ปัจจุบันกล้องขนาดเล็กที่เรียกว่า กล้องแอคชั่นแคม (Action Camera) กลายเป็นกล้องที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยความที่มันเล็กกะทัดรัด พกพาง่าย และใช้ถ่ายได้ในกิจกรรมสนุกๆ ที่เอากล้องทั่วไปพกไปถ่ายไม่ได้อย่างเช่น บนรถที่กำลังวิ่ง, ปีนเขา, กระโดดร่ม หรือแม้แต่ดำลงไปใต้น้ำ ก็สามารถเอากล้องแอคชั่นแคมลงไปเก็บภาพที่ไม่เคยถ่ายได้ คนที่มาเปิดตลาดกล้องแนวนี้ และคนส่วนใหญ่รู้จักกันดีก็คือ GoPro ทำให้มีหลายๆ แบรนด์ทั่วโลกทั้งแบรนด์ดังและแบรนด์หน้าใหม่ต่างผลิตกล้องเข้ามาทำให้ตลาดนี้ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับกล้องตัวที่เราจะมาแนะนำกันนี้คือ YI 4K (Yi ออกเสียงว่า “อี่”) เป็นกล้องรุ่นที่ 2 ของบริษัท YI Technology ที่เป็นผู้พัฒนาและผลิตกล้องระดับแถวหน้าของประเทศจีน ในตัวรุ่นแรกออกมาขายเมื่อปีที่แล้ว (2015) เป็นกระแสได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยสเปคภายในสามารถทำได้เทียบเท่ากับ GoPro รุ่น Hero ที่ราคาขายหมื่นกว่าบาท แต่ Yi Camera ขายด้วยแค่ 3,000 บาท ผ่านไปปีเดียวก็ปล่อยรุ่นที่ 2 เป็น YI 4K ที่พัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพิ่มขึ้นมาแบบแน่นเอี้ยด
รูปลักษณ์ภายนอก : เปลี่ยนหน้าตาดูสวยขึ้น
เทียบกับ Yi Camera รุ่นแรกแล้ว Yi 4K ออกแบบใหม่ให้ดูเรียบง่ายกว่าเดิม โดยเฉพาะเรื่องของสีที่มีให้เลือก 3 สีด้วยกันคือ ดำ, ขาว และสีชมพูแบบโรสโกลด์ ดูดีกว่ารุ่นแรกที่เป็นสีเขียวเหลืองมะนาว ขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับรุ่นแรกอยู่ที่ 65 x 42 x 21 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักกล้องพร้อมแบตเตอรี่อยู่ที่ 95 กรัม
ด้านหน้ามีตัวเลนส์กล้องแบบประกอบ 7 ชิ้น Fix Focus รูรับแสง f/2.8 เก็บภาพมุมกว้างได้ถึง 155 องศา มีไฟ LED ขนาดเล็กสำหรับแสดงสถานะการทำงานของกล้อง ส่วนทางด้านข้างมีช่องสำหรับเสียบสายแบบ Micro USB เพื่อชาร์จไฟและเสียบโอนข้อมูลจาก microSD ในเครื่องเข้าคอมพิวเตอร์
ด้านบนจะมีปุ่ม Shutter เพื่อเปิดใช้งาน สามารถเปิดกล้องขึ้นมาใช้งานระหว่างที่ปิดไว้ด้วยการกดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้แค่ 3 วินาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วมากๆ มีช่องลำโพงสำหรับใช้เล่นเสียงของไฟล์วิดีโอที่ถ่ายไว้แล้ว ส่วนรูเล็กๆ ด้านข้างชัตเตอร์คือช่องไมโครโฟน ที่ใช้แบบ 2 ตัวเพื่อบันทึกเสียงแบบสเตอริโอ 48kHz พร้อมทั้งช่วยในเรื่องของการลดเสียงรบกวนภายนอก ทำให้เก็บรายละเอียดของเสียงรอบข้างระหว่างที่ถ่ายวิดีโอได้ดียิ่งขึ้น
