ห่างหายไปนานถึงปีครึ่ง ทาง OPPO ได้พัฒนาและเปิดตัว OPPO Band 2 รุ่นใหม่ พัฒนาต่อยอดจากรุ่นแรก อัพเกรดให้มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ใช้งานได้นานขึ้น รองรับการออกกำลังกายได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นถึง 100 แบบ มาดูกันว่า OPPO Band รุ่นใหม่นี้ทำอะไรได้บ้าง
แกะกล่องลองเล่น OPPO Band 2
เมื่อแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
- OPPO Band 2 สี Midnight Black (รวมสายซิลิโคน)
- สาย USB ชาร์จแบตเตอรี่
- เอกสารความปลอดภัย, คู่มือการใช้งาน
OPPO Band 2 อัพเกรดหน้าจอใหญ่ขึ้น แต่ยังสวมใส่สบายเช่นเคย
จาก OPPO Band รุ่นแรกที่มีหน้าจอขนาดเล็ก สามารถสวมใส่ได้สบายไม่อึดอัด แต่ก็มีหน้าจอขนาดเล็กไปหน่อย มาถึง OPPO Band 2 ที่อัพเกรดให้มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น มองเห็นได้เต็มตา แต่ก็ยังคงความเบา สวมใส่สบายได้ตลอดทั้งวัน รวมไปถึงเวลานอนเช่นเคย มาในสี Midnight Black ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย หรือจะเลือกเป็นสี Baby Blue ที่เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการสีสันสดใสก็ได้เช่นกัน
จอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาดใหญ่ 1.57 นิ้ว ที่ใหญ่กว่ารุ่นเดิม ความละเอียดหน้าจอ 302 PPI อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงกว่ารุ่นก่อนถึง 47% และมาพร้อมพื้นที่แสดงผลที่ใหญ่ขึ้นกว่า 74% แสดงเนื้อหาได้มากขึ้น มองเห็นชัดเจนเมื่ออยู่กลางแจ้งด้วยความสว่างสูงสุด 500 nits สั่งงานด้วยการสัมผัสหน้าจอ สามารถปัดซ้าย, ขวา เพื่อเลื่อนดูข้อมูลต่างๆ ปัดบนลงล่างเพื่อต้้งค่า Quick Setting และปัดล่างขึ้นบนเพื่อดูการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนต่างๆ ถือว่าทำได้ง่าย สะดวก ทำงานรวดเร็วตามที่แตะสั่งงาน
ด้านหลังของ Band 2 มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ หรือ Heart rate sensor มีไฟ LED เป็นสีเขียว และเซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 มีไฟส่องสว่างเป็นสีแดง โดยมีออฟติคอลเซ็นเซอร์เป็นตัวอ่านค่า Heart rate และ SpO2 บนผิวหนัง นอกจากนี้ยังมี POCO Pin 2 จุดเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ มีแม่เหล็กดูดให้ยึดติดกันขณะชาร์จ แต่หากใส่ผิดด้าน แม่เหล็กจะผลักออกจากกันเพื่อป้องกันการชาร์จผิดด้าน
การสั่งงานของรุ่นนี้อาศัยการแตะสั่งงานบนหน้าจอเป็นหลัก ด้านข้างจึงไม่มีปุ่มกดใดๆ มาให้
สายซิลิโคนสีดำมีน้ำหนักเบา มีลักษณะพื้นผิวเรียบ มีความนุ่มนวลต่อผิวหนัง จึงสวมใส่ได้สบาย ตลอดทั้งวัน รวมไปถึงการใส่เข้านอนก็ไม่รู้สึกอัดอัดแต่อย่างใด ตัวสายซิลิโคนมีมาให้ขนาดเดียว แต่สามารถใส่ได้ทั้งข้อมือขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ของผู้ชายได้
การถอดเปลี่ยนสายหากดูในคู่มือสามารถใช้เล็บงัดสลักออกมาได้ แต่จากการทดสอบถอดสายพบว่าสลักค่อนข้างแน่น แนะนำให้ใช้เหล็กที่มีลักษณะเล็ก แบนงัดสลักออกมาจะดีกว่า
เชื่อมต่อกับแอพฯ HeyTab Health เพื่อซิงค์ข้อมูลและเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา
ก่อนการใช้งาน OPPO Band 2 จะต้องเสียบชาร์จแบตเตอรี่เพื่อเปิดเครื่องก่อน และชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม จากนั้นทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพฯ HeyTab Health ให้เรียบร้อยก่อน เพื่อทำการอัพเดท Firmware ตั้งค่า และดูข้อมูลต่างๆ ที่ Band 2 เก็บมาได้ แอพพลิเคชั่นนี้สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน OPPO หรือแบรนด์อื่นๆ ได้ ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS แต่หากใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน OPPO จะสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า
