Samsung Galaxy Watch สมาร์ทวอชรุ่นใหม่ถูกเปิดตัวพร้อมกับสมาร์ทโฟนเรือธง Samsung Galaxy Note 9 ในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยรุ่นนี้จะเป็นภาคต่อจาก Samsung Gear S3 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีการรีแบรนด์ใหม่ให้ชื่อมีความสอดคล้องกับทางสมาร์ทโฟนจึงกลายเป็น Galaxy Watch นั่นเอง
Galaxy Watch เป็นสมาร์ทวอชที่มีความสามารถการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนแล้วยังเป็นสมาร์ทวอชสำหรับผู้ที่รักสุขภาพด้วย โดยจะมีฟีเจอร์ของ Fitness Tracking สำหรับติดตามการเคลื่อนไหวในแต่ละวัน เพื่อจับก้าเดิน, เวลาที่เคลื่อนไหว และมีการคำนวณแคลอรี่ที่เผลาผลาญในแต่ละวัน อีกทั้งยังสามารถติดตามการออกกำลังกายได้มากกว่า 40 แบบ ไม่ว่าจะเป็น เดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ และสามารถติดตามการนอนหลับ (Sleep Tracking) ได้อีกด้วย ซึ่งจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย
ชุดจัดจำหน่าย
สำหรับ Galaxy Watch ที่ทีมงาน WhatPhone ได้มาทดสอบนั้นจะเป็นรุ่น 46mm สีเงิน Silver ภายในชุดจัดจำหน่ายจะมีอุปกรณ์อื่นๆ มาด้วย ได้แก่ สายขนาด 22 mm แบบสั้นสำหรับเปลี่ยน, แท่นชาร์จ Wireless, อะแดปเตอร์, สายชาร์จ microUSB และคู่มือการใช้งาน
Samsung Galaxy Watch
สำหรับหน้าตาและดีไซน์ยังคงมีโครงหลักมาจาก Gear S3 Frontier หน้าจอเป็น Super AMOLED ขนาด 1.3 นิ้ว (42mm จะมีหน้าจอ 1.2 นิ้ว) หน้าจอสีทั้งหมด กระจกกันรอย Corning Gorilla Glass DX+ ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen 4.0 การใช้งานหลักๆ จะเป็นการทัชสกรีนและใช้ Rotating Bezel มาใช้งานเพื่อเปลี่ยนเมนูต่างๆ และเป็นการเลือนไปยังเมนูต่างๆ พร้อมกับปุ่มด้านข้างของตัวเครื่อง 2 ปุ่ม โดยจะเป็นปุ่มย้อนกลับที่วางอยู่ด้านบน และปุ่มโฮมที่วางอยู่ด้านล่าง หน้าจอสี Super AMOLED บอกได้คำเดียวว่าการแสดงผลทำได้เหมือนจริงมากๆ เวลามองเวลาคิดว่ากำลังมองหน้าปัดของนาฬิกาจริงๆ อยู่ และด้วยโหมด Always on หน้าจอจะแสดงผลตลอด ยิ่งทำให้ดูสมจริงขึ้นไปอีก
เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจจะวางอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง อ่านการเต้นของหัวใจด้วยแสงเลเซอร์ ตัวสายซิลิโคนขนาด 22 mm สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งใครที่มีข้อมือเล็กหน่อยและไม่ชอบสายยาวๆ ก็มีสายแบบสั้นในกล่องมาเปลี่ยนใช้งานได้ และมีสายอื่นๆ ให้เลือกซื้อต่างหาก
ตัวเรือนรองรับการตกกันกระแทกระดับ MIL-STD-810G ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับทหาร นั่นหมายความว่ามีความทนทานต่อการใช้งานเป็นอย่างดีนและยังมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68+5ATM ใส่ลงว่ายน้ำได้สบายๆ ไม่ต้องกังวล ตรงนี้ถือเป็นจุดดีของนาฬิากาสมาร์ทวอชที่มีความสามารถเกี่ยวกับการออกกำลังกาย เพราะแน่นอนว่าการออกกำลังกายในบางครั้งอาจจะไปกระแทกกับสิ่งอื่นๆ โดยไม่ตั้งใจ
Galaxy Watch สามารถพูดคุยสายสนทนาผ่านตัวนาฬิกาได้เลย เพราะมีไมโครโฟนและลำโพงมาให้ด้วย และสามารถฟังเพลงจากตัวเรือนหรือจากสมาร์ทโฟนที่ตัวนาฬิกาได้เลยเช่นกัน
ในรุ่น 46mm จะมีสีตัวเรือนให้เลือกเพียงสีเงิน Silver เท่านั้น ส่วนรุ่น 42mm จะมีสีดำ Midnight Black และสีชมพู Rosegold ให้เลือกด้วย ใครที่ชอบหน้าปัดใหญ่ก็ต้องทำใจว่าจะไม่สามารถเลือกสีตัวเรือนได้ แต่สามารถเลือกสีของสายได้ ซึ่งใครที่ชอบสีดำล้วนก็ต้องชั่งใจไปลองว่าขนาด 42 นั้นเหมาะกับคุณหรือไม่ ซึ่งขนาดสายก็จะเล็กลงด้วย (20mm)
เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable
ในการใช้งานครั้งแรก จะต้องทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทางแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable ซึ่งสามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟน Android เวอร์ชั่น 5.0 และ RAM 1.5GB ขึ้นไป และ iPhone ที่มี iOS 9.0 ขึ้นไป
หลังจากการเชื่อมต่อแล้ว Galaxy Watch จะสามารถรับการแจ้งเตือนสายโทรเข้า, แอปพลิเคชันต่างๆ จากสมาร์ทโฟน ดูสภาพอากาศ ซึ่งการแจ้งเตือนต่างๆ ก็รองรับภาษาไทย หรือจะเปิดดูการแจ้งเตือนย้อนหลัง เพียงแค่หมุน Rotating Bezel ไปทางซ้าย เพียงเท่านี้ก็จะเปิดดูการแจ้งเตือนที่ถูกส่งเข้ามาในนาฬิกาได้ และยังสามารถตอบกลับจาก Galaxy Watch ได้เลย
สามารถปรับแต่งหน้าตา Watch Face จากสมาร์ทโฟนได้เช่นกัน รวมถึงการตั้งค่า Widget, แอปฯต่างๆ และการนำเพลงเข้าไปใน Galaxy Watch สามารถจัดการได้ที่แอปพลิเคชั่นนี้ได้เลย
ออกวิ่งได้โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟน
Galaxy Watch มาพร้อมกับ GPS ภายในตัว ดังนั้นสามารถจับเส้นทางการออกกำลังกายกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือปั่นจักรยาน และมีหน่วยความจำ 4GB สำหรับใส่เพลงเข้าไปเพื่อฟังเพลงกับหูฟังบลูทูธ จึงไม่จำเป็นต้องพกสมาร์ทโฟนออกไปด้วยในขณะออกกำลังกายก็จะมีการวัดความเร็ว, ระยะทาง, อัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งข้อมูลการออกกำลังกายต่างๆ เราสามารถดูได้จาก Galaxy Watch หรือถ้าหากต้องการดูข้อมูลที่ละเอียดขึ้น จะต้องดูในแอปพลิเคชัน Samsung Health
ติดตามการนอนหลับ
Galaxy Watch สามารถติดตามการนอนหลับเพื่อดูสุขภาพการนอนหลับของเราได้ ซึ่งการติดตามนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรมากมาย เพียงแค่สวมใส่นาฬิกาตอนนอนด้วยนั่นเอง ตื่นเช้ามาก็จะเห็นสุขภาพการนอนหลับของเราแล้ว ซึ่งสามารถดูข้อมูลและรายละเอียดการนอนหลับของเราได้จากนาฬิกาหรือ Samsung Health ก็ได้เช่นกัน
ข้อมูลสุขภาพการนอนหลับจะมีการแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ Motionless ที่ไม่มีการขยับตัว ซึ่งก็จะเหมือนกับ deep sleep (REM), Light เป็นช่วงหลับตื้น และ Restless เป็นช่วงที่มีการขยับตัว ทั้งนี้ก็จะมีการบอกประสิทธิภาพการนอนหลับ (Efficiency) ของเราว่าดีแค่ไหน
สรุป
เป็นสมาร์ทวอชที่รักสุขภาพมากขึ้น มีความสวยงามดีไซน์ที่สวยหรู แตกต่างจากนาฬกา Fitness Tracker ทั่วไป ที่มักจะมีดีไซน์แนวสปอร์ต แต่สำหรับ Galaxy Wacth เป็นสมาร์ทวอชที่มีดีไซน์ที่สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส และยังเต็มไปด้วยฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจจับการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน, การออกกำลังกาย และการติดตามการนอนหลับ ซึ่งถ้าใครกำลังมองหาสมาร์ทวอชไว้ใช้งานสักเรือน Galaxy Watch ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
Samsung Galaxy Watch ราคา 12,900 บาท สำหรับรุ่น 46mm และ ราคา 11,900 บาท สำหรับรุ่น 42mm เริ่มวางจำหน่ายในงาน Thailand Mobile Expo 2018 วันที่ 27-30 กันยายน 2561 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์