ด้านล่างจะมีรูสำหรับติดตั้งกับขาตั้งกล้องแบบ tripod ขนาด ¼ นิ้ว มีตัวล็อคที่เลื่อนเปิดฝาออก ภายในเป็นช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนได้ และช่องใส่การ์ด microSD รองรับความจุได้สูงสุด 128 GB ในการใช้งานกับกล้องรุ่นนี้แนะนำให้ใช้การ์ดที่เป็นแบบ SDHC, SDXC ที่รองรับมาตรฐาน U3 สำหรับการใช้งานบันทึกภาพระดับ 4K ได้ดีที่สุด (ถ้าเป็นยี่ห้อแนะนำของ Sandisk ไม่ก็ Samsung)
ด้านหลังมีหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 2.19 นิ้ว มุมมองได้กว้าง 160 องศา ความละเอียด 640×360 พิกเซล (330ppi) ที่ถือว่าชัดมาก แถมครอบด้วยกระจก Gorilla Glass กันรอยขูดขีดและกันกระแทกได้
สเปคและประสิทธิภาพภายใน
คราวนี้เรามาดูภายในของกล้องกันบ้าง Yi 4K ใช้ชิปประมวลผลของ Ambarella A9SE75 รุ่นใหม่ล่าสุด มีประสิทธิภาพดีขึ้นในเรื่องของอุณหภูมิและการประหยัดพลังงานดีกว่าเดิม ทาง Yi ถึงกับกล้าออกตัวเลยว่า YI 4K จะไม่มีปัญหาเรื่องกล้องร้อนจน Overheat จนดับอย่างแน่นอน
เซนเซอร์ถ่ายภาพใช้ของ Sony IMX377 ถ่ายภาพนิ่งได้ความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซลทำให้ YI 4K ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดได้ถึง 4K ที่ 30 fps (เฟรมต่อวินาที) และยังถ่ายในโหมด Slo-mo ได้สูงถึง 240fps
ระบบการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Wi-Fi ใช้เป็นแบบ Dual Band ที่รองรับได้ทั้งแบบ 2.4GHz และ 5GHz ช่วยให้เราเชื่อมต่อกล้องผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนเพื่อสั่งงานหรือโอนภาพ-วิดีโอจากกล้องมาที่มือถือได้รวดเร็วมากกว่าเดิม
แบตเตอรี่ของ YI 4K มีขนาดความจุ 1,400 mAh จากที่ได้เราทดสอบใช้งานจริง สามารถใช้งานถ่าย 4K ต่อเนื่องได้ประมาณ 80-90 นาที ซึ่งถ้าใช้ความละเอียดน้อยกว่าหรือปิดพักบ้าง ก็สามารถใช้ได้นาน
ใช้งานคู่กับแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน
เราสามารถใช้งานควบคุมตัวกล้อง Yi 4K ผ่านแอพพลิเคชั่น Yi Connect ที่มีให้ใช้ได้ทั้งระบบ iOS และ Android ผ่านทาง Wi-Fi ที่รวดเร็วกว่าแบบ Bluetooth จากการทดสอบ เวลากดสั่งเชื่อมต่อกล้องกับแอพนั้นเร็วมาก เพียงแค่ประมาณ 8-10 วินาทีก็เรียบร้อยแล้ว ในแอพเราสามารถดูภาพจากกล้องผ่านทางหน้าจอมือถือได้เลย และใช้เพื่อควบคุมหรือเลือกโหมดการถ่ายภาพ, ตั้งค่า Setting ต่างๆ รวมไปถึงดาวน์โหลดภาพหรือคลิปวิดีโอจากกล้องมาไว้ในมือถือได้ด้วย
โหมดการใช้งานต่างๆ
คราวนี้มาดูเรื่องโหมดการใช้งานของกล้อง Yi 4K กัน การเลือกโหมดถ่ายภาพทำได้ทั้งกดเลือกจากหน้าจอทัชสกรีนของกล้อง หรือกดเลือกและสั่งถ่ายผ่านจากแอพในสมาร์ทโฟน โดยจะมีโหมดให้เลือกในการถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอถึง 9 รูปแบบด้วยกัน