เมื่อดาวน์โหลดแอพฯ มาเรียบร้อยแล้วก่อนอื่นหากยังไม่ลงทะเบียนก็ให้ทำการลงทะเบียน ใส่ข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นวันเดือนปีเกิด น้ำหนักส่วนสูงให้เรียบร้อย ต่อมาก็ถึงขั้นตอนการเชื่อมต่อ โดยเข้าไปเพิ่มอุปกรณ์ที่จะใช้งานโดยเลือกเป็น OPPO Band2 แอพฯ จะทำการค้นหาสมาร์ทแบนด์ที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อพบแล้วให้แตะเลือก และทำตามขั้นตอนการเชื่อมต่อให้เรียบร้อย จากนั้นแอพฯ จะทำการซิงค์ข้อมูล ใช้เวลาไม่นานก็พร้อมใช้ทันที
นอกจากการซิงค์ข้อมูลกับสมาร์ทโฟนแล้ว ยังสามารถเลือกเปลี่ยน และดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกาใหม่ๆ หรือ Watch faces ได้ มีให้เลือกมากมายหลายแบบ ทั้งแบบนาฬิกาแบบตัวเลข แบบเข็มอนาล็อค แบบภาพกราฟฟิค และยังสามารถนำภาพที่อยู่ใน Gallery มาใช้เป็นภาพพื้นหลัง Watch faces ก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AI Outfit Watch Face 2.0 สามารถสร้างหน้าปัดนาฬิกาให้เข้ากับโทนสีการแต่งกายได้โดยอัตโนมัติ
ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และระดับออกซิเจนในเลือดตลอด 24 ชั่วโมง
อัตราการเต้นของหัวใจถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะบอกได้ว่าสุขภาพของเราเป็นอย่างไร โดย OPPO Band2 สามารถตรวจวัด Heart rate ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งตอนหลับ และตอนตื่น อีกทั้งยังมีเซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ได้ด้วยเช่นกัน หลักการทำงานคร่าวๆ ของระบบการวัดนี้ OPPO Band จะทำการตรวจวัด SpO2 ผ่านการรวบรวมข้อมูลอัตราการดูดซึมเมื่ออยู่ภายใต้แสงสีแดง และแสงอินฟราเรดที่แตกต่างกันของ Oxygenated hemoglobin (HbO2) และ Deoxygenated hemoglobin (Hb) ตามลำดับ โดยเซ็นเซอร์แบบออปติคอลจะรับข้อมูลโดยการส่องแสงไฟไปที่เส้นเลือดบนข้อมือของผู้ใช้งาน และรวบรวมข้อมูลที่สะท้อนกลับมายังเซ็นเซอร์ ซึ่งหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดปกติก็สามารถพบแพทย์เพื่อปรึกษาในเรื่องของสุขภาพ เพื่อที่จะรักษาได้ทันท่วงที
มีโหมดออกกำลังกายมากถึง 100 โหมด พร้อมตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ
จากเดิมในรุ่นก่อนรองรับการออกกำลังกายเพียง 50 โหมด มาถึงรุ่นนี้อัพเกรดให้รองรับการออกกำลังกายมากถึง 100 โหมด ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง กระโดดเชือก ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ พายเรือ โยคะ แอโรบิค แบดมินตัน ฯลฯ และยังสามารถออกกำลังกายด้วยเครื่อง Elliptical machine และการออกกำลังกายด้วยเครื่อง Rowing machine ได้ แต่หากเล่นกีฬากลางแจ้งและต้องการให้บันทึกเส้นทาง ระยะทางต้องใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟนเพื่อที่จะระบุตำแหน่ง ความเร็วผ่านภาครับ GPS ของสมาร์ทโฟน นอกจากนี้การเล่นกีฬาทางน้ำก็ทำได้อย่างสบายใจ เพราะตัวเรือนสามารถกันน้ำลึกได้ถึงระดับ 5 ATM หรือประมาณ 50 เมตร
สำหรับการเล่นเทนนิสก็สามารถจดจำจังหวะการเล่นและบันทึกข้อมูล 5 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการแกว่งของแร็กเกต ระยะเวลาในการเล่น อัตราการเต้นของหัวใจ และการเผาผลาญแคลอรี่ สามารถนำข้อมูลการเล่นมาปรับปรุงทักษะให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วย
