพัฒนาออกแบบลายหน้าปัดใหม่ๆ ออกมาให้เราได้เลือกซื้อกันด้วย นอกจากนี้ยังใช้ภาพถ่ายจากกล้องของเรามาเป็นภาพพื้นหลังหน้าปัดนาฬิกาได้อีกต่างหาก
หรือหากต้องการสร้าง Watch Faces ในแบบของตัวเองก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ถ่ายภาพที่มีลวดลาย และสีสันที่ต้องการ อย่างเช่นลวดลายสีสันของเครื่องแต่งกายเสื้อผ้า สีของดอกไม้ จากนั้นระบบจะทำการสร้างภาพพื้นหลังให้เข้ากับภาพที่ได้ให้โดยอัตโนมัติ
ตรวจวัดสุขภาพด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ ตลอด 24 ชม.
ด้วยความเบา และมีขนาดเล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป จึงสามารถใส่ได้ตลอดทั้งวันตลอด 24 ชั่วโมง มาพร้อมเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่จะทำงานตรวจวัดค่าต่างๆ ในร่างกายเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการนับจำนวนก้าวเดิน, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2), วัดความเครียด, ตรวจจับความเคลื่อนไหวในการนอน สามารถเปิดดูข้อมูลคร่าวๆ ได้บนหน้าจอ หรือหากต้องการดูข้อมูลแบบละเอียดก็เปิดแอพฯ HUAWEI Health เพื่อดูข้อมูลย้อนหลังแบบละเอียดเป็นรายชั่วโมงได้
ข้อมูลต่างๆ เหลานี้จะช่วยให้เราทราบถึงสุขภาพโดยรวมในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อย่างเช่นหากนอนน้อยไปก็ควรจะเข้านอนให้เร็วขึ้น หรือในแต่ละวันหากเราเดินน้อยไป ก็ควรจะลุกขึ้นเดินให้บ่อยขึ้น และหากว่ามีความเครียดก็ควรจะผ่อนคลาย หรือใช้ WATCH FIT 2 เป็นตัวช่วยกำหนดลมหายใจ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถคำนวนรอบเดือนของคุณผู้หญิงได้อีกด้วย
รองรับการออกกำลังกายกว่า 100 โปรแกรม พร้อมเก็บข้อมูลเส้นทางด้วย GPS ในตัว
ในด้านการออกกำลังกาย WATCH FIT SE ก็ยังรองรับการออกกำลังกายในแบบต่างๆ มากถึง 100 แบบ ไม่ว่าจะเป็นเดิน, วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ํา และกระโดดเชือก เป็นต้น มีโหมดการออกกาลังกายที่เพิ่มเข้ามาใหม่ 4 โหมด ได้แก่ ฟุตบอล, บาสเกตบอล เทนนิสในร่ม และ eSports ตัวเรือน WATCH FIT SE กันน้ำลึกถึง 5 ATM หรือ 50 เมตร สามารถใส่ว่ายน้ำ ดำน้ำ หรืออาบน้ำได้โดยไม่ต้องกังวล พร้อมรองรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ มีการติดตามเส้นทางออกกำลังกายด้วยภาครับสัญญาณดาวเทียม GPS จึงไม่ต้องพกโทรศัพท์เพื่อระบุตำแหน่งจากสมาร์ทโฟนอีกต่อไป และเส้นทางเมื่อไปออกกำลังกายแบบ Outdoor
บทสรุป HUAWEI WATCH FIT SE จากความเห็นของ What Phone
หากใครที่ไม่ชอบใส่นาฬิกาเรือนใหญ่ๆ หรือสมาร์ทวอชขนาดเทอะทะ WATCH FIT Special Edition รุ่นนี้ตอบโจทย์อย่างแน่นอน ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด แต่มองเห็นข้อมูลต่างๆ บนหน้าจอได้อย่างชัดเจน มีน้ำหนักเบา สวมใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงแม้กระทั่งตอนนอน และอาบน้ำ มีฟังก์ชั่นพื้นฐานมาให้อย่างครบครัน เก็บทุกข้อมูลการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ มีระบบแจ้งเตือนต่างๆ จากสมาร์ทโฟน พร้อมรองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ ใช้งานได้ยาวนานถึง 9 วัน ซึ่งจากการทดสอบแบบเปิดทุกอย่างสามารถใช้งานได้ประมาณ 7 วัน ซึ่งก็ถือว่านานพอสมควร หรือหากเปิดหน้าจอแบบติดตลอดก็จะใช้งานได้ประมาณ 3-4 วัน ทั้งหมดนี้เปิดตัวในราคาเพียง 2,699 บาทเท่านั้น หากใครที่มองว่า HUAWEI Band 8 ยังไม่ตอบโจทย์ HUAWEI WATCH FIT 2 ก็มีราคาสูงไป HUAWEI WATCH FIT SE รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่อยู่คั่นกลางที่มีฟังก์ชั่นสำคัญๆ มาให้อย่างครบครัน ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแน่นอน
สรุปสเป็ค
- ขนาด 46 x 30 x 10.8 มม. น้ำหนัก 21 กรัม (ไม่รวมสาย)
- หน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 1.64 นิ้วแบบสัมผัส ความละเอียด 280 x 456 พิกเซล
- ตัวเรือนวัสดุไฟเบอร์โพลิเมอร์, สายซิลิโคน
- เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 BLE
- เซ็นเซอร์ IMU 6 แกน (เซ็นเซอร์มาตรความเร่ง, เซ็นเซอร์ไจโรสโคป, เซ็นเซอร์แม่เหล็ก)
- เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล
- กันน้ำลึก 50 เมตร (5 ATM)
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 9 วัน
- รองรับการใช้งานทั้ง HarmonyOS, Android 6.0 และ iOS 9.0
- มีให้เลือก 3 สี Starry Black, Nebura Pink, Forest Green
- ราคา 2,699 บาท
โปรโมชันพิเศษเมื่อสั่งซื้