Photo สำหรับใช้ถ่ายภาพนิ่ง เลือกความละเอียดของภาพได้ตั้งแต่ 5 ล้านพิกเซลไปจนถึง 12 ล้านพิกเซลPhoto Timer ตั้งเวลาถ่ายภาพโดยการนับเวลาถอยหลัง ที่เลือกได้ตั้งแต่ 3, 5, 10 และ 15 วินาที
Photo Burst สั่งให้ถ่ายภาพนิ่งแบบรัวอย่างรวดเร็ว ทำได้สูงสุดถึง 30 ภาพใน 1 วินาที
Video หัวใจหลักของกล้องแบบ Action Cam ก็คือการถ่ายวิดีโอนี่ล่ะ Yi 4K สามารถเลือกขนาดของภาพได้แบบ 4:3, 16:9 และ 16:9 Ultra ปรับความคมชัดของการบันทึกภาพได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่ที่ 480P, 720P, 1080P, 1440P, 2.5K และ 4K และเลือกความละเอียดของเฟรมภาพได้ตั้งแต่ 30fps ไปจนถึง 240fps
Time Lapse Video การถ่ายวิดีโอแบบตั้งกล้องไว้นานๆ เพื่อเก็บภาพแล้วย่นเวลาให้ได้ภาพที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว สามารถเลือกความละเอียดของวิดีโอที่ 2.5K และ 4K ที่ 30fps ในการตั้งค่าจะเลือกได้ว่าจะบันทึกภาพ 1 เฟรมในทุกกี่วินาที (เลือกได้ตั้งแต่ 5-60 วินาที) และให้ความยาวของคลิปยาวกี่วินาที
Slow Motion โหมดการถ่ายวิดีโอจับภาพเคลื่อนไหวช้าแบบสโลว์โมชั่น ที่เลือกได้จากตัวกล้องได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาต่อเข้าคอมพิวเตอร์แล้วปรับความเร็วเอง สามารถเลือกความช้าได้ตั้งแต่ 2 เท่าไปจนถึง 8 เท่าTime Lapse Photo ถ่ายภาพนิ่งเพื่อทำเป็นวิดีโอเคลื่อนไหวแบบ Time-Lapse ที่จะต่างจากแบบแรกตรงที่จะเป็นการเลือกให้กล้องทำการถ่ายภาพนิ่งเป็นจังหวะเลือกได้ตั้งแต่ทุก 0.5 วินาที ไปจนถึงทุก 60 วินาที Loop Record สำหรับเอาไว้ใช้งานคล้ายๆ กับกล้องติดรถยนต์ เป็นการถ่ายวิดีโอโดยกำหนดระยะเวลาของคลิปเอาไว้ตั้งแต่ต้นว่าต้องการคลิปความยาวเท่าไร จากนั้นเมื่อกดบันทึกวิดีโอ ตัวกล้องจะทำการบันทึกไปและวนในรอบเวลาที่เลือกไว้
Video + photo เป็นการสั่งให้บันทึกภาพวิดีโอ พร้อมทั้งสั่งให้เก็บภาพนิ่งให้ระหว่างที่ถ่ายวิดีโอได้ โดยกำหนดให้ถ่ายภาพนิ่งเอาไว้ตามจังหวะเวลาที่ต้องการ
ความสามารถเด่นในการถ่ายภาพ-วิดีโอ
นอกจากจะมีโหมดให้เลือกใช้ในการบันทึกภาพหลากหลายแล้ว ตัวกล้อง YI 4K ยังมีฟีเจอร์พิเศษน่าสนใจอีกหลายอย่าง ที่ช่วยให้เราสามารถถ่ายวิดีโอออกมาได้ดียิ่งกว่าเดิม
ระบบลดการสั่นไหวของภาพแบบ EIS (Electronic Image Stabilization)
เป็นความสามารถที่น่าทึ่งและต้องยกนิ้วให้กับกล้อง YI 4K ในตัวกล้องจะมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวโดยละเอียด Gyroscope และ Accelerometer แบบ 3 แกน ทำงานร่วมกับระบบ EIS ทำให้การสั่นไหวของวิดีโอลดน้อยลงได้มากในระดับพอๆ กับกล้องที่ใช้อุปกรณ์กิมบอลเลยทีเดียว