เก็บข้อมูลการนอนหลับเพื่อปรับปรุงให้การนอนมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
การนอนหลับก็เป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง หากนอนตามระยะเวลาที่เหมาะสมก็จะส่งผลให้มีสุขภาพดีขึ้น และด้วยฟีเจอร์ OSleep ที่สามารถตั้งเวลานอนหลับเพื่อช่วยเตือนให้เข้านอนตรงเวลา และยังช่วยเปิดโหมด Sleep บนสมาร์ทโฟนไม่ให้ส่งการแจ้งเตือนต่างๆ ที่จะมารบกวนการนอนหลับ
และในขณะนอนหลับก็จะมีการเก็บข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับออกซิเจนในเลือด พร้อมตรวจสอบสถานะการนอนหลับ ทั้งนอนหลับลึก หลับตื้น หลับฝัน และเมื่อตื่นนอนก็จะมีคะแนนคุณภาพการนอนหลับรายงานบนหน้าจอในทุกๆ เช้า นอกจากนี้ยังมีการตรวจวัด ประเมินความเสี่ยงจากการนอนกรน และเล่นบันทึกการนอนกรนเพื่อระบุปัญหาการหายใจระหว่างการนอนหลับได้ด้วย
เพื่อนคู่หูเก็บข้อมูลระหว่างวันตลอด 24 ชั่วโมง
จากความเบา สวมใส่สบายตลอดทั้งวัน เราสามารถใส่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้กระทั่งตอนอาบน้ำ และตอนนอน โดยในขณะที่สวมใส่ สมาร์ทแบนด์ก็จะเก็บข้อมูลสุขภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน, การเผาผลาญพลังงาน, ความเครียด, อัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับออกซิเจนในเลือด ในระหว่างวันหากนั่งทำงานนานๆ ก็จะมีการแจ้งเตือนให้เคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้เรานั่งติดเก้าอี้นานจนเกินไป จากข้อมูลเหล่านี้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ได้ว่าในแต่ละวัน หรือแต่ละช่วงเวลาเราเคลื่อนไหวร่างกายอย่างไร เพื่อที่จะนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
บทสรุป รีวิว OPPO Band 2 จากความเห็นของ What Phone
จัดเป็นสมาร์ทแบนด์ที่มีความลงตัว ทั้งดีไซน์ ขนาด น้ำหนัก วัสดุ สวมใส่สบายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใส่นอนก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด มีฟังก์ชั่นการตรวจวัดสุขภาพขั้นพื้นฐานอย่างครบถ้วน บอกข้อมูลต่างๆ ได้จากบนหน้าจอขนาดใหญ่ของสมาร์ทแบนด์ได้เลย จากสเป็คการใช้งานได้นานสูงสุด 14 วัน ซึ่งจากการทดสอบใช้งานจริง เปิดฟังก์ชั่นทุกอย่างให้ตรวจวัดค่า Heart rate, SpO2 ตลอด 24 ชม. ก็ยังสามารถใช้งานได้นานถึง 6 วัน ถือว่าแบตเตอรี่อึดพอสมควร มีระบบสั่น พร้อมแจ้งเตือนภาษาไทย แจ้งเตือนสายเรียกเข้า และสามารถตั้งค่าให้แจ้งเตือนแอพฯ ต่างๆ ได้ โดยรวมกับราคา 2,999 บาทถือว่าคุ้มค่าที่จะนำมาเก็บข้อมูลสุขภาพต่างๆ เพื่อที่จะปรับปรุงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันให้ดียิ่งขึ้น
สรุปจุดเด่น สเป็ค OPPO Band2
- ขนาด 45.3 x 29.1 x 10.6 มม. น้ำหนัก 20 กรัม (ไม่รวมสาย), น้ำหนัก 33 กรัมเมื่อรวมสาย
- หน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 1.57 นิ้ว ความละเอียด 256 x 402 พิกเซล
- หน้าจอสั่งงานด้วยระบบสัมผัส
- แบตเตอรี่ 200 mAh ใช้งานได้สูงสุด 14 วัน
- เซ็นเซอร์ : Accelerometer, Gyroscope, Optical heart rate sensor, and Optical pulse oximetry sensor
- เชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth 5.0 BLE
- ชิปประมวลผล Apollo 3.5, หน่วยความจำ PSRAM 8 MB, NAND 128 MB
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 ขึ้นไป และ iOS 13.0 ขึ้นไป
- กันน้ำลึก 50 เมตร (5 ATM)
- แจ้งเตือนด้วยระบบสั่นในตัว
- ใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น HeyTap Health
- ราคา 2,999 บาท
- มีให้เลือก 2 สี Midnight Black และ Baby Blue