ระบบลดความเบี้ยวของภาพ LDC (Lens Distortion Correction)
ปกติแล้วกล้องแบบ Action Cam จะใช้เลนส์แบบ wide angle เพื่อทำให้สามารถเก็บภาพในมุมที่กว้างได้ แต่นั่นก็มีข้อเสียตรงที่สัดส่วนของภาพมีความโค้งงอในบริเวณขอบ เวลาเจอวัตถุเป็นแท่งตั้งอย่างต้นไม้หรือเสา ถ่ายออกมาจะเห็นว่ามันโค้งเว้าจนผิดรูป ซึ่งจะต้องไปแก้ไขผ่านโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์อีกที แต่ใน YI 4K ได้ใส่ระบบแก้ไขนี้มาให้ด้วย โดยจะปรับภาพที่เว้าให้กลับมาแบนราบสมส่วนตามจริงตั้งแต่ตอนที่ถ่ายบันทึกวิดีโอเลย
ประสบการณ์หลังการใช้งาน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนคงจะรู้สึกว่าเจ้า YI 4K Action Camera ตัวนี้ออกมาเพื่อชนกับแบรนด์ดังอย่าง GoPro แบบชนิดที่เรียกว่า อัพสเปคและความสามารถต่างๆ ให้เหนือกว่าในแทบจะทุกด้าน และหลังจากที่ได้ลองทดสอบแล้วก็รู้สึกว่าการใช้งานทุกอย่างทำได้ดีในระดับที่น่าประทับใจมาก ทุกอย่างทำได้ลื่นไหลไม่มีอะไรจุกจิกกวนใจ แบตเตอรี่ที่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน, มีโหมดปรับแก้ภาพไม่ให้บิดเบี้ยว โดยเฉพาะตัวระบบ EIS กันสั่นไหวของภาพเป็นอะไรที่โดนใจมากๆ เพราะเวลาถ่ายวิดีโอที่เราต้องเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเดิน, นั่งรถ, ปั่นจักรยาน ฯลฯ ภาพที่ได้แทบจะไม่การสั่นไหวเลย
การใช้งานที่ทุกอย่างสามารถจบได้ที่ตัวกล้องทั้งหมด ไม่ต้องเอาไปแปลงหรือปรับผ่านแอพในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังใช้งานคู่กับแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนได้ดี ทั้งเรื่องการสั่งควบคุมกล้องจากระยะไกลและการโอนไฟล์วิดีโอจากกล้องผ่าน Wi-Fi มาที่มือถือได้รวดเร็ว ทำให้เวลาที่ถ่ายวิดีโอเสร็จ คุณก็สามารถแชร์ช่วงเวลานั้นผ่านแอพโซเชียลต่างๆ ได้เลย
คราวนี้มาถึงเรื่องของราคา ตอนนี้ Yi Technology ร่วมกับ ป๊อปลีดเดอร์ ได้นำ YI 4K เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเป็นเวอร์ชั่น International ที่เมนูคำสั่งจะเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด โดยราคาอยู่ที่ 9,590 บาท พร้อมกับการรับประกันนาน 1 ปีเต็มที่เมื่อสินค้ามีปัญหาจากการใช้งานปกติจะทำการเปลี่ยนเป็นตัวใหม่ให้ทันที
ตัวอย่างภาพถ่ายแบบปกติกับเปิดโหมด LDC เพื่อลดความโค้งเว้าบริเวณขอบภาพ จะเห็นว่า ภาพแทบจะไม่มีการบิดเบี้ยวเลย
สำหรับภาพวิดีโอตัวอย่างที่ใช้กล้อง YI 4K สามารถเข้าไปรับชมได้ที่ www.whatphone.net
ขอขอบคุณ ร้านเทพแก็ดเจท ตัวแทนจำหน่ายกล้อง YI 4K สำหรับการทดสอบครั้งนี้ สนใจข้อมูลสินค้าเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.LNWgadget.com